บทที่ 185 พบกับสตรีศักดิ์สิทธิ์

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 185

พบกับสตรีศักดิ์สิทธิ์

“เดี๋ยวท่านก็ยินยอมเอง” คำพูดของผู้วิเศษนั้นได้วนเวียนอยู่ในหูของเจียงหวายเย่ แล้วเจียงหวายเย่ก็ได้กลิ่นหอมๆแล้วสลบไป

เมื่อเขาตื่นขึ้นมา ก็พบว่าเสื้อผ้าของเขานั้นกลายเป็นชุดแต่งงานสีแดงสดแล้ว ซึ่งชุดนี้พอดีตัวเขามากและดูเหมือนว่าจะไม่ได้แก้อะไรแม้แต่น้อย

เขามองไปรอบๆและพบว่าไม่มีใครเฝ้าดูเขาอยู่ เขาจึงเปิดประตูออกมาแล้วกำลังภายใน แต่อย่างที่คาดเอาไว้ไม่มีกำลังภายในเหลือในร่างกาย ชาวหวายซางจะต้องให้เขาทานอะไรบางอย่างเข้าไปเป็นแน่

ตัวเขาที่สูญเสียความสามารถไปนั้น ก็ไม่ได้ทำให้ เจียงหวายเย่นั้นหวั่นไหวแม้แต่น้อย แล้วพบว่ามีทุ่งดอกไม้ขนาดใหญ่อยู่ข้างนอกห้อง ช่างดูราวกับสวรรค์ ทันทีที่เขาเดินออกมา ก็ได้มีเด็กสาวที่แต่งตัวแปลกๆปรากฏตัวอยู่ข้างหลังเขา

เด็กสาวคนนั้นก็ได้เข้ามาหาแล้วจูงมือของเจียงหวายเย่ เจียงหวายเย่นั้นก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรมากนัก แล้วเดินไปตามเส้นทางดอกไม้สองข้างทางจนกระทั่งไปถึงทะเลทุ่งดอกไม้สีเหลือง

แล้วก็พบหมู่บ้านปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา และผู้คนในหมู่บ้านต่างก็มองมาที่เขาด้วยความยินดี

แล้วในขณะนั้นเองพวกเขาก็พบสตรีศักดิ์สิทธิ์ แล้วทุกคนในหวายซางก็ได้เริ่มส่งเสียงกันอย่างมีความสุขมาก แล้วก็เริ่มเต้นรอบกองไฟและล้อมวงด้วยกัน แม้กระทั่งผู้วิเศษที่มีใบหน้าซีดเซียวเอง คิ้วของเขาก็ได้ดูอ่อนโยนลงมาเช่นกัน

สายลมพัดผ่านเข้ามา แล้วหน่วยอันกับหลินซีเหยียนก็ได้แอบรออยู่ในความมืดอย่างเงียบๆแล้วเฝ้ารอให้ผู้คนเพลิดเพลินกันก่อน และรอออกคำสั่ง

แล้วผู้วิเศษที่นั่งประจำที่ของตัวเองอยู่นั้นก็ได้จ้องมองไปที่หลินซีเหยียนตรงที่นางอยู่ เขาจึงลุกขึ้นยืนแล้วกล่าว “มิตรจากแดนไกลไม่ต้องหลบซ่อนหรอก ในเวลานี้ออกมาฉลองกับพวกเราดีกว่า!”

หลินซีเหยียนก็คิ้วขมวด แม้ว่าการซ่อนตัวของนางนั้นจะทำได้ไม่สมบูรณ์แบบนัก แต่ก็ทำอย่างดีที่สุดแล้ว จึงไม่น่าจะถูกพบได้ง่ายๆ หรือว่าคนผิวซีดคนนั้นจะเป็นปรมาจารย์ไร้เทียมทานกันแน่นะ?

เมื่อนางถูกพบตัวเข้าแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้ขี้เกียจที่จะซ่อนตัวต่อไป แล้วนางก็ได้ออกมาด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง ภายใต้ชักชวนของผู้วิเศษแล้ว นางก็ได้มานั่งยังที่นั่งว่างๆ ซึ่งในระหว่างนั้นเจียงหวายเย่นั้นไม่ได้มองมาที่นางเลย

“ดูเหมือนว่าเขาจะชอบสตรีศักดิ์สิทธิ์หวายซางจริงๆนะ” หลินซีเหยียนก็มองดูทั้งคู่ที่ดูเหมาะสมกันดี ถึงแม้ว่านางจะรู้สึกไม่ค่อยดีแต่นางก็ยังเลือกที่จะอวยพรให้พวกเขา

