ภาคที่ 2 บทที่ 167 แจ้งข่าว

มู่หนานจือ

ณ จวนเจิ้นกั๋วกง

เติ้งเฉิงลู่ยืนอยู่ตรงหน้าเจียงเจิ้นหยวนอย่างหวาดกลัวจนตัวสั่น และหน้าแดง นานมากก็ไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

เจียงเจิ้นหยวนลอบถอนหายใจ

ซื่อจื่อของตระกูลอันลู่โหวผู้นี้ดูสุภาพและอ่อนแอ มิน่าเล่าเวลานี้ตระกูลที่สร้างความดีความชอบต่อแคว้นถึงเพียงนี้ก็ยังหาคนที่สามารถนำทหารออกรบสักคนได้ยาก

เขาผ่อนคลายสีหน้าลงเล็กน้อย และเอ่ยว่า “ดึกขนาดนี้แล้ว เจ้ามาพบข้าเพียงลำพัง นึกเรื่องอะไรที่สำคัญขึ้นมาได้หรือ?”

เติ้งเฉิงลู่กำมือที่ตกอยู่ที่ตะเข็บของเสื้อคลุมยาวแน่นจนเป็นหมัด และสูดหายใจลึกครั้งหนึ่ง แล้วถึงเอ่ยว่า “ท่านลุงเจียง ข้าคิดว่า…จินเซียวต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างแน่นอนขอรับ”

เจียงเจิ้นหยวนค่อนข้างแปลกใจทีเดียว เขาค่อยๆ ตีหน้าขรึม จนสีหน้าจริงจังขึ้นมา แล้วเอ่ยอย่างจริงจังและระมัดระวังว่า “เฉิงลู่ เจ้ารู้ว่าเจ้ากำลังพูดอะไรออกมาใช่หรือไม่?”

“ข้ารู้ขอรับ!” อาจจะเพราะในที่สุดก็พูดสิ่งที่เก็บกักอยู่ในใจออกมาแล้ว และอาจจะเพราะเรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว หากเขาไม่พูดให้ชัดเจน ไม่เพียงแต่อาจจะเป็นการใส่ร้ายจินเซียว ทว่ายังอาจทำให้การคิดหาทางช่วยเหลือเจียงเซี่ยนล่าช้าด้วย เติ้งเฉิงลู่นั้นนอกจากพูดให้ชัดเจน ก็ไม่มีทางอื่นให้เลือกเดินแล้ว เขากลายเป็นพูดจาคล่องแคล่วขึ้นมาทันใด “ท่านลุงเจียง ก่อนที่ข้าจะมาหาท่านก็ลังเลอยู่นานมากเช่นกัน กลัวว่าตนเองเดาผิดแล้วจะทำร้ายท่านหญิงเจียหนาน แต่วันนี้จินเซียวกลับดึงอ๋องเหลียวเข้ามาพัวพัน ข้าก็ยิ่งแน่ใจแล้ว”

เจียงเจิ้นหยวนได้ยินแล้วสีหน้าก็แลดูลุ่มลึกเล็กน้อย

เติ้งเฉิงลู่จดจ่ออยู่แต่กับสิ่งที่ตนเองจะพูด จึงไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้ เขาเอ่ยว่า “คนธรรมดามากมายทั่วใต้หล้าวิ่งเต้นเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง”

“หลังจากท่านหญิงหายตัวไป ข้าก็คิดเรื่องนี้อยู่ตลอด”

“ไม่ว่าใครจะลักพาตัวท่านหญิงไป ก็ต้องเป็นเพราะจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้อย่างแน่นอน”

“ไม่เกิดเรื่องกับท่านหญิงก่อนหน้านี้ แต่ดันเกิดเรื่องตอนกำลังคุยเรื่องแต่งงาน เช่นนั้นเรื่องที่ท่านหญิงหายตัวไป ก็เป็นไปได้มากกว่าจะเกี่ยวข้องกับการแต่งงานของท่านหญิง”

