บทที่ 186 ผิดนัด

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 186

ผิดนัด

“นายน้อย อย่าแกล้งทำเป็นร้องไห้เลยเจ้าค่ะ ชิงอวี่เห็นท่านแอบใส่ยาถ่ายลงไปนะเจ้าคะ” ชิงอวี่ก็ได้ส่ายหัวของนางและเปิดเผยแผนการของเทียนเอ๋อ

เทียนเอ๋อเอาแขนลงก็ได้กะพริบตา แล้วจากนั้นก็กล่าวอย่างซุกซน “หึๆ สมกับที่เป็นสายตาของน้าชิงอวี่จริงๆ เทียนเอ๋ออุตส่าห์แอบทำแล้วไม่นึกเลยว่าน้ายังจะเห็นอีก”

นายน้อย ในเวลานี้ท่านคิดจะไปที่ไหนต่อเจ้าคะ?” ชิงอวี่ได้มองไปที่เทียนเอ๋อที่กำลังเตร็ดเตร่จึงอดไม่ได้ที่จะถาม เพราะเทียนเอ๋อนั้นคงไม่อยากที่จะกลับไปที่จวนมหาเสนาบดีหรือพระราชวังรัตติกาลอีกแล้ว ในเมื่อเช่นนี้เขาก็กลายเป็นคนจรจัดไป

เมื่อถูกถามเช่นนี้ เทียนเอ๋อก็ได้วางตุ๊กตาในมือของเขาลงแล้วก็ยืดอกเล็กๆของเขา “เด็กน่ารักอย่างข้านั้นเป็นที่รักของผู้คนทุกหนทุกแห่งนั่นแหละ แม้แต่ดอกไม้ยังต้องบานเมื่อเห็นเทียนเอ๋อ อย่างข้าจะหาที่อยู่ไม่ได้ได้อย่างไร?”

เมื่อได้ยินคำโม้ของเทียนเอ๋อแล้ว ชิงอวี่ก็ได้แค่ยิ้มและไม่พูดอะไรออกไป

แต่พอเขานึกถึงแม่ของเขาแล้ว เทียนเอ๋อก็รู้สึกโมโหขึ้นมา เขาสีหน้าโดดเดี่ยวแล้วดึงแขนเสื้อของชิงอวี่ “น้าชิงอวี่ ช่วยบอกทีว่าทำไมท่านแม่ถึงไม่กลับมาเสียทีละ? หรือว่าท่านแม่ไม่ต้องการเทียนเอ๋อแล้ว?”

ชิงอวี่ที่เห็นเทียนเอ๋อที่อ้างว้างและโดดเดี่ยวนั้น นางก็ได้รีบปลอบเขา “ไม่หรอกเจ้าค่ะ ชิงอวี่นั้นรู้ดีว่าคุณหนูหลินนั้นรักนายน้อยมากขนาดไหน?”

“แต่เทียนเอ๋อนั้นไม่เชื่อฟังท่านแม่แล้วยังสร้างปัญหาให้ตลอด ข้าไม่เคยทำให้ท่านแม่รู้สึกวางใจเลย” จากนั้นน้ำตาของเทียนเอ๋อก็ได้เริ่มไหลออกมาราวกับลูกปัด แล้วเม็ดใหญ่ก็ได้เริ่มหล่นลงมา

ชิงอวี่ก็ได้ถอนหายใจ ถึงแม้ว่าเทียนเอ๋อนั้นจะเป็นเด็กฉลาดและซุกซน แต่เขาก็เป็นเพียงแค่เด็ก หากเขาต้องห่างจากแม่ไปนานๆ เขาก็ย่อมที่จะรู้สึกกังวลขึ้นมา

นางจึงได้กอดเทียนเอ๋อเอาไว้ในอ้อมแขนของนางแล้วลูบหลังของเทียนเอ๋อเบาๆด้วยอ้อมแขนของนาง

หลังจากผ่านไปพักหนึ่งเทียนเอ๋อก็ถาม “เมื่อไรท่านแม่จะกลับมาเหรอ?”

