บทที่ 165: อย่าพูด จูบ!

ภายในหุบเขาอันมืดมิดของภูเขา โรเอลจ้องมองไปยังหุบเขาที่อยู่ห่างไกลออกไปด้วยความมึนงง หญิงสาวผมสีทองค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาจากความมืดบนบัลลังก์เก่าแก่เบื้องหน้าเขา เธอมีรูปร่างที่สมส่วนซึ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจนแม้จะอยู่ภายใต้เสื้อคลุมยาว ผมของเธอเปล่งแสงสีทองออกมา

“พบกันอีกครั้งแล้วสินะ ดูเหมือนว่าเจ้าจะสามารถเอาชนะวิกฤตการณ์ไปได้ ต้องขอยอมรับว่าข้าค่อนข้างแปลกใจที่ได้เห็นว่าเจ้าไม่ได้ใช้พรของข้า ข้าควรชมเชยเจ้าไหม? หรือมันเป็นเพียงการกระทำโดยเจตนาของเจ้า”

“โดยเจตนา? หมายความว่ายังไง?”

“ความกลัวและความหวาดกลัว นี่คืออารมณ์ที่มนุษย์มีต่อพวกเราโดยธรรมชาติ ตัวตนที่ทรงพลังอำนาจอย่างพวกเราย่อมจะต้องถูกยำเกรง มันเป็นสัญชาตญาณตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาที่จะต้องกลัว”

“…”

โรเอลมองเข้าไปในดวงตาสวยที่เปล่งประกายของหญิงสาวตรงหน้า พลางพิจารณาคำพูดของเธออย่างรอบคอบ

“ฉันไม่ได้คิดที่จะเก็บมันเอาไว้ แต่ฉันไม่เต็มใจที่จะใช้คาถาเวทของเธอต่างหาก พูดตามตรงก็คือฉันทำใจใช้มันไม่ลง”

“เจ้าทำใจใช้มันไม่ลงงั้นเหรอ?”

ภายใต้สายตามองเจาะลึกของเปตรา โรเอลก้มศีรษะลงเล็กน้อย พยายามทำความเข้าใจความคิดของตนเอง

“ฉันรู้สึกว่าในอนาคตน่าจะมีอันตรายที่รุนแรงกว่านี้รออยู่ มันจึงฟังดูไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไหร่ที่จะเอาไพ่ตายออกมาใช้ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ฉันต้องการสำรองไพ่ตายที่ดีที่สุดเอาไว้ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด”

“โอ้? ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะให้ความสำคัญกับพรของข้าถึงขนาดนั้น ข้าพอใจที่ได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้ อันที่จริง การที่เจ้าให้ความสำคัญกับพรที่ข้ามอบให้ ถือเป็นการแสดงความเคารพนับถือต่อข้าที่ดี ซึ่งข้าก็ยินดีที่ได้เห็นว่าเจ้ารู้จักความเคารพ”

อารมณ์ของเปตราดูเหมือนจะดีขึ้นมาก จนริมฝีปากของเธอเริ่มมีรอยยิ้ม แต่ยังมีข้อสงสัยเล็กน้อยอยู่ในใจของเธอ

“ข้าสังเกตเห็นว่าตัวตนของเจ้า ดูขัดแย้งกับอายุของเจ้า”

“ตัวตนของฉันเหรอ?”

“ใช่ มันเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะโกหกข้าภายในมิติของข้า ที่นี่เป็นสถานที่ที่จะถอดคำลวงทั้งมวลออก เพื่อเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง”

“… อย่างนั้นเหรอ? มิน่าทำไมฉันถึงรู้สึกแปลก ๆ เวลาอยู่ที่นี่”

โรเอลพยักหน้าด้วยความตระหนัก ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าความรู้สึกผิดธรรมชาติที่คาใจเขาอยู่ตลอดเวลาคืออะไร ผู้หญิงคนนั้นจ้องโรเอลอย่างตั้งใจขณะที่แสงในดวงตาของเธอกรีดกรายรุนแรงยิ่งขึ้น

“ไม่ว่าจะในกรณีใด เจ้าได้ปฏิบัติตามสัญญาแรกของเราแล้ว ข้าเองก็น่าจะเปิดเผยความจริงใจออกมาบ้างเช่นกัน”

ดวงตาสีทองของเปตราดูเหมือนจะเปล่งประกายยิ่งขึ้น ภายใต้แววตาอันเฉียบคมของเธอ โรเอลรู้สึกแสบร้อนเล็กน้อยในดวงตา ทำให้เขาต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย

“เธอทำอะไรน่ะ?”

