บทที่ 50.3 ประมือ! จ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะขั้นสูงสุด! (3)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

โจวเหว่ยชิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป ทว่าจากคำพูดของหมิงอู๋ สิ่งเดียวที่เขารู้คือหมิงอู๋จะไม่ฆ่าเขาอย่างแน่นอน

ไม่มีทางเลือกอื่นเลยหรือ? ใจของโจวเหว่ยชิงกำลังเต้นแรงอย่างดื้อรั้น เขาไม่อยากตายและไม่อาจตายได้ ความหวังและความฝันของผู้คนจำนวนมากตกอยู่บนบ่าของเขา ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่อยากจะสูญเสียอิสรภาพไปเช่นนี้! หลังจากพยายามดิ้นรนหาทางรอดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตัดสินใจได้อย่างแน่วแน่ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร เขาก็จะไม่ยอมไปกับหมิงอู๋แน่นอน แม้ว่าระดับพลังของพวกเขาจะห่างชั้นกันมาก แต่เขาก็จะต่อสู้เพื่ออิสรภาพของตนเอง!

เมื่อเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลเช่นนี้ ความกระหายเลือดและความเกรี้ยวกราดที่ถูกกดเอาไว้ในสายเลือดของเขาก็ถูกปลดปล่อยออกมา วินาทีนั้นดวงตาของโจวเหว่ยชิงพลันแข็งกร้าวขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

หากโจวเหว่ยชิงตะโกนด่าว่าเขาด้วยความโกรธ หมิงอู๋อาจจะรู้สึกดีขึ้น แต่เมื่ออีกฝ่ายทำเพียงจ้องมองเขาอย่างเงียบๆ เช่นนี้จึงนับเป็นเรื่องทรมานอย่างหนึ่งสำหรับคนอย่างหมิงอู๋ อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่มีทางเลือกแล้ว พรสวรรค์และพลังแต่กำเนิดที่โจวเหว่ยชิงแสดงออกมาโดดเด่นเกินไป ด้วยนิสัยที่เป็นผู้ใหญ่เกินวัยและความแข็งแกร่งของเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเมื่อเขาเติบโตขึ้น เขาจะต้องกลายเป็นบุคคลที่ทรงพลังและกลายเป็นขุมอำนาจหนึ่งของโลกแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวมณีทักษะธาตุปีศาจรุ่นแรกก็มีความสำคัญต่อนิกายปีศาจสวรรค์มากเกินไป พวกเขาจึงต้องการให้เด็กหนุ่มสืบสายเลือดนี้ต่อไป นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่หมิงอู๋สัญญากับโจวเหว่ยชิงว่าจะมอบหญิงงามจากนิกายให้เขา เพราะท้ายที่สุดแล้วนิกายของพวกเขาก็ต้องการเด็กที่เกิดจากโจวเหว่ยชิงเช่นกัน ไม่ว่าจะมองอย่างไร นิกายปีศาจสวรรค์ก็ไม่อาจปล่อยเขาไปได้ง่ายๆ

ในชั่วพริบตานั้นธนูราชันก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งในมือของโจวเหว่ยชิง ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากหมิงอู๋เพียง 20 เมตร พลังปราณสวรรค์เข้มข้นของเขาถูกปลดปล่อยออกมา จากนั้นลูกศรโลหะผสมไททาเนียมก็พาดเข้าที่คันธนูและชี้ไปทาง   หมิงอู๋ ด้วยทักษะการยิงธนูของโจวเหว่ยชิง หากเป็นในระยะดังกล่าว แม้แต่หมิงอู๋ก็ยากที่จะหลบพ้น

“ถ้าท่านต้องการให้ข้ายอมจำนนแก่สำนักของท่าน ท่านก็คงจะต้องบังคับข้าด้วยพลังของตัวเองแล้วล่ะ” เสียงของโจวเหว่ยชิงมีกลิ่นอายธาตุปีศาจเจือปนอยู่ ด้วยพลังปรานสวรรค์ที่ไหลเวียนอยู่รอบๆ ร่างกาย ขาขวาของปีศาจของเขาพลันปกคลุมไปด้วยลวดลายของเสือดำ เลือดในกายเดือดพล่านด้วยรังสีสังหารเข้มข้น

