ตอนที่ 141 ชีวิตส่วนตัวของซ่งหงเย่ถูกแฉ

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

เจิ้งปินแต่งงานกับซ่งหงเย่ช้ากว่าเย่เฉินและหวังเจียเหยาหนึ่งปี ตอนนี้ก็น่าจะเป็นเวลาสองปีแล้ว

เย่เฉินและหวังเจียเหยาแต่งงานกันมาสามปีไม่เคยนอนร่วมห้องกันดังนั้นตอนนี้ถึงได้เพิ่งมีลูก

แต่เจิ้งปินกับซ่งหงเย่เป็นคู่สามีภรรยาที่ปกติ ตามหลักแล้วแต่งงานกันมาตั้งสองปีน่าจะมีลูกไปนานแล้ว

พอพูดถึงเรื่องนี้ เจิ้งปินก็ตะขิดตะขวงใจน้อยๆ เขาดื่มเหล้าอึกใหญ่ก่อนจะวางแก้วเหล้าลงแล้วกล่าวต่อ

“พ่อแม่ผมน่ะเร่งให้มีหลานตั้งแต่เริ่มแต่งงานแล้ว แต่หงเย่บอกว่าตอนนี้หล่อนอายยุยังน้อย ไม่ถือเป็นช่วงอายุที่ดีที่สุดในการมีลูก ไม่อยากหุ่นพังตั้งแต่อายุยังน้อย แถมยังต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูกด้วย”

เย่เฉินพ่นลมออกจากจมูก นี่ซ่งหงเย่คิดจะฉวยโอกาสตอนที่ตัวเองอายุยังน้อยอ่อยผู้ชายคนอื่นไม่ใช่หรือไง!

ผู้หญิงเมื่อคลอดลูกแล้ว บางคนก็ฟื้นตัวได้เร็ว บาคนฟื้นตัวได้ช้ามาก

ซ่งหงเย่เป็นคนอ้วนง่ายแล้วผอมยากเสียด้วย

ถ้าเรือนร่างหล่อนเกิดการเปลี่ยนไปเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่อ้วนท้วมขึ้นมา ต่อให้หล่อนมีเงินมากเท่าไหร่ หนุ่มๆ ก็ไม่มองหล่อน

ทันใดนั้นเองเจิ้งปินก็พูดต่อ “แต่เมื่อปีก่อน หงเย่เกิดพลาดท้องมาครั้งหนึ่ง!”

“พลาดท้อง!”

เย่เฉินและฉินหงเหยียนตกตะลึงไปพร้อมกัน พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะไม่ธรรมดาแบบนั้น

เจิ้งปินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเล่าต่อ “พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะมีลูกกัน แล้วก็คุมกำเนิดกันแล้วด้วย แต่สวรรค์มีตารู้ว่าผมอยากมีลูก สวรรค์เลยเมตตาให้หงเย่ท้องลูกของเรา”

“ตอนแรกหงเย่ปิดบังผม มีวันหนึ่งผมเห็นหล่อนทำท่าเหมือนอยากจะอาเจียนอยู่บ่อยๆ เลยถามหล่อน หล่อนถึงจะยอมรับ”

“พอมีลูกผมย่อมดีใจอยู่แล้ว แต่หงเย่ดูไม่ค่อยจะดีใจเท่าไหร่ เหมือนไม่ค่อยอยากมีลูกเท่าไหร่”

“ผมอุตส่าห์ยกเลิกงานทั้งหมด เพื่อจะได้ไปดูแล ประคบประหงมหล่อน จนในที่สุดหล่อนก็ยอมเก็บเด็กคนนี้เอาไว้”

“เสียดายก็แค่พอไปตรวจที่โรงพยาบาล ก็พบว่าเด็กผิดปกติเลยต้องยุติการตั้งครรภ์ไป”

เย่เฉินและฉินหงเหยียนสะดุ้งแล้วรีบปลอบใจเจิ้งปิน

ทว่าเย่เฉินกลับรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เจิ้งปินคิด

“เมื่อปีก่อนจำได้ว่าไปเจอซ่งหงเย่กับโค้ชของฟิตเนสคนหนึ่งที่ห้างสรรพสินค้ากับโรงภาพยนตร์บ่อยๆ เกรงว่าเด็กคนนั้นน่าจะไม่ใช่ของเจิ้งปินด้วยซ้ำไป!”

เจิ้งปินมักจะไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆ จะกลับมาแค่ครั้งละวันสองวันเท่านั้น บางครั้งอาจจะแค่ครึ่งวันเท่านั้น ทั้งสองคนก็ไม่ได้วางแผนจะมีลูก คงจะไม่บังเอิญขนาดนี้

เย่เฉินอยากจะบอกเจิ้งปินอย่างมาก โชคดีที่เด็กไม่ได้คลอดออกมา ไม่อย่างนั้นซวยแน่!

ทันทีที่ย้อนคิดถึงการกระทำทั้งหมดของซ่งหงเย่ เย่เฉินก็ยิ่งรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้สมควรได้รับการลงโทษอย่างสาสม!