จริงๆแล้วนี่ก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน เพราะถ้ามีดอกบัวทองคำอยู่ในมือของสตรีศักดิ์สิทธิ์จริงๆ พิษทั้งหมดในร่างขององค์ชายก็จะได้ถูกถอนในคืนเดียว และทุกคนก็จะมีความสุข

หลังจากที่สตรีศักดิ์สิทธิ์กับเจียงหวายเย่เต้นรำด้วยกันเสร็จ ชาวหวายซางทั้งหมดก็ได้พากันหยุดเต้นด้วย แล้วก็ก้มหัวคารวะให้

สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ผงกหัว แล้วจากนั้นก็ได้เปิดม่านที่บังหน้าของนางออกต่อหน้าทุกคน ใบหน้าภายใต้ม่านนั้นช่างดูประณีตและเล็กมาก และยังดูคล่องแคล่วมากอีกด้วย

นางมองไปที่ผู้คนที่ให้ความเคารพกับนางอย่างมากแล้วกล่าว “บริวารของข้าทุกท่าน คนที่อยู่ข้างกายของข้านั้น ไม่ใช่คู่ชีวิตของข้า”

คำพูดของนางนั้นทำให้เกิดความสับสนในหมู่ผู้คนทันที แม้แต่ผู้วิเศษเองก็ยังคิ้วขมวด แล้วกล่าวด้วยเสียงน้ำเสียงที่จริงจัง “อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด”

เขานั้นได้คิดเอาไว้ว่าองค์ชายรัตติกาลนั้นจะช่วยนำพาพวกเขาให้รุ่งเรือง แต่ก็มีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นจนได้

ดวงตาสีม่วงสดใสของเขาก็ได้มองมายังหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆเขา หญิงสาวคนนี้พิเศษมาก พิเศษเสียจนแม้แต่เขายังไม่สามารถที่จะมองนางได้ทะลุปรุโปร่ง

ชาวหวายซางนั้นไม่ชอบที่จะไปบีบบังคับใครให้ฝืนทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการ ในสายตาของพวกเขานั้น ชอบก็คือชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ไม่สามารถที่จะไปฝืนใจใครได้

แล้วสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ถอดเอาอัญมณีใบไม้สีม่วงที่อยู่บนหัวของนางออก ซึ่งมันเป็นเหมือนกับสัญลักษณ์ตำแหน่งของนาง นางได้เดินไปหาผู้วิเศษแล้วมอบอัญมณีใบไม้นี้ให้กับเขาแล้วกล่าว “ตามกฎของที่นี่ ข้าจำเป็นต้องออกไปจากที่นี่จนกว่าข้าจะตามหาคู่ชีวิตของข้าที่จะรักหัวใจของข้าจริงๆ”

แล้วชาวหวายซางต่างก็มีสีหน้าเสียใจ พวกเขานั้นไม่อยากที่จะให้สตรีศักดิ์สิทธิ์ต้องไปเลย

หลังจากที่สตรีศักดิ์สิทธิ์ได้สั่งการสิ่งต่างๆเรียบร้อยแล้ว นางก็ได้เดินมาหาหลินซีเหยียนแล้วใช้มือของนางวางลงไปเบาๆที่ระหว่างคิ้วของหลินซีเหยียน แล้วก็มีสัญลักษณ์สีเขียวปรากฏขึ้นตรงนั้น

“นี่คือสัญลักษณ์สหายของชาวหวายซางของเรา มอบให้แก่เจ้าและเขา” แล้วสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่ แล้วจากนั้นก็กล่าวต่อ “พวกเจ้าทั้งสองเป็นคู่กัน ขออวยพรให้พวกเจ้าทั้งสองคน”

หลินซีเหยียนที่กำลังจะเปิดปาก แต่พอนางมองไปที่ดวงตาของเจียงหวายเย่แล้วนางก็ได้กลืนคำที่นางจะพูดออกมาลงไป แต่ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของนาง ว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

สตรีศักดิ์สิทธิ์นั้นอยากที่จะออกไปข้างนอกมานานแล้ว แล้วพอทราบจากหลินซีเหยียนว่าพวกเขากำลังจะกลับเมืองหลวงกัน นางจึงอยากที่จะให้พานางกลับไปกับพวกเขาด้วย ซึ่งเจียงหวายเย่ก็ตกลง

ณ พระราชวังรัตติกาลในเมืองหลวง เทียนเอ๋อก็มองไปที่ผู้คนที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างช่วยไม่ได้ เขานั้นรู้สึกปวดหัวและใบหน้าเล็กๆของเขาก็ย่น “ท่านน้า เพราะท่านอาจารย์ยังไม่กลับมา พวกท่านคงไม่ได้คิดรังแกข้าใช่ไหม?”