มือซ้ายของโจวเหว่ยชิงถือธนูราชันเอาไว้ มณีธาตุทั้ง 2 ดวงของเขาค่อยๆ กลิ้งเข้าไปในหลุมบรรจุมณีอย่างเงียบๆ ก่อเกิดเป็นแสงสว่างวาบขึ้นมาพร้อมๆ กับเสียงหวีดแหลมเสียดหู ในวินาทีนั้นเองลูกศรของโจวเหว่ยชิงก็ถูกยิงออกไปและทะยานเข้าหาหมิงอู๋ราวกับสายฟ้าฟาด

ขณะนี้หมิงอู๋กำลังรู้สึกผิดต่อโจวเหว่ยชิงและไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าเขา สิ่งที่เขาต้องการคือจับโจวเหว่ยชิงกลับไปที่นิกายของตนให้ได้ สำหรับวิธีการโน้มน้าวให้เขายอมรับและเข้าร่วมนิกายนั้น เขาย่อมต้องคิดหาทางจัดการได้ในภายหลัง

ทันทีที่โจวเหว่ยชิงหยิบธนูราชันออกมา หมิงอู๋ก็จับจ้องไปที่เขาอย่างตั้งใจ ด้วยระดับพลังปราณของเขา ภายในระยะ 1 กิโลเมตร โจวเหว่ยชิงย่อมไม่สามารถหลบหลีกประสาทสัมผัสของเขาได้ แม้โจวเหว่ยชิงจะมีทักษะที่สามารถทำให้ร่างของเขาชะงักได้อย่างน่าแปลกประหลาด แต่เขาก็คิดว่าตนสามารถจับตัวโจวเหว่ยชิงได้อยู่ดีไม่ว่าอีกฝ่ายจะวิ่งไปไกลแค่ไหนในช่วง 3 วินาทีนั้น หากไม่มีกติกาการเดิมพันที่โจวเหว่ยชิงกำหนดเอาไว้ก่อนหน้า ก็ไม่มีทางที่พลังปราณระดับมณี 3 ดวงของเขาจะสามารถต่อกรกับมณีทั้ง 9 ดวงของหมิงอู๋ได้

หมิงอู๋ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าว จากนั้นหมัดขวาของเขาก็พุ่งสวนออกไป การความเร็วในการตอบสนองของเขาเร็วเกินไป แม้ว่าทักษะธาตุและประเภทมณียุทธ์ของเขาจะไม่ใช่ความเร็วหรือความคล่องตัว แต่ด้วยระดับการฝึกฝนของเขา นั่นไม่ใช่สิ่งที่จ้าวมณีธรรมดาจะสามารถเปรียบเทียบได้

เมื่อแสงสีขาวปะทะเข้ากับลูกศรโลหะผสมไททาเนียม ลูกศรดอกนั้นก็สลายไปทันที แม้แต่พลังระเบิดทำลายล้าง 2 เท่าของโจวเหว่ยชิงก็ยังไม่เพียงพอจะทำลายพลังปราณสวรรค์ขั้นทะลวงพิภพของอีกฝ่ายที่ดูคล้ายของแข็งแต่แท้จริงเป็นภาพลวงตา แม้แต่เสียงปะทุของระเบิดลูกนั้นก็ยังถูกกักเอาไว้อย่างง่ายดายด้วยพลังของหมิงอู๋

ทว่าในช่วงเวลาต่อมาใบหน้าของหมิงอู๋ก็ต้องแข็งค้าง เหตุผลคือเมื่อหมัดของเขาปะทะเข้ากับลูกศรดอกนั้น เขากลับรู้สึกได้ถึงพลังโจมตีจากธาตุสายฟ้าซึ่งแผ่กระจายไปทั่วร่างกายของเขาอยู่ในขณะนี้ หากถูกโจมตีโดยไม่ทันได้ตั้งตัวเช่นนี้ แม้จะเป็นคนระดับหมิงอู๋ ร่างของเขาก็ต้องชาหนึบไปชั่วขณะเพราะพลังของทักษะธาตุสายฟ้า ไม่นานแสงสีเงินก็ตามมาห่อหุ้มทั่วทั้งร่างของเขาอย่างรวดเร็ว มันคือทักษะมิติกักขัง!