“ก็แค่ของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ เจ้าจะรู้ได้เองเมื่อเจ้าใช้คาถาเวท”

เปตรากล่าวด้วยรอยยิ้มที่ยังคงอยู่บนริมฝีปากของเธอ

ดวงตาของหญิงสาวยังคงจดจ่อไปที่โรเอล แต่ดูเหมือนว่าเธอจะมองเห็นอะไรบางอย่างเพิ่มเติม ทำให้เธอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเม้มปากถาม

“ข้าได้ยินมาจากสหายคนนั้น ว่าเจ้ามีเรื่องอยากจะถาม?”

“สหายคนนั้น?”

“ข้ากำลังหมายถึงยักษ์ตนนั้นที่เอาแต่โหวกเหวก​โวยวายอยู่ข้างนอก เขาช่างรับมือลำบากเสียนี่กระไร”

“หืม? เธอหมายถึงกรันด้างั้นเหรอ?”

ก่อนที่โรเอลจะเบิกตากว้าง เปตราก็พยักหน้ายืนยัน​ เธอวางมือบนแก้มพลางมองไปที่โรเอลด้วยแววตาอันร่าเริงน่าสนใจชอบกลเอามาก

“เขาโวยวาย เพราะเขาเข้ามาที่นี่ไม่ได้ ถึงกับขู่ข้าว่าห้ามยุ่งอะไรกับเจ้า”

“พวกเธอสองคนคุยกันได้งั้นเหรอ?”

“แน่นอนสิ โดยมีเจ้าทำหน้าที่เป็นสื่อกลางเชื่อมโยงพวกเราสองคนเข้าด้วยกัน แต่ข้าแปลกใจมาก ว่าเจ้าเอาชนะใจตัวตนระดับเขาได้อย่างไร?”

โรเอลอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเล็กน้อยเมื่อนึกถึงภาพกรันด้าที่กำลังโกรธเคือง หลังจากไตร่ตรองแล้ว โรเอลก็ตอบกลับอย่างระมัดระวัง

“เพราะพวกเราเป็นสหายกัน”

“สหาย?”

เปตราเบิกตากว้าง​ ตกตะลึงในคำตอบของเขา เธอกะพริบตาหลายครั้งก่อนจะหัวเราะออกมา

“เจ้าเป็นสหายกับคนแบบนั้นเหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าหนู เจ้านี่มันช่างน่าสนใจจริง ๆ!”

หญิงสาวยังคงหัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะนึกถึงเรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้ เปตราจ้องมองไปยังโลกภายนอกอันห่างไกลด้วยดวงตาของเธอที่เป็นประกายด้วยความใคร่รู้

“จงตอบข้าถึงสิ่งที่สวยงามที่สุดของโชคชะตา นี่คือคำถามของข้า”

“… พวกเธอทุกคนชอบที่จะตั้งคำถามยาก ๆ ตลอดเลยรึไง? โชคชะตา? คำนี้มีความเกี่ยวข้องกับฉันมากเกินไปแล้วในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้”

“เจ้ากำลังพูดถึงหญิงสาวที่บูชาเทพธิดาแห่งโชคชะตารึเปล่า?”

“ใช่สิ”

โรเอลคิดลึกลงไปอีกเล็กน้อย เขารู้สึกว่าบางทีอาจจะไม่ใช่แค่ชาร์ล็อต ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะผูกติดอยู่กับโชคชะตา รวมถึงการที่พวกเขาทั้งสองคนได้มาพบกัน ซึ่งนำมาสู่ทางแยกในชีวิตของเขาด้วยเช่นกัน

ไม่สิ พูดให้ถูกก็คือ พวกเขาต่างก็เป็นทางแยกของกันและกัน การพบกันของพวกเขาทั้งสองจะต้องสร้างระลอกคลื่นครั้งใหญ่ในอนาคตอย่างแน่นอน

