บทที่ 51.1 เทียนเอ๋อร์ (1)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

โจวเหว่ยชิงสามารถควบคุมสถานะปีศาจกลายร่างได้จริงๆ!? นี่เป็นเหตุผลแท้จริงที่ทำให้หมิงอู๋ตกใจจนสีหน้าเปลี่ยน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจ้าวมณีทักษะธาตุปีศาจรุ่นแรกที่อยู่ในสถานะปีศาจกลายร่างนั้นอันตรายมากแม้ระดับพลังปราณของพวกเขาจะต่ำกว่าคู่ต่อสู้ก็ตาม

เมื่อโจวเหว่ยชิงยกค้อนขนาดใหญ่ในมือขึ้นมา หมิงอู๋ก็พลันตระหนักได้ถึงความผิดพลาดของเขา โจวเหว่ยชิงมีพลังปราณสวรรค์เพียงพอจะใช้ทักษะอื่นๆ ได้อีกมาก! ไม่เช่นนั้นเขาจะเรียกค้อนคู่ระดับเทพเจ้าในตำนานออกมาได้อย่างไร!?

ในขณะนี้ผลของทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์และทักษะโซ่ตรวนวายุกำลังเข้าสู่ช่วงวินาทีสุดท้ายแล้ว ทว่าเมื่อค้อนสีดำเหลือบทองฟาดลงเข้าหาร่างของหมิงอู๋ จู่ๆ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าประหลาดใจขึ้นมา

แสงแปลกๆ ทั้ง 2 สีกำลังหมุนวนไปมา แสงสีเขียวและแสงสีเงินค่อยๆ หลอมรวมเข้าด้วยกันรอบๆ ค้อนยักษ์คู่นั้นทำให้พวกมันยิ่งสว่างเจิดจ้ามากขึ้นกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่าโจวเหว่ยชิงเพิ่งจะใส่ทักษะกักเก็บบางอย่างลงไปในนั้นด้วย การโจมตีครั้งนี้จึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมานับตั้งแต่เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของตน ขณะที่ค้อนทั้ง 2 ฟาดลงไปหาหมิงอู๋ ร่างกายของโจวเหว่ยชิงก็เผาผลาญพลังปราณสวรรค์ที่เหลืออยู่ทั้งหมดออกไปพร้อมกันด้วย

จู่ๆ หัวใจของหมิงอู๋ก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว! ทว่าอย่างไรเขาก็เป็นถึงจ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะ 9 ดวงที่ทรงพลังผู้หนึ่ง แม้จะมีความกลัวอยู่ภายในจิตใจ เขาก็ยังรีบตอบสนองอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว คลื่นพลังปราณสวรรค์ขั้นทะลวงพิภพระเบิดออกมาจากร่างกายของเขากลายเป็นชุดเกราะสีทองอร่ามชุดหนึ่ง

ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ทำให้ความเร็วในการเคลื่อนไหวหรือความเร็วในการใช้ทักษะของหมิงอู๋ช้าลง แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการปลดปล่อยพลังปราณสวรรค์หรือใช้ศาสตรามณียุทธ์ได้…แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะใช้ทักษะควบคุมถึง 2 ชนิดควบคู่กันก็ตาม

ชุดเกราะทองคำทั้งชุดที่หมิงอู๋สวมอยู่ทำจากศาสตรามณียุทธ์ 8 ชิ้น ตั้งแต่วันที่เขาสามารถปลุกมณีให้ตื่นขึ้นมาได้ในฐานะจ้าวมณีสวรรค์ ชุดศาสตรามณียุทธ์ชุดนี้ก็ถูกสร้างขึ้นเตรียมไว้สำหรับเขาโดยเฉพาะแล้ว ทั้งหมวกเกราะ เกราะหุ้มหน้าอก เกราะไหล่ เข็มขัดเกราะ และเกราะหุ้มแขนขาทั้ง 4 ชิ้น เห็นได้ชัดว่า 8 ส่วนที่สำคัญที่สุดของร่างกายได้รับการปกป้องไว้แล้วทั้งหมดด้วยชุดเกราะนี่ อีกทั้งบนชุดเกราะสีทองยังมีสัญลักษณ์ดอกไม้แห่งยมโลกสีแดงสดปักอยู่ ทำให้มันดูมีชีวิตชีวามาก