“คนๆ นั้นสามารถพาท่านหญิงไปอย่างเงียบๆ ได้ ก็ต้องมีคนคอยแอบร่วมมืออยู่ในหมู่บ้าน ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางที่จะพาท่านหญิงไปโดยที่ไม่ผิดสังเกตได้”

“ตอนนั้นที่หมู่บ้านมีคนเจ็ดคน ได้แก่ ข้า ท่านพี่เจียง ท่านพี่หวัง ท่านพี่เฉา ซื่อจื่อจิ้งไห่โหว จินเซียว และท่านหญิงชิงฮุ่ย”

“ไม่มีทางเป็นซื่อจื่อจิ้งไห่โหว เพราะเขากับท่านหญิงแลกเปลี่ยนเทียบขอพบกันแล้ว เกิดเรื่องกับท่านหญิง มีแต่จะเป็นผลเสียกับเขา”

“รองลงมาคือท่านหญิงชิงฮุ่ย”

“นางกับท่านหญิงรักใคร่กันเหมือนพี่น้อง และคนที่นางแต่งงานด้วยคือท่านพี่เฉา เกิดเรื่องกับท่านหญิง นางยังมีประโยชน์อันใดกับตระกูลเฉา?”

“และข้าสืบมาแล้ว คนรับใช้ข้างกายท่านหญิงชิงฮุ่ยไม่มีใครเคยเดินออกจากเรือนด้านในหรือเคยติดต่อกับหญิงรับใช้ของหมู่บ้านเลยสักคน นางจึงไม่มีโอกาสเปิดเผยที่อยู่ของท่านหญิง”

“แล้วก็ท่านพี่เฉา”

“เวลานี้เฉาไทเฮาจะทำอะไรในราชสำนักก็ลำบากทุกย่างก้าว นางไม่มีทางรับผลจากการล่วงเกินตระกูลเจียงกับไทฮองไทเฮาพร้อมกันไหวอย่างแน่นอน”

“ดังนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ฝีมือของท่านพี่เฉาเช่นกัน”

“ไม่เพียงแต่ไม่ใช่ฝีมือของเขา เกรงว่าเวลานี้เขาก็คงร้อนใจเหมือนกับท่านลุงเจียงและท่านพี่เจียง หวังว่าจะหาท่านหญิงเจอได้ในเร็ววัน และชะล้างความน่าสงสัยของตนเอง”

“ส่วนท่านพี่หวังก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้แล้ว”

“หากเขาอยากแต่งงานกับท่านหญิง ก็คงไม่ต้องใช้วิธีซับซ้อนเช่นนี้?”

เติ้งเฉิงลู่เว้นวรรคเล็กน้อย

ท่านหญิงเจียหนานหายตัวไป หวังจ้านเหมือนสูญเสียไปครึ่งชีวิตแล้ว…เขาต้องชอบท่านหญิงเจียหนานมากอย่างแน่นอน…

เพียงแต่เขาไม่อาจพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเจียงเจิ้นหยวนได้

พูดออกไปแล้ว เหมือนกำลังบอกว่าท่านหญิงเจียหนานกับหวังจ้านแอบมอบของให้กัน จะไม่ดีกับชื่อเสียงของพวกเขาทั้งสองคน

แต่ว่า…ทำไมหวังจ้านถึงไม่ขอท่านหญิงเจียหนานแต่งงานล่ะ?

หรือว่าไม่มีใครเห็นด้วย

เติ้งเฉิงลู่เหม่อลอยไปไกลครู่หนึ่ง แล้วหางตาก็ตกลงเล็กน้อย และเอ่ยอย่างหดหู่มากว่า “แล้วก็เป็นข้ากับจินเซียวแล้ว”