เหตุการณ์ที่น่าตกใจต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายเมื่อเร็ว ๆ นี้ ความลึกลับบางอย่างที่เขาสงสัยได้ถูกเปิดเผย แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าตนเองยังเป็นเพียงนักเรียนตัวน้อยที่เพิ่งเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับโลก ความรู้บางส่วนที่เขาได้รับมา กลับทำให้เขายิ่งสับสนมากยิ่งขึ้น ทำให้เขาต้องคาดเดามากมายเกี่ยวกับเชื้อสายของตนเอง

“หญิงสาวคนนั้นมีสายเลือดบรรพกาลอันหาได้ยาก ซึ่งได้รับพรจากเทพธิดาแห่งโชคชะตา ข้าคิดว่าเธอน่าจะเป็นคู่ครองที่ดีสำหรับเจ้า”

“นั่นก็จริง… หือ?”

โรเอลพยักหน้าตามสัญชาตญาณกับคำพูดจริงจังที่พูดลงมาจากบัลลังก์ จากนั้นรูม่านตาของเขาก็พองขึ้นด้วยความตกตะลึง เมื่อจิตใจอันฟุ้งซ่านของเขาตระหนักได้ในที่สุดว่าตนเองเพิ่งตกลงอะไรไป

“เดี๋ยวก่อนนะ เธอกำลังพูดเรื่องอะไรน่ะ?”

“หืม? ข้าแค่บอกว่าสายเลือดทั้งสองของพวกเจ้าเข้ากันได้ดี ทำให้ลูกหลานที่มาจากพวกเจ้าทั้งสองคนมีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นผู้ครอบครองพลังสายเลือดด้วยเช่นกัน”

“ไม่ ๆ ฉันหมายความว่า… เดี๋ยวนะ ทำไมจู่ ๆ ถึงพูดถึงเรื่องการมีลูกหลานล่ะ? มันเกี่ยวอะไรด้วย?”

“ข้าคิดว่าพวกเจ้าสองคนเป็นคู่รักกัน ข้าพูดผิดไปงั้นหรือ?”

เปตรากะพริบตาด้วยความสับสน ไม่เข้าใจว่าโรเอลกำลังสื่ออะไร กลับกันแล้ว โรเอลก็พูดอะไรไม่ออกกับคำพูดเหล่านั้น จนเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะเริ่มอธิบายจากจุดไหนดี

“เราเป็นคู่หมั้นที่ยังไม่ได้แต่งงาน ยังไม่ได้แต่งงาน! จะไม่มีการผสมพันธุ์อะไรเกิดขึ้นในตอนนี้แน่ ๆ! ”

โรเอลพูดเน้นด้วยใบหน้าอันแดงก่ำจากความเขินอาย

มีความรู้สึกแปลก ๆ เดจาวู ทำให้โรเอลนึกถึงบทสนทนาที่มีกับกรันด้าในสถานะผู้เฝ้ามองครั้งก่อน จนเขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเปตราเป็นกรันด้าที่หลงเข้ามาที่นี่รึเปล่า

พวกเขาพูดคุยเกี่ยวกับการร่วมรักตรง ๆ แบบนี้ … พวกที่มาจากยุคโบราณตรงไปตรงมาเกินไปแล้วมั้ง? น่าสอนเรื่องความละเอียดอ่อนเกี่ยวกับอะไรพวกนี้ให้กับพวกเขาจริง ๆ!

โรเอลตื่นเต้นมากจนความรู้สึกผิดธรรมชาติที่ เขารู้สึกจากการอยู่ในมิตินี้เบาบางลงอย่างมาก เปตรา รู้สึกทึ่งกับเหตุการณ์นี้เล็กน้อย แต่เธอตัดสินใจที่จะไม่ใส่ใจมันเท่าไหร่ เธอเงยหน้าขึ้นมองดูทิวเขาที่อยู่ไกลออกไป ก่อนจะพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ

“อย่างนั้นหรือ? แต่… ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นคนเดียวที่รู้สึกแบบนั้นนะ?”

“อะไรนะ?”

“เจ้าควรกลับออกไปได้แล้ว”

เปตรามองดูโรเอลและเตือนเขา

“อย่าลืมคำถามของข้าล่ะ เราจะได้พบกันอีกแน่ โรเอล แอสคาร์ด”

เสียงอ่อนโยนดังก้องอยู่ในหูของเขา ก่อนที่พายุร้ายจะพัดผ่านบริเวณนั้น ทำลายสภาพแวดล้อมโดยรอบ ส่งสติของโรเอลให้ค่อย ๆ จางหายไปจนทุกอย่างกลายเป็นสีดำ

“พ…พวกเราควรทำอย่างไรกันดี? อุณหภูมิของเขาลดลงไม่หยุดเลย!”