อันที่จริงการยิงธนูครั้งนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นขีดสูงสุดของเขาแล้ว เขาไม่เพียงแต่ใช้ทักษะการยิงธนูที่เป็นเอกลักษณ์ของมู่เอิน แต่ยังใช้ธนูราชันและยังใส่มณีธาตุอีก 2 ดวงเข้าไปในหลุมบรรจุมณีเพื่อให้สามารถใช้ทักษะการควบคุมอีก 2 ชนิดได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากสร้างหลุมบรรจุมณีหลุมที่ 2 นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ทักษะ 2 ชนิดบนธนูราชันพร้อมกันในการต่อสู้จริง ผลลัพธ์ของมันย่อมต้องทรงพลังอย่างแน่นอน

ทักษะฝ่ามืออัสนีบาตระรอกแรกทำให้หมิงอู๋ตกใจและมึนงงไปในเสี้ยววินาที นั่นจึงเปิดโอกาสให้โจวเหว่ยชิงสามารถใช้ทักษะมิติกักขังกักร่างของหมิงอู๋เอาไว้ในเวลาเดียวกัน

แทบจะในทันทีหลังจากที่เขายิงลูกศรดอกแรกออกไป โจวเหว่ยชิงก็ไม่รอช้า ยิงดอกที่ 2 ตามไปทันทีราวกับสายฟ้าฟาด แน่นอนว่าดอกที่ 3 ก็ตามไปติดๆ ภายในครึ่งจังหวะต่อมา โจวเหว่ยชิงไม่ได้พยายามหนีด้วยซ้ำเพราะเขารู้ว่าไม่มีทางหนีรอดไปได้ หรือถึงแม้ว่าเขาจะสามารถหลบหนีไปได้ เขาก็ไม่ทำเช่นนั้นอยู่ดี เพราะหากเขาจากไปเช่นนี้ ด้าน  ซ่างกวนปิงเอ๋อร์จะเป็นอย่างไร? ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำได้เพียงแค่พยายามต่อสู้อย่างเต็มที่ด้วยกำลังทั้งหมดที่มีเท่านั้น ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าความพยายามของตนอาจไร้ค่า แต่เขาก็จะยังคงพยายาม…ไม่ว่ามันจะเป็นโอกาสเพียงหนึ่งในหมื่น แต่เขาก็ยังจะพยายามจนกว่าจะตาย!

ในบันทึกของสำนักสวรรค์พิสดารบันทึกเอาไว้ว่าสมาชิกในสำนักเคยสังหารจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 10 ดวงมา ก่อน…แม้โจวเหว่ยชิงจะมีระดับพลังปราณต่ำกว่าสมาชิกคนอื่นๆ แต่พลังโดยรวมของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าสมาชิกของสำนักสวรรค์พิสดารคนไหนเลย หากเขาสามารถฆ่าหมิงอู๋ได้ เขาก็จะสามารถพาซ่างกวนปิงเอ๋อร์หลบหนีไปได้อย่างปลอดภัย

*ปัง!* ใช้เวลาไม่ถึงวินาที ทักษะมิติกักขังก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ แต่การคำนวณของโจวเหว่ยชิงนั้นแทบจะไม่ผิดพลาด ในขณะที่หมิงอู๋ทำลายทักษะมิติกักขัง ลูกศรดอกที่ 2 ของเขาก็พุ่งเข้าหาอีกฝ่ายแล้ว

ลูกธนูที่ถูกเร่งความเร็วนั้นมีพลังทำลายล้างอย่างมหาศาลและหมิงอู๋ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้หมัดอีกข้างเข้าปะทะเพื่อทำลายมัน อย่างไรก็ตาม สีหน้าของหมิงอู๋ก็ต้องแปรเปลี่ยนเป็นตกตะลึงอีกครั้ง

หน่วงเวลา…เป็นทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์แบบเดียวกับที่ทำให้เขาแพ้เดิมพันก่อนหน้านี้ที่ปะทะเข้ากับร่างของเขาอีกครั้ง ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์จากจ้าวมณีระดับ 3 ดวงนั้นมีผล 3 วินาที และอย่างที่ถังเซียนเคยกล่าวไว้ในอดีต ทักษะนี้ทรงพลังอย่างมาก ไม่ว่าระดับพลังระหว่างผู้ใช้กับศัตรูจะแตกต่างกันมากแค่ไหน ผลลัพธ์ของมันจะไม่เปลี่ยนแปลง!