“เจ้าพูดอะไรออกมาน่ะนายน้อย? เจ้าเป็นถึงคนโปรดขององค์ชาย แต่พวกเราไม่เคยได้ทักทายกับเจ้าเลย พวกเราจะไปแกล้งเจ้าได้อย่างไร?” แม่นางชิงจู๋กล่าว

“ถ้าเช่นนั้นแล้ว ทำไมพวกท่านถึงยังไม่ให้ข้าไปเสียทีล่ะ”

เทียนเอ๋อก็ได้ถอนหายใจและรู้สึกสับสนนิดหน่อย ตั้งแต่เมื่อใดกันที่เขาถูกกดหัวได้ขนาดนี้ เขาแค่อยากจะออกไปข้างนอก แต่เขากลับถูกขวางโดยคนพวกนี้เสียก่อนจึงไม่อาจที่จะออกไปได้

แค่นั้นยังไม่พอ พวกนางยังบังคับให้เขาต้องคอยยกน้ำชาอีกด้วย ซึ่งเทียนเอ๋อก็ได้นึกถึงคำสอนของแม่ของเขาที่จะต้องเคารพผู้อาวุโสและรักผู้เยาว์ ซึ่งเขาก็ทำตามอย่างเชื่อฟัง

แต่แล้วพวกนางก็ได้ร้องขอมากขึ้นเรื่อยๆ เทียนเอ๋อจึงได้เข้าใจว่าพวกคนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ไม่ได้ต้องการให้เขาช่วยจริงๆหรอก พวกนางแค่อยากจะแกล้งเขาเท่านั้น

“ข้าจะทนไม่ไหวแล้วนะ ถ้าพวกท่านไม่ยอมให้ข้าไป จะมาหาว่าข้าหยาบคายไม่ได้ก็แล้วกัน” เทียนเอ๋อก็ได้กล่าวอย่างดุดัน แต่ด้วยความเขาเป็นแค่เด็กตัวน้อยจึงดูไม่น่ากลัวอะไรเลย

“นายน้อย เจ้าไม่ชอบพวกเรามากถึงขนาดดูแคลนพวกเราเลยอย่างนั้นเหรอ?” แต่เหล่านางสนมของเจียงหวายเย่เหล่านี้ ไม่มีใครเลยที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ลำพังเด็กที่ใสซื่ออย่างเทียนเอ๋อนั้นจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกนางได้เช่นไร?

ทันทีที่พวกนางออกไป พวกนางก็จะเอาไปพูดว่าเทียนเอ๋อนั้นดูแคลนพวกนาง

เทียนเอ๋อก็ได้คิ้วขมวด แล้วก็นึกอะไรบางอย่างออกได้ จึงได้ยิ้มอย่างชั่วร้ายแล้วจากนั้นก็กระแอมขึ้นมา “ท่านน้า ข้าไม่ได้ดูแคลนพวกท่านเลย นอกจากนี้ครั้งหนึ่งท่านอาจารย์เคยบอกกับเทียนเอ๋อว่าให้คอยดูพวกท่านยามที่เขาไม่อยู่”

“คอยดูพวกเรา?”

เทียนเอ๋อก็ได้กล่าวอย่างจริงจัง “ท่านอาจารย์กล่าวว่าถึงแม้ว่าเขาจะมีเงินมากมาย แต่เขาก็ไม่ต้องการที่จะเลี้ยงดูคนมากมายอย่างเสียข้าวสุก จึงได้บอกให้ข้าคอยดูพวกท่านน่ะ”

เหล่าหญิงสาวที่อยู่ในวังหลังเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นมนุษย์ธรรมดา ก่อนที่เทียนเอ๋อจะพูดจบ พวกนางก็ได้รีบเปลี่ยนท่าทีทันที และมีท่าทีเป็นห่วงเทียนเอ๋อขึ้นมา

“นายน้อย เจ้าอยากออกไปข้างนอกใช่ไหม? รีบไปสิ มีเงินพอใช้รึเปล่า? ถ้าไม่มีข้ามีให้นะ!”

เทียนเอ๋อก็ได้ยักไหล่ แล้วก็เดินออกไปให้พ้นจากเสียงของผู้หญิงเหล่านี้

หลังจากที่หนีพ้นจากผู้หญิงเหล่านี้แล้ว ชิงอวี่ก็ได้ปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆเทียนเอ๋อ “น้าชิงอวี่ทำไมเมื่อสักครู่ท่านถึงไม่ออกมาช่วยข้าบ้างเลย”

เทียนเอ๋อก็ได้ถกแขนเสื้อขึ้นแล้วเอาแขนเช็ดตาของเขา “ท่านไม่รู้หรอกว่าเมื่อกี้ พวกผู้หญิงพวกนั้นรังแกเทียนเอ๋อจนลำบากขนาดไหนน่ะ”