ด้วยเหตุนี้ ไม่นานร่างของหมิงอู๋ประสานเข้ากับชุดศาสตรามณียุทธ์จนสำเร็จ สำหรับโจวเหว่ยชิงที่เป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ เขาย่อมรับรู้ได้ถึงความสำคัญของชุดศาสตรามณียุทธ์ที่ครบชุดแล้ว ชุดศาสตรามณียุทธ์ 8 ชิ้นที่เป็นชุดเกราะเข้าชุดกันทั้งหมดเช่นนี้ อย่างน้อยก็ต้องถูกสร้างขึ้นโดยอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทวะขึ้นไป อนิจจา ขณะนี้ไม่มีเวลาให้โจวเหว่ยชิงนั่งครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป เขาทำได้เพียงรวบรวมพลังทั้งหมดของตนเองเพื่อใช้ไปกับการโจมตีในครั้งนี้ ทันทีที่ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์สิ้นสุดลง ค้อนในมือซ้ายของเขาก็ฟาดลงบนศีรษะของหมิงอู๋อย่างแรงแล้ว

ทว่าความเร็วในการตอบสนองของหมิงอู๋นั้นมีมากเกินไป แม้ผลของทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์เพิ่งจะสิ้นสุดลง แต่เขาก็ยังสามารถรับมือกับโจวเหว่ยชิงและสกัดกั้นการโจมตีของอีกฝ่ายได้ทันเวลาพอดี!

เมื่อชุดศาสตรามณียุทธ์ทั้งหมดหลอมรวมเข้าด้วยกัน พลังปราณสวรรค์ที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างของหมิงอู๋ก็พลันเปลี่ยนไป พลังปราณสวรรค์ขั้นทะลวงพิภพที่เป็นสีขาวแต่ดั้งเดิมกลายเป็นสีทองอร่ามเหมือนสีของชุดเกราะ เช่นนี้เมื่อเขายกมือขึ้นเพื่อรับการโจมตีจากค้อนของโจวเหว่ยชิง แสงสีทองก็พลันเปล่งประกายออกมา ทั้งยังแฝงไปด้วยพลังและแรงกดดันที่น่ากลัว

ริมฝีปากของหมิงอู๋โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ เด็กน้อยคนนี้ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ แต่เขากลับทำผิดพลาดไปเพียงเล็กน้อยในตอนท้าย ผลของทักษะนั้นสิ้นสุดลงก่อนที่ค้อนของโจวเหว่ยชิงจะทันได้ฟาดลงมาโดนเขาเพียงเสี้ยววินาที! ไม่เช่นนั้น โจวเหว่ยชิงก็อาจจะสร้างปัญหาใหญ่ให้เขาแล้ว

ที่จริงในสายตาของหมิงอู๋ โจวเหว่ยชิงพลาดที่ไม่โจมตีเขาก่อนทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์จะสิ้นสุดลง ทว่าเกือบจะทันทีที่รอยยิ้มปรากฏขึ้นใบหน้าของเขา หมิงอู๋ก็ต้องตัวแข็งทื่ออีกครั้งด้วยความตกใจ

หมัดของเขาซึ่งส่งออกไปพร้อมกับม่านพลังสีทองเข้มข้นได้ปะทะเข้ากับค้อนในมือของโจวเหว่ยชิงแล้ว ทว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกลับเป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึง! หมัดของเขาดันทะลุผ่านค้อนออกไป! เห็นได้ชัดว่าการโจมตีที่ทรงพลังของเขาวืดออกไปกลางอากาศ ในเวลาเดียวกันค้อนข้างขวาของโจวเหว่ยชิงก็สัมผัสเข้าที่ศีรษะของเขาแล้ว!