ทั้งสามคนดื่มเหล้ากินหม้อไฟกันต่อ ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นเย่เฉินก็ส่งวีแชทหาไมเคิล

“ถึงหรือยัง?”

“ถึงแล้ว”

คราวนี้เย่เฉินไม่ได้ให้ไมเคิลกับซ่งหงเย่ไปนัดพบกันที่โรงแรม แต่ให้ไปที่บ้านของซ่งหงเย่แทน

ถ้าให้ไปจับชู้กันที่โรงแรม หนึ่งคือ เย่เฉินไม่รู้ว่าจะบอกกับเจิ้งปินยังไง

สองก็คือเย่เฉินกลัวว่าซ่งหงเย่กับหวังเจียเหยาจะมีนิสัยเหมือนกัน ก็คือต่อให้เปิดห้องในโรงแรมก็ไม่ยอมรับ

เย่เฉินไม่อยากให้เจิ้งปินเดินซ้ำรอยเดิมกับตนเอง เพื่อที่เขาจะได้เห็นว่าภรรยาของตนเองเป็นคนแบบไหนได้ชัดเจนแจ่มแจ้งในครั้งเดียว!

ดังนั้นเย่เฉินจึงบอกเจิ้งปิน “พี่ปิน พวกเราดื่มอีกแก้วแล้วพี่ก็กลับบ้านเถอะครับ”

เจิ้งปินกลัวจะรับรองพวกเขาได้ไม่ดี “ไม่ต้องๆ ไม่อย่างนั้นเราสองคนดื่มเบียร์กันต่อไหม?”

เย่เฉินโบกมือ “อย่าดื่มเยอะเกินไปนะ พี่ยังต้องเอาของขวัญไปให้ซ่งหงเย่อีกนะครับ”

เจิ้งปินหัวเราะร่วน เขาเองก็อดใจรอไม่ไหวที่จะเอาชุดเครื่องแก้วที่ประณีตนี้ไปให้ภรรยาตนเอง!

“ก็ได้ งั้นดื่มแก้วนี้ให้หมดแล้วคราวหน้าค่อยหาโอกาสมาดื่มกันอีก!”

ทั้งสามคนยกแก้วสุดท้ายดื่มจนหมด ตอนเจิ้งปินจะจ่ายเงินก็พบว่าเย่เฉินจัดการจ่ายก่อนแล้วเรียบร้อย เขาจึงคาดโทษเย่เฉิน

เย่เฉินบอกให้ไมเคิลลงมือทำร้ายจิตใจเจิ้งปิน เขาก็ตะขิดตะขวงใจหากต้องให้อีกฝ่ายเลี้ยงอาหารตนเอง

เมื่อเดินออกมาจากร้านอาหาร เจิ้งปินก็กอดชุดของขวัญแล้วเรียกรถแท็กซี่กลับบ้าน

ตลอดทางกลับบ้าน เจิ้งปินไม่ได้โทรหาซ่งหงเย่ เพราะเขาอยากจะเซอร์ไพรส์ภรรยาตนเอง

เมื่อถึงบ้านจัดแจงกดรหัสเปิดประตู ก้าวเข้าไปในบ้าน ก็เห็นไฟในห้องรับแขกเปิดเอาไว้ พอรู้ว่าภรรยาอยู่บ้านเขาก็ดีใจอย่างมาก

ตอนกำลังจะอ้าปากเรียกซ่งหงเย่ ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงซ่งหงเย่ เสียงนั้นดังลอยมาจากห้องนอน แต่เป็นภาษาอังกฤษ

“ฮ่าๆ ที่รักเรียนภาษาอังกฤษอยู่ในห้องนอนเหรอเนี่ย? เมียเรานี่เก่งจริงๆ เรียบจบแล้วแต่ก็ยังรักเรียนแบบนี้”

เจิ้งปินยังคิดว่าซ่งหงเย่เรียนภาษาอังกฤษจากในแอพพลิเคชั่น อ่านตามเสียงภาษาอังกฤษในคลิป เพื่อฝึกฝนการพูดอะไรทำนองนี้เสียอีก

ก่อนหน้านี้ซ่งหงเย่เคยเรียนภาษาอังกฤษมาก่อน เพราะหล่อนกับหวังเจียเหยามักจะไปเที่ยวเมืองนอกด้วยกันบ่อยๆ ภาษาอังกฤษเล็กน้อยที่เคยเรียนมานั้นไม่เพียงพอจะดำเนินชีวิตด้วยซ้ำ

แต่ในวินาทีต่อมา เจิ้งปินก็ได้ยินเสียงผู้ชายอีกคนพูดภาษาอังกฤษดังลอดออกมาจากในห้อง แถมภาษาอังกฤษที่เขาได้ยินนั้นเป็นสำเนียงอเมริกันที่ถูกต้องชัดเจน

วินาทีนี้เองเจิ้งปินก็ตกใจเหมือนโดนไม้หน้าสามฟาดเข้าที่หน้า

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

ไมเคิลเดินออกมาจากห้องนอน พบว่าเจิ้งปินนั่งสูบบุหรี่อยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ใบหน้าเรียบเฉย

“เชี่ยผี!”

ไมเคิลอุทาน

“ที่รักเป็นอะไรไปคะ?”

ซ่งหงย่ใส่ชุดบางเดินออกมา เมื่อเห็นเจิ้งปินก็กระโดดโหยงเหมือนแมวอย่างไรอย่างนั้น!

“ผมขอโทษนะครับ”

ไมเคิลกล่าวขอโทษเจิ้งปิน แล้วรีบร้อนเดินออกไป

แต่เจิ้งปินไม่ได้ทำร้ายร่างกายเขา แต่กลับสูบบุหรี่อยู่ที่นั่นแทน

ซ่งหงเย่ไม่มีท่าทีลนลาน หวังเจียเหยายังเคยโกหกหลอกลวงเย่เฉินได้ ส่วนหล่อนที่เป็นปรมาจารย์การโกหกด้วยซ้ำ

หล่อนยิ้มน้อยๆ แล้วสาวเท้าเดินไปนั่งลงบนโซฟา ควงแขนสามีอย่างสนิทสนมแล้วกล่าว “ที่รักคุณกลับมาเมื่อไหร่คะเนี่ย? ไม่บอกฉันก่อนเลยนะ คนเมื่อครู่เขาเป็นคุณครูสอนวิชาภาษาอังกฤษ คุณก็รู้นี่คะว่าฉันชอบภาษาอังกฤษมากนี่คะ”

ทว่าเจิ้งปินไม่ขยับเขยื้อน เขาสูบบุหรี่ต่อด้วยใบหน้าเรียบเฉย

ซ่งหงเย่มองที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะรับแขก ด้านในนั้นมีก้านบุหรี่ถึงห้าชิ้นแล้ว

ซ่งหงเย่จำได้อย่างแม่นยำว่าก่อนหน้านี้หล่อนจัดการทำความสะอาดที่เขี่ยบุหรี่จนสะอาดแล้ว ไม่มีก้านบุหรี่แม้แต่ก้านเดียวหลงหลืออยู่

ซึ่งนั้นแปลว่าสามีของหล่อนกลับมานานแล้ว

เมื่อรู้ว่าหลอกเจิ้งปินไม่ได้ ซ่งหงเย่ก็ทรุดตัวคุกเข่าลงต่อหน้าเจิ้งปิน “ที่รักฉันผิดไปแล้วค่ะ! ฉันเลอะเลือนไปชั่วขณะ คุณยยกโทษให้ฉันเถอะนะคะ”

ซ่งหงเย่ร่ำไห้คร่ำครวญ ทว่าเจิ้งปินกลับไม่มีท่าทีใดๆ

เจิ้งปินเงียบอยู่นานกว่าจะเปิดปากเอ่ย “คนที่เท่าไหร่แล้ว”

ซ่งหงเย่ยกมือขวาขึ้นสาบาน“ฉันขอสาบานว่ามีแค่คนนี้คนเดียว”

จู่ๆ เจิ้งปินนึกถึงก่อนหน้านี้ที่ร้านหม้อไฟ เย่เฉินสั่งผักสดมาห้าจาน เป็นผักที่มีสีเขียวทั้งหมด ตอนนี้ถึงได้เข้าใจจุดประสงค์ที่เย่เฉินเลี้ยงอาหารตนเองวันนี้

“คนที่ห้าแล้วใช่ไหม?” เจิ้งปินกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ซ่งหงเย่ตกตะลึง ในใจพลันเริ่มลนลาน หรือว่าที่ผ่านมาเจิ้งปินรู้มาโดยตลอดเหรอ? หนำซ้ำยังรู้ถึงห้าคนแล้ว?

ความเป็นจริงแล้วผู้ชายที่ซ่งหงเย่เคยคบหามาตลอดสองปีมานี้ไม่ได้มีแค่ห้าคน เพียงแต่ที่เย่เฉินรู้นั้นมีเพียงแค่ห้าคนเท่านั้น

“ที่รักฉันไม่กล้าทำอีกแล้วล่ะค่ะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะไปทำงานกับคุณทุกวัน คุณอยากมีลูกไม่ใช่เหรอคะ? ฉันมีลูกให้คุณดีไหม?”

ซ่งหงเย่ไม่แก้ตัวอะไรอีก หล่อนเดาได้ว่าเจิ้งปินจะต้องมีหลักฐานความผิดของหล่อนเป็นจำนวนมากแน่

ทว่าเจิ้งปินคิดถึงคำพูดบางอย่างที่เย่เฉินและฉินหงเหยียนพูดกันเมื่อตอนกินข้าวตอนชั่วโมงครึ่งก่อนนี้

แล้วจึงกล่าวอย่างเด็ดขาดว่า “หย่ากัน!”