เจียงเจิ้นหยวนยิ้มโดยไม่พูดอะไร

เติ้งเฉิงลู่จมอยู่ในความคิดของตนเอง และพึมพำว่า “ท่านพี่เจียงต้องสงสัยข้ากับจินเซียวตั้งนานแล้วอย่างแน่นอน…พวกเฉาเซวียนต่างเป็นญาติที่เกี่ยวดองกันของตระกูลเจียงและคนกันเอง มีแต่ข้ากับจินเซียวที่ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับตระกูลเจียงเลย แต่ท่านพี่เจียงกลับปล่อยให้พวกข้าสองคนช่วยตามหาท่านหญิง ก็เพียงแค่อยากทำให้พวกเราสงบลงก่อน เพราะกลัวจะแหวกหญ้าให้งูตื่นจนเป็นอันตรายกับท่านหญิงเท่านั้น…”

เจียงเจิ้นหยวนนั่งตัวตรง

เหมือนกับพูดมาถึงตรงนี้ เขาถึงจะสนใจจริงๆ

ทว่าเติ้งเฉิงลู่ดันดูคนไม่เป็น และยังคงคิดแต่จะเอ่ยอยู่ตรงนั้นว่า “แต่ข้าไม่ได้ทำจริงๆ…หมู่บ้าน…จินเซียวเป็นคนหา คน…จินเซียวเป็นคนชวน หลังจากสืบจนแน่ชัดแล้วว่าไม่ใช่ฝีมือของฝ่าบาท เขายังผลักเรื่องนี้ไปที่อ๋องเหลียวอีก”

“ตระกูลเลี่ยวรักษาการณ์เหลียวตงมาหลายชั่วอายุคน หลังจากอ๋องเหลียวไปเหลียวตงแล้ว ก็ยืนกรานที่จะแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ของตระกูลเลี่ยว เพราะอยากอาศัยตระกูลเลี่ยวยืนหยัดที่เหลียวตง ตอนหลังเหลียวหวางเฟยป่วยตาย เขารับน้องสาวต่างมารดาของหวางเฟยเป็นอนุภรรยา เพื่อควบคุมเรื่องอาหารการกินในบ้าน และดูแลลูกชายสองคนที่เกิดจากชายาเอก จะเห็นได้ว่าเขาให้ความสำคัญกับตระกูลเลี่ยว”

“และท่านหญิงก็หาใช่สตรีทั่วไป”

“ตอนนั้นที่เฉาไทเฮาสำเร็จราชการแทน ก็คิดอยากให้ท่านพี่เฉาแต่งงานกับท่านหญิงอยู่ตลอดเวลา แต่ยังไม่กล้าออกราชโองการพระราชทานงานสมรส แสดงว่าท่านกับไทฮองไทเฮาต่างหวังให้ท่านหญิงหาคนที่ตนเองชอบสักคน จึงไม่เพียงแต่ไม่ยอมบังคับท่านหญิง ทว่ายังจะตัดสินใจให้ท่านหญิงด้วย”

“หลายปีมานี้อ๋องเหลียวติดตามความเป็นไปของเมืองหลวงอยู่ตลอดเวลา เขาไม่มีทางที่จะไม่รู้”

“หากท่านหญิงไม่ยินยอม เขาลักพาตัวท่านหญิงไปจะมีประโยชน์อะไร?”

“ต่อให้เขาบังคับท่านหญิง และท่านหญิงไม่อยากแต่ง อย่างมากก็แค่ฆ่าเขาแล้วค่อยเลือกสามีใหม่”

“มีคนมากมายที่อยากแต่งงานกับท่านหญิง”

“เช่นนี้อ๋องเหลียวก็รนหาที่ตายเองไม่ใช่หรือ?”