การปลดปล่อยพลังจำนวนมหาศาลออกไปและพบว่ามันไม่ไปถึงเป้าหมายเป็นสิ่งที่น่าตกละลึงมาก แม้แต่คนที่มีพลังสูงส่งเช่นหมิงอู๋ก็ไม่สามารถยอมรับได้ ส่งพลังโจมตีที่ยิ่งใหญ่ออกไปแต่ต้องกลายเป็นเรื่องสูญเปล่าเช่นนี้ หมิงอู๋ถึงกับเสียศูนย์ไปเล็กน้อย ร่างกายของเขาพลันแข็งทื่อและเคลื่อนไหวช้าลงในเสี้ยววินาที

โชคดีที่หมิงอู๋ไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าโจวเหว่ยชิงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้นการโจมตีในครั้งนี้จึงไม่ได้ใช้พลังของตนออกไปอย่างเต็มที่ แต่เป็นเพราะเหตุนั้น เขาจึงไม่ได้ทำให้ตัวเองบาดเจ็บไปด้วย อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขากำลังเสียการทรงตัว ค้อนในมือขวาของโจวเหว่ยชิงก็มาจ่ออยู่ที่ศีรษะของเขาแล้ว!

เรื่องก่อนหน้านี้โจวเหว่ยชิงจะคำนวณผิดพลาดไปได้อย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่เลวร้ายซึ่งเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของเขา นั่นเป็นแผนของเขาที่ใช้หลอกล่อหมิงอู๋ต่างหาก! ตั้งแต่ลูกศร 3 ดอกแรก การใช้ทักษะของเขา ไปจนถึงตอนสุดท้าย เป้าหมายของโจวเหว่ยชิงคือการทำให้หมิงอู๋เข้าใจผิดคิดว่าพลังปราณสวรรค์ของเขาไม่เหลือแล้ว จากนั้นก็นำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดเช่นนี้

ในหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ นอกเหนือจากทักษะการยิงธนู สิ่งที่โจวเหว่ยชิงได้เรียนรู้มากที่สุดภายใต้การสั่งสอนของมู่เอินและสมาชิกคนอื่นๆ คือธรรมชาติของมนุษย์ รวมถึงปฏิกิริยาตอบสนองของผู้คนต่อสิ่งต่างๆ รอบตัว

สาเหตุที่สมาชิกของหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์กลายเป็นมือสังหารที่ประสบความสำเร็จเช่นนี้ การที่พวกเขาสามารถกำจัดผู้ที่มีพลังมากกว่าตัวเองได้ก็เป็นเพราะเหตุผลนั้นนั่นเอง! มนุษย์ทุกคนมักมีสามัญสำนึกอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน รวมถึงมีวิธีการคิดที่คล้ายๆ กัน เพราะเข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์ โจวเหว่ยชิงจึงสามารถสร้างกับดักขึ้นมาได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ลงมือทีละขั้นเพื่อชี้นำให้หมิงอู๋ก้าวไปสู่หลุมที่เขาขุดเอาไว้  สิ่งเดียวที่ผิดพลาดก็คือหมิงอู๋ไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมดของเขาในการโจมตีครั้งก่อนและไม่ได้ทำให้ตัวเองบาดเจ็บ ไม่เช่นนั้นโจวเหว่ยชิงก็คงจะมีโอกาสชนะมากยิ่งขึ้น

ในขณะนั้นเอง จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นจากระยะไกลๆ คนๆ นั้นคือหมิงฮัว เมื่อเธอปรากฏตัว สิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกคือกำปั้นของหมิงอู๋ที่กำลังพุ่งผ่านค้อนของโจวเหว่ยชิงไป ส่วนค้อนในมืออีกข้างของโจวเหว่ยชิงก็กำลังฟาดเข้าที่ศีรษะของหมิงอู๋!

หมิงฮัวพลันรู้สึกว่าจิตใจของเธอว่างเปล่า เธอไม่เคยจินตนาการมาก่อนว่าบิดาของเธอที่อยู่ในระดับมณี 9 ดวงจะถูกจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 3 ดวงบังคับให้ต้องใช้ชุดศาสตรามณียุทธ์ของเขา! และไม่เพียงแค่นั้น ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นฝ่ายตั้งรับเสียด้วย! เรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?!

ในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนว่าหมิงอู๋จะไม่สามารถหลบหนีพ้น เขาพลันระเบิดพลังทั้งหมดของจ้าวมณีสวรรค์มณีระดับเทวะออกมา

หมิงอู๋เค้นพลังทั้งหมดเพื่อให้เขาสามารถขยับศีรษะได้เล็กน้อย ในขณะเดียวกันก็บังคับร่างของตนให้พยายามเบี่ยงตัวออก การที่พลังปราณสวรรค์ของเขาถูกใช้ไปโดยเปล่าประโยชน์และร่างกายเสียการทรงตัวเช่นนี้ เขาแทบจะไม่สามารถบิดตัวหนีหรือยกไหล่ขึ้นรองรับแรงปะทะจากค้อนเพื่อหลีกเลี่ยงส่วนศีรษะที่เปราะบางของเขาได้

หากเป็นศาสตรามณียุทธ์ธรรมดาของคนอื่นๆที่กำลังจะปะทะเข้ากับชุดศาสตรามณียุทธ์ของเขา หมิงอู๋ก็คงไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไหร่นัก อย่างไรก็ตาม ณ จุดนี้ ศาสตรามณียุทธ์ของโจวเหว่ยชิงนั้นแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ค้อนในมือของเขาถูกสร้างขึ้นโดยอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า อีกทั้งเขาก็ยังอยู่ในสถานะปีศาจกลายร่าง อย่าลืมว่ายังมีทักษะที่อีกฝ่ายใส่เข้าไปในค้อนนั้นด้วย! ในสถานการณ์เช่นนี้ หมิงอู๋จะไม่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเดิมพันกับมันแน่

*ปัง!* ค้อนอันแรกเป็นของปลอม แต่อันที่ 2 เป็นแรงปะทะที่ยิ่งใหญ่มากจริงๆ มันกระแทกเข้าที่ไหล่ของหมิงอู๋อย่างโหดเหี้ยม

หมิงฮัวอยู่ไกลเกินกว่าที่จะช่วยได้ เธอจึงทำได้เพียงแค่ยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ ขณะมองไปที่ฉากน่าเหลือเชื่อตรงหน้า เธอก็ต้องตกตะลึงจนตาค้าง

เมื่อค้อนยักษ์ของโจวเหว่ยชิงกระแทกเข้าที่ไหล่ของหมิงอู๋ โล่แสงสีทองจากชุดเกราะศาสตรามณียุทธ์ของหมิงอู๋ก็ส่องประกายเจิดจ้าราวกับพยายามป้องกันพลังโจมตีจากค้อนยักษ์ของโจวเหว่ยชิง อนิจจา ค้อนยักษ์ที่มีสีเขียวสลับเงินนั้นกลับเปล่งแสงออกมาต่อสู้เช่นกัน ในพริบตานั้น จู่ๆ ก็เกิดเสียงดังสนั่น ค้อนของเขาสามารถเจาะทะลวงผ่านเกราะป้องกันและกระแทกเข้าที่ไหล่ของหมิงอู๋ได้อย่างแรง!

ด้วยแรงระเบิดครั้งใหญ่นั้น ร่างของหมิงอู๋จึงถูกฝังลงไปในพื้นดิน ลึกลงไปในพื้นหินแข็งๆ ทำให้เกิดเป็นภาพคล้ายปล่องภูเขาไฟกว้างกว่า 10 เมตรบนถนน เศษหินกระจายออกไปทุกหนทุกแห่ง ส่วนชั้นแสงสีทองรอบๆ ร่างของ       หมิงอู๋ก็หรี่ลงจนเกือบจะมอดดับ

