ตอนที่ 780 ไม่ว่าเธอจะเด็กแค่ไหน เธอก็เป็นของฉัน!

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

“ใครบอกให้คุณสองคนแบกทุกอย่างไว้เองแบบนี้” ถังหนิงรู้สึกปวดใจแทนคนทั้งสอง “ในใจของพวกคุณคิดว่าพวกเราเป็นคนแบบที่จะปล่อยให้คนที่พวกเรารักเจ็บปวดโดยไม่ทำอะไรเลยเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองหรือไงกัน”

 

 

เฉินซิงเยียนชำเลืองตามองไปยังชายที่นั่งเงียบอยู่ด้วยด้านข้างพร้อมท่าทีที่ดูราวราชา เธอไม่ต้องการดึงโม่ถิงให้ตกต่ำเพราะปัญหาของเธอ

 

 

เธอไม่ต้องการให้โม่ถิงกับถังหนิงถูกกล่าวหาเพราะสิ่งที่คนไม่ได้ความคนนั้นทำเอาไว้

 

 

ถังหนิงรู้ดีว่าเฉินซิงเยียนกำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเธอจึงส่งสายตาให้โม่ถิง หลังจากได้รับสายตาจากภรรยา ในที่สุดโม่ถิงก็พูดขึ้น “ต่อให้เธอต้องการจะขอโทษคนพวกนั้นจริงๆ เธอก็ต้องแน่ใจว่าผู้รับจะยอมรับสิ่งนั้น นับจากนี้ไปถ้าเธอต้องการจะทำอะไรโง่ๆ แบบนี้อีก เธอต้องให้รับอนุญาตจากฉันก่อน ไม่งั้นฉันจะเลี้ยงทนายไว้มากมายไปเพื่ออะไร”

 

 

เฉินซิงเยียนไม่พูดอะไร

 

 

“ถ้าเธอไม่ต้องการให้ถังหนิงหรือฉันเข้ามาเกี่ยวพันด้วย ก็ควรจะโทรหาลู่เช่อไม่ก็ผู้จัดการของเธอ เธออาจยังเด็กและอ่อนประสบการณ์แต่พวกเขาอยู่มานานพอ”

 

 

ถ้าคนที่กำลังสั่งสอนเธอในตอนนี้เป็นคนอื่น เฉินซิงเยียนคงจะโต้แย้งด้วยความเห็นของเธอหรือไม่ก็ทะเลาะกับอันจื่อเฮ่าไปแล้ว แต่เมื่อถูกสั่งสอนโดยโม่ถิง เธอกลับรู้สึกกลัว ความกลัวที่เกิดขึ้นเองเพราะเธอรู้สึกเคารพในตัวโม่ถิง

 

 

“ฉัน… ฉันเข้าใจค่ะ”

 

 

“เธอคิดว่าเรื่องซุบซิบพวกนี้จะมีผลกระทบกับพวกนั้นอย่างนั้นเหรอ เธอประเมินพวกเราต่ำเกินไปแล้วนะ” ถังหนิงกล่าวหลังจากที่โม่ถิงพูดจบ “เธอทำให้จื่อเฮ่าต้องทรมานจริงๆ ตอนที่ฉันไปหาเขาล่าสุด เขาเอาแต่ดื่มไวน์แล้วก็จมอยู่กับความเสียใจ

 

 

“จากนี้ไป เธอต้องจัดการเรื่องต่างๆ ด้วยความใจเย็นและสงบนิ่งกว่านี้ เธอต้องมีความมั่นใจในตัวเองเพราะเธอคือน้องสาวของโม่ถิง…”

 

 

นับตั้งแต่วันที่เธอรู้ตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง เฉินซิงเยียนหลีกเลี่ยงความจริงที่ว่าเธอคือน้องสาวของโม่ถิงมาตลอด เพราะเธอไม่ต้องการให้ผู้คนคิดว่าเธอมีดีแค่เป็นน้องสาวของโม่ถิง แต่หลังจากได้ยินถังหนิงกล่าวว่าเธอเป็นน้องสาวของโม่ถิง เฉินซิงเยียนจึงตระหนักได้ว่าเธอกังวลกับความคิดของคนอื่นมากเกินไป

 

 

เพราะเรื่องนี้เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ถ้าถังหนิงสามารถตัดความเห็นของคนอื่นทิ้งไปเพราะรู้ว่ามันไม่เป็นความจริงได้ ทำไม่เธอจะทำบ้างไม่ได้

 

 

“แล้วถ้าเธอต้องการอะไร ก็เข้าไปขอเขาได้เลย ดูสิว่าเขาจะหาให้เธอไหม”

 

 

เฉินซิงเยียนชำเลืองตามองโม่ถิงอีกครั้งโดยไม่พูดอะไร

 