ชิงอวี่นั้นนึกขึ้นได้ว่านางนั้นได้ข่าวมาจากหลินซีเหยียนเมื่อไม่กี่วันก่อน หลังจากที่นึกถึงเรื่องนั้นได้เทียนเอ๋อก็ได้กล่าว “สองวัน อีกสองวันเจ้าค่ะ คุณหนูหลินจะต้องกลับมาหานายน้อยแน่นอนเจ้าค่ะ”

หลังจากที่ได้ยินที่ชิงอวี่พูดแล้ว เทียนเอ๋อก็ได้ยิ้มขึ้นมาโดยที่มีน้ำตาติดอยู่ที่ขนตาของเขา ซึ่งดูน่าหลงใหลมาก “ไปที่โรงเตี๊ยมซื่อฟางกันเถอะ ข้าจะทำบางอย่างให้กับท่านแม่”

“ได้เจ้าค่ะ” ชิงอวี่ตอบเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว

แต่ทว่ายังคงมีความกังวลบางอย่างอยู่ในใจของนาง เพราะนางนั้นไม่รู้เวลาที่แน่นอนว่าคุณหนูหลินจะกลับมาเมื่อไร?

องค์ชายจงซู่เฟิงที่อยู่ที่จวนมหาเสนาบดีเองก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง เขานั้นอยู่เพียงลำพังในห้อง ถึงแม้ว่าเขานั้นจะมีหนังสืออยู่ในมือของเขา แต่เขานั้นกลับไม่มีสมาธิที่จะอ่านเลย

หลังจากที่ผ่านไปพักใหญ่ เขาก็ได้มองไปที่พื้นที่ว่างๆแล้วถามด้วยเสียงที่เยือกเย็น “เจ้าพบหรือยังว่าแม่นางหลินหายไปไหน?”

แล้วก็มีคนคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาตรงที่ว่างนั้น ชายคนนั้นคุกเข่าลงกับพื้นด้วยท่าทีที่ให้ความเคารพอย่างมาก “รายงานนายท่าน ข้าน้อยพบเพียงแค่ว่าแม่นางหลินนั้นอยู่ที่รัฐจง แล้วนอกจากนั้นก็ยังไม่ได้ข่าวคราวอีกเลยขอรับ”

หลังจากที่เงียบไปพักใหญ่ๆ จงซู่เฟิงก็ได้ตัดสินใจบางอย่าง “ไปหาคนที่หน้าตาเหมือนข้ามา เปิ่นหวางจะกลับไปที่รัฐจง”

“นายท่าน ถ้าเกิดเรื่องนี้ถูกคนอื่นรู้เข้า เกรงว่าจะส่งผลกับแผนการของท่านได้นะขอรับ”

ดวงตาของจงซู่เฟิงนั้นก็เต็มไปด้วยความว้าวุ่นใจ เขานั้นกังวลเรื่องของหลินซีเหยียนมากจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เขานั้นรู้ว่าเขาจะปล่อยให้ตัวของเขาจมอยู่แบบนี้ไม่ได้ แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย

ท่ามกลางความว้าวุ่นใจของจงซู่เฟิง ชายคนนั้นก็ได้หายตัวไปจากในห้องอีกครั้ง เขานั้นรู้ดีว่านายท่านนั้นจะต้องเลือกหนทางที่ถูกต้องได้ อย่างไรเสียนายท่านนั้นก็ได้ลงทุนไปอย่างมากสำหรับแผนการใหญ่นี้ของเขา

สองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในวันนี้เทียนเอ๋อก็ได้มายืนรออยู่ที่ประตูเมืองพร้อมด้วยกล่องผ้าใบหนึ่งในมือของเขา และรอคอยการกลับมาของท่านแม่ของเขาอย่างเงียบๆ