“ไข่ไม่ตอบสนองอีกต่อไปแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะเป็นผลจากคาถาเวทที่ดูดซับมันเข้าไปของโรเอล”

ในห้องรับรองของเรือที่ถูกออกแบบมาอย่างวิจิตรงดงาม อิซาเบลลากำลังมองดูเด็กชายที่นอนอยู่บนเตียง ปล่อยคลื่นหมอกเย็น ๆ ออกมา พร้อมกับขมวดคิ้วแน่น

ย้อนกลับไปในตอนนั้น ทันทีที่โรเอลหมดสติหลังจากดูดซับพลังเวทเยือกแข็ง อิซาเบลลาก็อุ้มโรเอลเข้าไปในห้องนี้ทันทีและให้แพทย์บนเรือคอยตรวจดูอาการ โชคดีที่ดูเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับเขา

มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่โรเอลต้องอยู่ในสภาวะหมดสติมาโดยตลอด เขาจึงไม่สามารถเข้าร่วมงานฉลองที่ลูกเรือทุกคนจัดเพื่อเฉลิมฉลองที่พวกเขารอดชีวิตจากวิกฤตมาได้

การเสียสละของโรเอลนั้นไม่ได้ไร้ประโยชน์ การกระทำของเขาในการดูดซับพลังเวทเยือกแข็ง ช่วยลดภาระของจิตวิญญาณทองคำลงมาก ทำให้เอสเอส เซนต์แมรี่กลับมาทำงานได้ตามปกติ ความเร็วของมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก และการป้องกันเองก็ได้รับการฟื้นฟูเช่นกัน

ทว่าเมื่อหนึ่งนาทีที่แล้ว อาการของโรเอลกลับแย่ลง

“นี่คือพลังเวทเยือกแข็งที่มาจากไข่ใบนั้น เราน่าจะสามารถสะกดมันเอาไว้ได้ ด้วยพลังวิญญาณทองคำ เหมือนกับที่เราทำกับไข่”

“เห็นด้วยค่ะ”

ชาร์ล็อตพยักหน้าเห็นด้วยกับความเห็นของอิซาเบลลา อย่างไรก็ตามในไม่ช้าเธอก็สังเกตเห็นปัญหาอย่างหนึ่ง

การสะกดของจิตวิญญาณทองคำ ทำให้อุณหภูมิภายในห้องสูงขึ้น แต่นั่นกลับทำให้พลังเวทเยือกแข็งกลับลงไปในตัวโรเอล ทำให้เขาอยู่ในสภาพย่ำแย่กว่าเมื่อก่อน

“ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้แล้ว ตอนนี้เขาเป็นเหมือนฟองน้ำ และพลังเวทเยือกแข็งก็เป็นเหมือนน้ำสำหรับเขา การพยายามระงับพลังเวทเยือกแข็งจากภายนอกไม่ได้ผลแน่ มันยิ่งทำให้อาการของเขาแย่ลง สิ่งที่เราต้องทำคือการบีบเอาพลังเวทเยือกแข็งออกจากตัวเขา”

“ต…แต่พวกเราจะทำอะไรได้ล่ะ?”

ชาร์ล็อตหยุดการควบคุมจิตวิญญาณแห่งทองคำอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินการคาดเดาของอิซาเบลลา ทันใดนั้นอิซาเบลลาก็หันกลับไปหาชาร์ล็อต ซึ่งดูราวกับว่าเธอจะร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ และจู่ ๆ ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเธอ

“ชาร์ล็อต ดูเหมือนจะต้องฝากเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของคู่หมั้นของเขาอย่างเจ้าแล้วล่ะ”

อิซาเบลลามองดูเด็กสาวที่กำลังลนลานตรงหน้าเธออย่างเคร่งขรึม ก่อนจะยกมือขึ้นอย่างสง่างามและชี้ไปทางเด็กชายที่นอนอยู่บนเตียงแล้วออกคำสั่ง

“จูบเขาซะ!”