 

“ฉันไม่มีอะไรจะให้หรอกนะเพราะเธอขัดขวางการหยุดพักผ่อนของฉันกับถังหนิง ตอนนี้ฉันกำลังหงุดหงิด”

 

 

ที่จริงแล้วการที่โม่ถิงพูดแบบนี้แสดงให้เห็นว่าเขาปฏิบัติกับเธอในฐานะคนในครอบครัวเดียวกัน เพราะต่อให้เขากำลังบ่น คำพูดของเขาก็ยังฟังดูอบอุ่น

 

 

ขณะนั้นเอง อันจื่อเฮ่าที่ยืนเงียบมาตลอดก็พูดขึ้น “เดิมทีผมตั้งใจจะหาทนายมาจัดการเรื่องนี้แบบเงียบๆ แล้วค่อยเข้าไปดูแลทีละครอบครัว แต่หลังจากที่ได้เห็นซิงเยียนกับคุณป้าถูกกล่าวหา ผมไม่อยากทำอะไรแบบนั้นอีกแล้ว”

 

 

“คุณปล่อยให้ไห่รุ่ยเป็นคนจัดการปัญหาใหญ่ๆ เอง จากนี้ไปแค่โฟกัสกับการดูแลศิลปินของคุณให้ดี ถ้าคุณปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ก็ช่วยคืนเธอให้ตระกูลโม่และไห่รุ่ยด้วย”

 

 

ในเวลานี้ ถ้าจะมีใครบอกว่าโม่ถิงเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ทรงอำนาจคนหนึ่งแล้วละก็คงไม่มีใครกล้าพูดเป็นอย่างอื่นแน่

 

 

แต่แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่เพื่อถังหนิง เขาก็คงไม่มามัวจัดการกับเรื่องพรรค์นี้

 

 

“แน่นอนครับ” อันจื่อเฮ่าตอบอย่างมั่นใจ

 

 

“ที่ที่พวกคุณอยู่ไม่ปลอดภัยอีกแล้ว ย้ายไปอยู่ที่อื่นเถอะ ส่วนเรื่องอื่นๆ ปล่อยให้โม่ถิงเป็นคนจัดการ ส่วนซิงเยียนเองก็กลับมาเข้าที่เข้าทางแล้วหยุดคิดอะไรไร้สาระได้แล้ว” หลังออกคำสั่ง ถังหนิงก็หันไปพูดกับไป๋ลี่หวา “คุณแม่คะ พวกเรายังต้องการให้คุณแม่ช่วยดูแลถังถังกับกั่วกั่วอยู่นะคะ”

 

 

ที่จริง ถังหนิงต้องการให้ซย่าอวี้หลิงอยู่เป็นเพื่อนไป๋ลี่หวาและมาพูดคุยกันเพราะทั้งสองเข้าใจกันและกันเป็นอย่างดี

 

 

คนอื่นไม่มีวันเข้าใจความเจ็บปวดที่ไป๋ลี่หวาได้รับ

 

 

“ได้จ้ะ แล้วซิงเยียนล่ะ…”

 

 

“ไม่ต้องห่วงค่ะ ซิงเยียนมีคนคอยดูแลอยู่แล้ว”

 

 

ในเมื่อโม่ถิงให้ยื่นความช่วยเหลือให้แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องกังวลอีกต่อไป เช่นเดียวกับเฉินซิงเยียนซึ่งเธอเชื่อว่าหลังจากประสบการณ์ในครั้งนี้ ลูกสาวของเธอได้เรียนรู้ที่จะคิดอะไรเพื่อตัวเองเสียที ดังนั้นจึงถึงเวลาที่เธอจะปล่อยวางและให้ลูกสาวของเอเติบโตด้วยตัวเองเสียที

 

 

หลังจากนั้น อันจื่อเฮ่าลากเฉินซิงเยียนออกมา ภายใต้ค่ำคืนในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ คู่รักทั้งสองไม่ได้กลับไปยังอะพาร์ตเมนต์ของพวกเขา แต่กลับมุ่งหน้าไปยังรีสอร์ตที่พวกเขาเคยใช้เออกเดตด้วยกัน

 

 

ทันทีที่ทั้งสองเข้ามาภายในห้อง อันจื่อเฮ่าก็คว้าข้อมือข้างหนึ่งของเฉินซิงเยียนและดันตัวเธอไปจนชิดผนัง “เลิกเหรอ หืม”

 

 

“ฉัน…”

 

 