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่มาพร้อมกับลูกศรดอกนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์เท่านั้น แต่ยังมีทักษะโซ่ตรวนวายุด้วย ลูกศรดอกที่ 2 นี้ซุกซ่อนทักษะการควบคุมเอาไว้ถึง 2 ชนิด! และที่สำคัญกว่านั้นคือทั้ง 2 ทักษะนี้เป็นทักษะที่แตกต่างจากทักษะที่ปรากฏในลูกศรดอกแรกโดยสิ้นเชิง สิ่งนี้ทำให้หมิงอู๋ถึงกับชะงักไปเล็กน้อย เด็กน้อยคนนี้มีทักษะกักเก็บกี่ชนิดกันแน่?! เขามีมณีธาตุกี่ชนิด?! ตอนนี้แม้แต่หมิงอู๋ก็ยังไม่อาจบอกได้

ด้วยผลของทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ หมิงอู๋จึงไม่สามารถต้านทานทักษะโซ่ตรวนวายุได้ พลังของทักษะนี้จึงส่งผลกับร่างกายของเขาอย่างเต็มที่ นั่นทำให้เขาไม่สามารถขยับตัวได้อย่างสิ้นเชิง ทำได้แค่เพียงหมุนเวียนพลังปราณสวรรค์ให้มากขึ้นและปลดปล่อยมันออกมาเพื่อป้องกันร่างกายของตัวเองเอาไว้ หมิงอู๋จ้องเขม็งไปที่โจวเหว่ยชิง เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงจะฉวยโอกาสนี้หลบหนีไปเป็นแน่

ทว่าในขณะที่หมิงอู๋กำลังหมุนเวียนพลังปรานสวรรค์ของตนอยู่นั้น ลูกศรดอกที่ 3 ก็มาถึงโดยที่เขาไม่ได้ทันตั้งตัว แต่เมื่อมองไปที่โจวเหว่ยชิง เขาก็พบว่าตอนนี้ใบหน้าของอีกฝ่ายกำลังซีดเผือก แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะมีทักษะกักเก็บมาก มายเนื่องจากมณีธาตุหลากหลายชนิดของเขา แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ทักษะธาตุเหล่านั้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาสั้นๆ ส่งผลให้เขาสูญเสียพลังปราณสวรรค์ไปมากทีเดียว อย่างไรก็ตาม ตอนนี้โจวเหว่ยชิงไม่อาจสนใจเรื่องนั้นได้เพราะเขารู้ว่านี่คือโอกาสเพียงครั้งเดียวของเขา

ขณะที่ลูกศรดอกที่ 3 พุ่งเข้าหาหมิงอู๋ โจวเหว่ยชิงก็กระโจนออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วด้วยขาขวาของปีศาจ แทนที่จะหลบหนีไป เขากลับกำลังพุ่งเข้าหาหมิงอู๋!

*ปัง* เมื่อลูกศรดอกที่ 3 พุ่งเข้าใส่โล่พลังปราณสวรรค์ของหมิงอู๋ เสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ปะทุขึ้น ทว่านั่นกลับทำให้หมิงอู๋แค่ขมวดคิ้วเท่านั้น แม้ว่าจะใช้ทักษะการยิงธนูของมู่เอินควบคู่ไปกับพลังของธนูราชัน ลูกศรดอกนั้นก็ยังไม่สามารถเจาะทะลุผ่านโล่พลังปราณสวรรค์ขั้นทะลวงพิภพของหมิงอู๋ได้เพราะโล่พลังของเขากำลังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด

ลูกศรดอกที่ 3 นี้ไม่มีทักษะกักเก็บแฝงอยู่เลย มันถูกยิงออกมาโดยใช้ทักษะการยิงธนูของโจวเหว่ยชิงเพียงอย่างเดียว หมิงอู๋อดไม่ได้ที่จะยิ้มน้อยๆ และคิดกับตัวเองว่า เด็กน้อย อย่างไรระดับพลังปราณของเจ้าก็ยังต่ำไปอยู่ดี! หลังจากใช้ทักษะหลายๆ ชนิดต่อเนื่องกันไม่หยุดหย่อน ในที่สุดเจ้าก็ไม่เหลือแรงจะสู้ต่อแล้ว! แต่ถึงแม้เจ้าจะพยายาม แล้วอย่างไรล่ะ? พลังของเจ้าก็ไม่เพียงพอจะทำร้ายข้าได้อยู่แล้ว!