ชิงอวี่ก็ได้ยืนอยู่ข้างๆนางและไม่ได้พูดอะไร นางมองไปที่นอกประตูเมืองและคาดหวังว่าองค์ชายและคุณหนูหลินจะได้รับจดหมายของนางแล้วรีบกลับมาไวๆ

ในเวลานี้หลินซีเหยียนกับคนอื่นๆก็ได้รีบรุดเดินทางกลับนั้น เพิ่งจะมาถึงเขตชานเมือง แต่ก็เกรงว่าการจะกลับไปถึงเมืองหลวงก่อนที่ประตูเมืองจะปิดนั้นก็แทบจะจวนเจียนแล้วหากว่าไม่หยุดแวะพักที่ไหนเลย

แต่ทว่าความหวังเพียงน้อยนิดนั้นก็ได้ดับไปเพราะใครบางคน เมื่อพบว่าฮัวหย่านั้นได้กระโดดลงจากม้า แล้วบ่นรำพึงรำพันเรื่องการปวดหลังของนาง แล้วจากนั้นก็ได้กล่าวอย่าง หน้าไม่อายให้ทั้งคณะนั้นต้องหยุดพักและรอนาง

หลินซีเหยียนนั้นรู้สึกไม่ดีอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น

แล้วสตรีศักดิ์สิทธิ์ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆกับหลินซีเหยียนนั้น ในระหว่างการเดินทางนั้นสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้บอกกับชื่อของนางให้หลินซีเหยียนฟัง ชื่อของนางคือหม่านเทียน ซึ่งมาจากบุปผาลอยล่องเต็มท้องนภา

หม่านเทียนนั้นรู้สึกไม่ค่อยชอบฮัวหย่ามาสักพักใหญ่แล้ว นางจึงได้กัดฟันของนางแล้วเดินมาตรงหน้าของฮัวหย่าแล้วกล่าว “พี่ฮัว ข้าเสียใจที่จะต้องบอกว่าพวกเรามีธุระที่จะต้องกลับไปที่เมืองหลวงโดยด่วน กรุณารีบเดินทางกันต่อด้วยเถอะ!”

ฮัวหย่าก็ได้จ้องไปที่หลินซีเหยียนแล้วจากนั้นก็กล่าวอย่างไม่พอใจ “ข้าก็ไม่ได้ขวางทางเจ้าเอาไว้เสียหน่อย หากเจ้าอยากที่จะกลับก่อนก็ไปได้ตามที่เจ้าต้องการ

หลินซีเหยียนก็คิดว่าที่นางพูดมานั้นก็ถูก นางจึงได้ไปคุยกับเชียนอี้แล้วจากนั้นก็เลือกม้ามาตัวหนึ่งแล้วจากนั้นก็ขี่ม้าออกไป

เจียงหวายเย่เองก็ได้เลือกม้ามาตัวหนึ่งเช่นกัน แล้วได้สั่งให้เชียนอี้นั้นคอยคุ้มครองสตรีศักดิ์สิทธิ์ด้วย ส่วนฮัวหย่านั้น จะทิ้งนางเอาไว้ที่ไหนก็ได้หากนางต้องการ แล้วจากนั้นก็ได้รีบไล่ตามหลินซีเหยียนไป

เดิมทีม้าที่หลินซีเหยียนเลือกมานั้นไม่ได้ดีมากนัก ทำให้เจียงหวายเย่สามารถไล่ตามนางได้ด้วยเวลาไม่นาน แต่ เจียงหวายเย่ก็ไม่ได้พูดอะไรแต่ไล่ตามหลินซีเหยียนมาเงียบๆ

แล้วทั้งสองคนก็ได้รีบเดินทางมาตามเส้นทาง แต่กว่าทั้งคู่จะมาถึงที่ประตูเมืองได้ ประตูเมืองก็ได้ปิดลงไปแล้ว