“เรื่องที่แม้แต่ข้ายังคิดได้ จินเซียวก็ต้องคิดได้เหมือนกันอย่างแน่นอน”

เติ้งเฉิงลู่พูดอยู่ จู่ๆ ก็หงุดหงิดขึ้นมา และเงยหน้ามองเจียงเจิ้นหยวน พลางเอ่ยว่า “ท่านลุงเจียง ทำไมท่านยังจะเชื่อคำพูดของจินเซียวอีก? ท่านหญิงหายตัวไปสี่วันสี่คืนแล้ว ต้องกินไม่ได้นอนไม่หลับอย่างแน่นอน แล้วทำไมท่านยังพูดจาอ้อมค้อมกับจินเซียวได้อย่างเยือกเย็นอีก ท่านควรจะเรียกจินเซียวมาซักถามเดี๋ยวนี้ถึงจะถูก…”

เจียงเจิ้นหยวนคิดไม่ถึงว่าอยู่ๆ เติ้งเฉิงลู่จะกลายเป็นคนใจกล้าขนาดนี้ เขายิ้มและเอ่ยว่า “เจ้าบอกว่าพวกเราสงสัยเจ้ากับจินเซียวตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ? และที่ให้เจ้ากับจินเซียวเข้ามามีส่วนร่วมในการตามหาเจียหนานก็เพราะกลัวแหวกหญ้าให้งูตื่น พวกเจ้าสองคนต่างไม่เผลอหลุดความจริงออกมา ข้าก็ไม่มีหลักฐาน จะซักถามอย่างไร? หากถามคนนี้ แต่คนที่แอบบอกข่าวกับคนอื่นกลับเป็นคนนั้น จะไม่เพียงแต่จับตัวไม่ได้ หากพวกเจ้าทำร้ายเจียหนานจะทำอย่างไร?”

“ไม่…ไม่ใช่ข้า!” ดวงตาที่น้อยใจของเติ้งเฉิงลู่แดงหมดแล้ว เขาเอ่ยเสียงดังว่า “ข้าสาบาน ไม่ใช่ข้าจริงๆ! ข้าไม่ได้ทรยศท่านหญิง!”

“คำพูดปากเปล่าไม่อาจเป็นหลักฐานได้!” เจียงเจิ้นหยวนดูไม่เชื่อเขา และเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “ในความคิดของข้า พวกเจ้านั้นคนหนึ่งเงียบไม่พูดอะไรเลย ส่วนอีกคนวิ่งพล่านไปทั่ว ต่างก็มีความน่าสงสัยทั้งนั้น! เจ้าต้องเอาหลักฐานออกมาถึงจะถูก”

“หลักฐาน!” เติ้งเฉิงลู่มองเจียงเจิ้นหยวนอย่างเลื่อนลอย และพึมพำอย่างลนลานจนทำอะไรไม่ถูกว่า “หลักฐาน…ข้าจะพิสูจน์ตนเองอย่างไร…ไม่อย่างนั้น…ไม่อย่างนั้น…” สายตาของเขาค่อยๆ เปล่งประกายสวยงาม ทว่าเขากลับเหมือนจะร้องไห้ออกมา เขาเอ่ยเสียงอู้อี้ว่า “เช่นนั้นข้าสาบานได้หรือไม่? ข้าสาบานว่า ต่อให้ช่วยท่านหญิงเจียหนานออกมาแล้ว ข้า…ข้าก็จะไม่แต่งงานกับนาง…ได้หรือไม่…”

หยาดน้ำตาขนาดเท่าเมล็ดถั่วของเขาร่วงลงมา

เจียงเจิ้นหยวนยากที่จะปิดบังความแปลกใจได้

เด็กคนนี้…กลับเป็นพวกจิตใจบริสุทธิ์งดงาม

เขาลุกขึ้นยืน และตะโกนเรียกผู้ติดตามเข้ามาเสียงดัง แล้วเอ่ยว่า “เจ้านำเทียบขอพบของข้าไปเรียกจินเซียวมา!”

ผู้ติดตามขานรับและจากไป

เติ้งเฉิงลู่มองเจียงเจิ้นหยวนอย่างงุนงง เหมือนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เจียงเจิ้นหยวนอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ และเอ่ยว่า “เจ้าให้ข้ารีบซักถามจินเซียวไม่ใช่หรือ? ทำไม? ข้าส่งไปหาจินเซียวแล้ว เจ้าคิดว่าข้าทำไม่ถูกหรือ?”