ทว่าในฐานะผู้ลงมือ สภาพของโจวเหว่ยชิงก็ไม่ได้ดูดีไปกว่าอีกฝ่าย ขณะที่ค้อนของเขาฟาดเข้าใส่หมิงอู๋ แรงสะท้อนอันทรงพลังก็ส่งเขาลอยกลับไปอีกฝั่งทันที ฉับพลันนั้นค้อนของเขาก็หายไปกลางอากาศ โจวเหว่ยชิงไม่เหลือพลังปรานสำหรับคงรูปพวกมันอีกต่อไปแล้ว เขากระเด็นไปด้านหลังและกระแทกเข้ากับกำแพงเมืองอย่างจัง จากนั้นก็อาเจียนออกมาเป็นเลือด

แม้จะมีวิชาเทพอมตะคอยสนับสนุน แต่ในการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวครั้งนี้ โจวเหว่ยชิงก็ถึงกับใช้พลังปราณสวรรค์ไปจนหมดเกลี้ยง ที่การโจมตีครั้งสุดท้ายของเขามีพลังทำลายล้างมหาศาลเช่นนี้ไม่ได้เกิดจากแค่ค้อนคู่ระดับเทพเจ้าในตำนานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อันดับแรกเขาใช้ทักษะพายุสลาตันที่กักเก็บจากหมีสวรรค์วิญญาณน้ำแข็งขณะที่พุ่งเข้าหาหมิงอู๋ แม้พลังหลักๆของมันคือการเพิ่มความเร็วของเป็น 2 เท่า แต่พลังรองของมันกลับเป็นการเพิ่มความแรงของการโจมตีครั้งต่อไปเป็น 2  เท่า! ก่อนหน้านี้หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ลำบากเป็นอย่างมากขณะเผชิญหน้ากับทักษะนี้เมื่อต่อสู้กับราชาหมีสวรรค์วิญญาณน้ำแข็งวัยผู้ใหญ่ ด้วยเหตุนี้โจวเหว่ยชิงจึงตัดสินใจที่จะกักเก็บทักษะนี้จากเจ้าหมีสวรรค์วิญญาณน้ำแข็งตัวน้อยๆ ของเขา ทักษะการระเบิดความเร็วและความแข็งแกร่งอย่างฉับพลันเช่นนี้ หากใช้อย่างเหมาะสมก็อาจกลายเป็นหนึ่งในทักษะการสนับสนุนชั้นยอดได้

ในขณะเดียวกัน อารมณ์ปั่นป่วนที่มาจากการเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่รุนแรงจากหมิงอู๋ รวมถึงการเฝ้าครุ่นคิดถึงความเป็นความตายของตัวเขาและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ซ้ำๆ ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็สามารถเปิดใช้สถานะปีศาจกลายร่างได้ นั่นทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า! ทว่านั่นก็ต้องแลกกับการที่พลังปราณสวรรค์ของเขาถูกใช้ไปจนหมดเช่นกัน

ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น แม้ว่าค้อนคู่ระดับเทพเจ้าในตำนานจะไม่มีหลุมบรรจุมณี แต่มันก็ยังสามารถทำให้พลังของทักษะกักเก็บในตัวจ้าวมณีสวรรค์เพิ่มขึ้นไปอีก 1 ระดับได้

สำหรับทักษะพายุสลาตันที่บรรจุอยู่ในค้อน พวกมันไม่ได้แค่เพิ่มความเร็ว แต่ยังเพิ่มความแข็งแกร่งด้วย แน่นอนว่าสถานะปีศาจกลายร่างไม่สามารถพัฒนาขึ้นได้อีกแล้ว ดังนั้นท้ายที่สุดแล้วพลังที่เหลือส่วนสุดท้ายของโจวเหว่ยชิงจึงถูกใช้ไปกับค้อนของเขาเพื่อปลดปล่อยทักษะ 2 ชนิดออกมา ทักษะทั้ง 2 ชนิดนี้มาจากจักรพรรดิสีเงิน หนึ่งคือทักษะกระชากมิติ ส่วนอีกทักษะหนึ่งคือทักษะสะบัดปีกเฉือน เพราะฉะนั้น นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมค้อนของเขาจึงเปลี่ยนจากสีดำเหลือบทองเป็นสีเขียวผสมเงิน

…………………………