“ตอนนั้นเธอต้องการแบบนั้นจริงๆ งั้นเหรอ” อันจื่อเฮ่าจ้องเข้าไปในดวงตาทั้งสองข้างของเฉินซิงเยียน “เธอเป็นคนที่เกาะฉันแจมาตลอด เธอคิดจะวางมือจากอาชีพนักแสดงเพื่อฉันอย่างงั้นเหรอ ตอนนั้นเธอตั้งใจจะทำแบบนั้นจริงๆ งั้นเหรอ”

 

 

“ใช่” เฉินซิงเยียนตอบ “นายทำเพื่อฉันมามากเกินไปแล้ว ฉันไม่อยากให้นายมาแบกรับความรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตอีก”

 

 

อันจื่อเฮ่าได้ยินเช่นนั้น ก็หัวเราะขึ้นอย่างฉับพลัน “ฉันควรจะหัวเราะที่เธอไร้เดียงสาเกินไปไหมเนี่ย แค่เธอเป็นคนดีไม่ได้หมายความว่าทุกคนบนโลกจะเป็นคนดีเหมือนเธอหรอกนะ ทำไมฉันจะต้องรู้สึกผิดด้วย ไอ้บ้านั่นเอาเงินไปจากฉันแล้ว ฉันไปควบคุมไม่ได้หรอกว่าเขาจะทำอะไรกับเงินนั่นบ้าง แล้วทำไมฉันต้องรู้สึกผิดด้วย

 

 

“เธอนั่นแหละที่ทึ่มเกินไปที่จะมาแบกรับความรับผิดชอบแทนฉัน ฉันจะไม่หนีเรื่องในครั้งนี้หรอก แต่เธออย่าคิดจะโยนความผิดทั้งหมดให้ตัวเองอีก”

 

 

“แต่เขาเป็นพ่อฉัน…”

 

 

“นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอเป็นคนทำผิด เราอยู่สมัยไหนกันแล้ว เธอยังเชื่อเรื่องที่ว่าลูกต้องใช้หนี้ที่พ่อตัวเองสร้างอยู่อีกเหรอ” อันจื่อเฮ่าช้อนคางของเฉินซิงเยียนขึ้นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายหลบสายตาของตัวเอง “เธอควรจะดีใจที่เธอมีคนอีกมากมายที่พร้อมจะปกป้องเธอ ในเมื่อเธอมีโชคดีขนาดนี้ก็ควรจะใช้มันซะนะ

 

 

เอาละ ไหนบอกฉันสิ ว่าเธอยังอยากจะเลิกอยู่ไหม”

 

 

“ฉันยังถอนคำพูดได้เหรอ”

 

 

“ฉันจะทำเป็นไม่เคยได้ยินอะไรก็ได้” อันจื่อเฮ่าตอบ

 

 

เฉินซิงเยียนพลันนึกถึงคำพูดของถังหนิงที่ว่าอันจื่อเฮ่าเอาแต่ดื่มไวน์และจมอยู่กับความเศร้าได้ ความคิดเหล่านั้นทำให้เธอรู้สึกใจสลาย

 

 

“จากนี้ไปนายอย่าเอาคำพูดของฉันไปใส่ใจแล้วก็อย่าดื่มเพราะคำพูดของฉันอีกเลยนะ”

 

 

“ฉันรู้สึกว่าเธอนี่คาดเดาไม่ได้เอาเสียเลย ไม่ละ เพื่อป้องกันไม่ให้เธอคิดจะเลิกกันฉันอีก ฉันตัดสินใจที่จะเปลี่ยนการตัดสินใจของฉันก่อนหน้านี้แล้ว” หลังพูดจบ อันจื่อเฮ่าอุ้มเฉินซิงเยียนขึ้นก่อนจะวางหญิงสาวลงบนเตียงแล้วกดทับเธอด้วยร่างกายของเขา

 

 

“นายตัวหนัก…”

 

 

“รับมือให้ดีเถอะ เธอต้องการแบบนี้มาตลอดไม่ใช่เหรอ” น้ำเสียงของอันจื่อเฮ่านุ่มลึกขึ้น “เธอทำฉันเจ็บได้แต่ฉันทำเธอเจ็บไม่ได้งั้นเหรอ เหตุผลประสาอะไรกัน”

 

 

ใบหน้าของเฉินซิงเยียนเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างฉับพลันขณะที่เธอเริ่มรู้สึกว่ามือของอันจื่อเฮ่ากำลังดึงเสื้อผ้าของเธอขึ้น “นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าฉันยังเด็กอยู่”

 

 

“ไม่ว่าเธอจะเด็กแค่ไหน เธอก็เป็นของฉัน!” อันจื่อเฮ่าดึงแขนทั้งสองข้างของเฉินซิงเยียนขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายขัดขืน หลังจากนั้นเขาดึงเสื้อเชิ้ตของเธอขึ้นถึงบริเวณหน้าอกขณะที่เขาพรมจูบไปทั่วร่างกายเธอ…