ถึงตอนนี้ผลของทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์และทักษะโซ่ตรวนวายุได้ผ่านช่วงวินาทีแรกไปแล้ว ในเวลาเดียวกันโจวเหว่ยชิงก็ตวัดขาพุ่งเข้ามาหาหมิงอู๋ และในช่วงเวลานั้นอีก1 วินาทีก็ผ่านไป

หมิงอู๋สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของโจวเหว่ยชิงกำลังสว่างไสวไปด้วยแสงสีเขียวจางๆ โจวเหว่ยชิงไม่โจมตีเขาด้วยทักษะธาตุมิติที่ทรงพลัง แต่กลับใช้ทักษะธาตุลม? ดูเหมือนว่าในตอนนี้พลังปราณสวรรค์ของเขาจะเหลือไม่เพียงพอเสียแล้ว เจ้าเด็กนี่โดดเด่นเกินไปจริงๆ…หากข้าจับเขาได้เมื่อไหร่ ในภายภาคหน้าข้าจะต้องปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดีแน่…หวังว่าในที่สุดเขาจะเชื่อฟังและยอมเข้าร่วมกับนิกายของเรา

ตอนนี้หมิงอู๋รู้สึกว่าสถานการณ์ทั้งหมดตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาแล้ว เขาจึงหันไปกรุ่นคิดว่าเขาจะเริ่มโน้มน้าวโจวเหว่ยชิงได้อย่างไรแทน ทว่าในเวลาต่อมาสีหน้าของหมิงอู๋ก็ต้องเปลี่ยนไป

เมื่อแสงสีเขียวแผ่ออกมาโอบล้อมรอบร่างของโจวเหว่ยชิง ความเร็วในการพุ่งเข้าหาหมิงอู๋ก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว นั่นคือทักษะที่โจวเหว่ยชิงปลดปล่อยออกมาอย่างแน่นอน ในเวลาเดียวกันร่างของเขาก็ไม่ได้พุ่งเข้าหาหมิงอู๋โดยตรง แต่กลับกระโดดขึ้นไปในอากาศแทน จู่ๆ แสงสีดำเหลือบทองก็ส่องประกายออกมาจากร่างกายของเขา ธนูราชันหายไปจากมือของโจวเหว่ยชิงในขณะที่ชั้นแสงนั้นเจิดจ้าขึ้นมาโอบล้อมร่างของเขามากขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานค้อนคู่ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในมือของโจวเหว่ยชิง

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้สีหน้าของหมิงอู๋เปลี่ยนไป แต่เป็นเพราะตอนนี้ร่างของโจวเหว่ยชิงกำลังถูกปกคลุมไปด้วยลวดลายของเสือดำ หน้าผากของเขายังมีคำว่า ‘ราชา’ สลักอยู่ อีกทั้งดวงตายังแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำอย่างชัดเจน…ทั้งหมดนั้นบ่งบอกได้เพียงอย่างเดียวว่าเขากำลังเข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่าง!

อันที่จริงโจวเหว่ยชิงเพิ่งปลดปล่อยทักษะธาตุลมจากมณีดวงที่ 2 ที่เขากักเก็บมาจากหมีสวรรค์วิญญาณน้ำแข็ง ทักษะพายุสลาตัน ในขณะที่เขาใช้ทักษะนี้ ร่างกายของเขากลับเข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่างไปพร้อมๆ กัน! จู่ๆ ความแข็งแกร่ง พละกำลัง อัตราการดูดกลืนพลังปราณจากชั้นบรรยากาศและความว่องไวของเขาก็พลันเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติถึง 3 เท่า! ที่สำคัญที่สุดคือเขายังมีสติและสามารถควบคุมตัวเองได้ด้วย!

…………………………