หลินซีเหยียนก็ได้ถอนหายใจออกมา ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของนางนั้นดูไม่ดีมากกว่าที่จะร้องไห้ “เทียนเอ๋อ เจ้าเด็กตัวแสบนั่น ไม่ชอบที่จะให้ถูกดุอยู่แล้ว ปล่อยให้เขาทำตามใจอีกสักคืนนึงก็แล้วกัน”

ถึงจะพูดเช่นนั้น แต่ดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความโหยหา

เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่กำแพงสูง แล้วจากนั้นก็ได้คว้าเอวของหลินซีเหยียนด้วยมือข้างหนึ่งแล้วก็เหาะขึ้นไป แม้ว่าวิชาตัวเบาของเจียงหวายเย่นั้นจะเรียกได้ว่าสุดยอดแล้วก็ตามที แต่ก็ไปถึงได้แค่ตรงกลางกำแพงเมืองเท่านั้น

ในขณะที่หลินซีเหยียนคิดว่าพวกนางกำลังจะตกอยู่นั้น มืออีกข้างของเจียงหวายเย่ก็ได้เกาะไปยังก้อนอิฐที่ยื่นออกมา แล้วจากนั้นก็ใช้กำลังภายในส่งแรงออกไปทำให้พุ่งลอยขึ้นมา แล้วก็ทำเช่นนั้นอยู่สักพักหนึ่ง แล้วจากนั้นทั้งคู่ก็ได้ลอยขึ้นมาบนกำแพงเมืองได้อย่างปลอดภัย

เทียบกับขาขึ้นแล้ว ขาลงนั้นง่ายกว่ามาก เมื่อทั้งคู่ได้มาถึงที่โรงเตี๊ยมซื่อฟางนั้น เทียนเอ๋อนั้นกำลังทานไก่ย่างอยู่โดยไม่ได้มีสีหน้าเสียใจเลยแม้แต่น้อย

หลินซีเหยียนก็ได้คิ้วขมวดแล้วเดินเข้าไปหา “เทียนเอ๋อคงไม่ต้องการแม่แล้วสินะ?”

“ต้องการสิ”

เทียนเอ๋อก็ได้วางขาไก่ที่เขากับกินอยู่ลง แล้วก็ลงจากม้านั่งแล้วรีบวิ่งไปหาหลินซีเหยียน “เทียนเอ๋อนั้นอยากที่จะอยู่กับท่านแม่ เพื่อที่ต่อจากนี้เทียนเอ๋อจะได้เชื่อฟังตามที่ท่านแม่บอก เทียนเอ๋อก็ได้ทำทุกอย่างที่ท่านแม่ไม่อยากให้เทียนเอ๋อทำเรียบร้อยก่อนที่ท่านแม่จะกลับมาแล้ว”

จากนั้นเขาก็ได้ยิ้มกริ่มอย่างภูมิใจ

ในเวลานี้หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา นางได้ลูบหัวน้อยๆของเทียนเอ๋อแล้วแกล้งทำเป็นโกรธมาก “เจ้าทำในสิ่งที่แม่ห้ามเอาไว้อย่างนั้นสินะ สงสัยแม่จะต้องหวดเจ้าเสียหน่อยแล้ว”

เทียนเอ๋อก็ได้หดหัวด้วยสีหน้ารู้สึกผิดทันที “เทียนเอ๋อนั้นอุตส่าห์เฝ้ารอการกลับมาของท่านแม่ แต่ท่านแม่กลับคิดถึงแต่การทำร้ายเทียนเอ๋อ”

เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่ความเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยและน่าสนใจของแม่ลูกคู่นี้ แล้วที่มุมปากของเขาก็ได้ยิ้มขึ้นมาเพราะมีความสุข มือขวาของเขานั้นได้หลบซ่อนอยู่ข้างหลังของเขา ถึงแม้ว่ามือนั้นจะถลอกปอกเปิกเพราะอิฐและก้อนกรวด แต่เขาก็คิดว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร