ตอนที่ 140 สามีหน้าโง่ที่โดนปิดหูปิดตา

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

เย่เฉินชะงักนิ่งไป

เขาคิดว่าอาหารมื้อนี้จะเป็นอาหารที่ธรรมดาเรียบง่าย ไม่ว่ายังไงก็คิดไม่ถึงว่าฉินหงเยียนจะมาสารภาพรักกับตนเองเอาในเวลานี้ที่นี่

เรื่องที่หญิงสาวชอบเขานั้น เวลาก็ผ่านมาตั้งนาน เขาเองไม่ใช่คนโง่จะไม่รู้ได้อย่างไร!

แต่ความรู้สึกของผู้ใหญ่กับเด็กนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

โดยเฉพาะหลังจากที่ทำงาน และยิ่งเป็นเจ้าคนนายคนด้วยแล้ว

จะให้มาพูดคำว่าฉันชอบคุณ สำหรับผู้หญิงอายุสามสิบปีถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่ใครจะรู้ฉินหงเหยียนที่โลดแล่นในวงการธุรกิจมาหลายปี เห็นผู้ชายเป็นแค่ของเล่น ไม่เคยจะมีแฟนสักคน

แต่กลับลดตัวลงมาสารภาพรักกับผู้ชายคนหนึ่งก่อน

เย่เฉินซาบซึ้งใจอย่างมาก แต่ว่าเมื่อเขามองเรือนร่างภายใต้เสื้อยืดของหญิงสาว พลันมีความคิดบางอย่างผุดขึ้นในหัวเขา

“ฉินหงเหยียนจะเหมือนหวังหยวนหยวนที่เดาได้ว่าเรื่องโดนขับออกจากตระกูลเป็นแค่การโกหกหรือเปล่านะ? คุณเลือกรักผมเพราะเงินของตระกูลเย่หรือเปล่า?”

หากเป็นเย่เฉินคนเดิมเมื่อสามปีก่อน ไม่สิ เย่เฉินคนเดิมเมื่อปีก่อนก็ได้

เมื่อเจอผู้หญิงที่ชื่นชมตนเองแบบนี้ หนำซ้ำยังโดดเด่นเก่งกาจ เขาอาจจะไม่พูดพร่ำเพลง พุ่งเข้าไปจูบหล่อนโดยไม่คิดหน้าคิดหลังก็ได้

แต่ว่าตอนนี้เมื่อเจอผู้หญิงแบบหวังเจียเหยามา ทำให้เขาไม่ใสซื่อไร้เดียงสาแบบเดิมอีกต่อไป!

เขารู้สึกว่าผู้หญิงร่วมชาติของตนเองนั้นเห็นแก่เงินเกินไป ไม่ว่าจะเป็นคนที่พิ้นเพบ้านดีหรือไม่ก็ตาม

ผู้หญิงสวยรวย ไม่ขาดแคลนเงินทอง เวลามีแฟนก็ไม่สนใจหรอกว่าอีกฝ่ายจะรวยไหม แต่สุดท้ายถ้าต้องแต่งงานกันขึ้นมาก็ต้องหาคนที่เหมาะสมกันอยู่ดี

ส่วนผู้หญิงที่พื้นเพ้บ้านไม่เท่าไหร่ ต่างก็อยากจะแต่งงานกับผู้ชายรวยๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงชะตาของตนเอง

ฉินหงเหยียนอายุเยอะกว่าหวังเจียเหยา แถมทำงานมาก่อนหวังเจียเหยาหลายปี ถ้าจะพูดเรื่องการวางแผนและวิธีการนั้น หล่อนย่อมต้องเหนือกว่าอีกฝ่ายหลายขุม

กระทั่งหวังเจียเหยาที่ได้คำชี้แนะจากคนอย่างซ่งหงเย่ ยังหลอกเขาได้

ถ้าฉินเหยียนเกิดคิดจะหลอกเขาขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าคงไม่ยากเย็นอะไร

เย่เฉินอ่านฉินหงเหยียนไม่ออก!

เขาไม่รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าชอบตนเองจริงๆ หรือว่าแค่เสแสร้งแกล้งทำ

“หงเหยียน…”

เขาเอื้อมมือไปกุมมือหญิงสาว ในตอนที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างนั้นเอง

เจิ้งปินก็พุ่งพรวดเข้ามาทันที

“โอ้ยขอโทษด้วยนะๆ ที่ทำให้คุณฉินกับน้องเย่เฉินรอนาน”

ชายหนุ่มตัวอ้วนเดินเข้ามา

เจิ้งปินสูงประมาณ 165 ซม. แต่น้ำหนักนั้นน่าจะทะลุ 90 กก. ไปแล้ว เขาเป็นหัวล้านสวมแว่นตา

เป็นเพื่อนตัวอ้วนและเซ่อซ่าหน่อยๆ แบบที่ทุกคนมักจะมีอยู่รอบตัว

เจิ้งปินถือเหล้าเหมาไถมาด้วย หลังจากทรุดตัวนั่งเห็นบนโต๊ะมีผักอยู่ห้าอย่าง คือ ผักกาด ผักคอส ตั้งโอ๋ ผักกาดก้านขาวและผักชี

เจิ้งปินประหลาดใจน้อยๆ “ทำไมสั่งแต่ผักกันล่ะเนี่ย? สั่งเนื้อสิ! เนื้อวัวเป็นอาหารแนะนำของร้านนี้ พวกเขาเลือกใช้เนื้อของวัวอายุ 3-4 ปีที่มาจากอวิ๋นกุ้ย ขนส่งมาที่โรงเชือดของอวิ๋นโจวโดยรถไฟ หลังจากเชือดแล้วจะถูกส่งมาที่ร้านภายใน 3 ชั่วโมง”

“รายการพวก A Bite Of China [1]และ CHEF NIC [2]ก็มาถ่ายที่นี่กัน”

“วันนี้ผมขอเป็นเจ้ามือเอง พวกคุณอย่าแย่งจ่ายล่ะ เด็กๆ!”

เจิ้งปินเรียกพนักงานแล้วสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ

จากนั้นก็เริ่มเปิดขวดเหล้าเหมาไถ แล้วเป็นฝ่ายรินเหล้าให้เย่เฉินและฉินหงเหยียน

“คุณฉินผมอยากเจอคุณมาโดยตลอด วันนี้ผมได้มีโอกาสได้เจอคุณเพราะน้องเย่เฉิน คุณฉินคุณดูอายุน้อยมากจริงๆ ตอนที่เพิ่งเข้ามาในห้องส่วนตัวเมื่อครู่ ผมยังนึกว่าเป็นน้องสาวของเย่เฉินเลย!”

ถึงแม้ว่าเจิ้งปินจะเป็นคนซื่อและตรงไปตรงมา แต่ยังไงเสียเขาก็เป็นนักธุรกิจมักจะออกไปพบปะผู้คน ดังนั้นจึงพูดเก่งไม่น้อย

ฉินหงเหยียนที่ถูกชมว่าอายุน้อยก็ดีใจมาก “เถ้าแก่เจิ้งคุณนี่พูดเก่งจริงๆ ฉันยังกลัวว่าแต่งตัวแบบนี้คุณจะยังรังเกียจว่าฉันแอ๊บแบ๊ว”

หลังจากที่เจิ้งปินรินเหล้าให้ฉินหงเหยียนแล้วก็รินให้เย่เฉิน จากนั้นเย่เฉินก็รับเหล้าไป

เขารู้ว่าเจิ้งปินตอนนี้ดูถูกตัวเองเล็กน้อย เขาเป็นถึงเถ้าแก่ที่มีบริษัทมูลค่าหลายร้อยล้านต้องมารินเหล้าให้คนถังแตก เขาจะต้องรู้สึกไม่สบายใจแน่

“ผมรินเองก็ได้ครับ” เย่เฉินรับเหล้ามา

เจิ้งปินก็ไม่ดึงดัน เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณฉินเกรงใจกันเกินไปแล้ว ท่าทางคุณตอนนี้ถ้าไปเดินในมหาวิทยาลัยก็คงต้องมีผู้ชายไม่น้อยเดินมาถามคุณว่าคุณเรียนปีไหน”

เย่เฉินรินเหล้าแล้วส่งเหล้าให้เจิ้งปิน จากนั้นก็พูดต่อ “ผู้หญิงโสดไม่มีทางแก่ ผมได้ยินมาว่าก่อนที่พี่เจิ้งปินจะแต่งงานก็เจ้าชู้ใช่ย่อยเลย”

เจิ้งปินหัวเราะร่วน “ก็พอได้ตอนนั้นผมยังไม่อ้วนแบบนี้ ตอนนี้หนักตั้งเกือบ 100 กิโลกรัมเชียว เฮ้อ”

ฉินหงเหยียนถาม “ภรรยาของคุณติดใจเรื่องหุ่นของคุณไหมน่ะ?”

เจิ้งปินส่ายศีรษะพลางกล่าว “ภรรยาของผมไม่ใช่คนที่มองหน้าตา หล่อนไม่ได้สนใจหน้าตา หรือเรือนร่าง แถมยังบอกว่ามีข้าวกินถือเป็นโชคดี บอกผมว่าไม่ต้องอยากลดน้ำหนักหรอก”

เย่เฉินและฉินหงเหยียนพูดไม่ออก ถ้าซ่งหงเย่ไม่ใช่คนบ้าผู้ชายหล่อ โลกใบนี้ไม่มีผู้หญิงที่ชอบผู้ชายหล่อๆ!

พนักงานเอาเนื้อและผักมาเสิร์ฟบนโต๊ะกันอย่างรวดเร็ว พอถึงตอนนี้เย่เฉินก็ส่งชุดเครื่องแก้วให้เจิ้งปิน

“นี่คือชุดเครื่องแก้วยี่ห้อ Baccarat ด้านในมีแก้วค็อกเทลสองแก้ว สามารถเก็บเป็นของสะสมได้ แค่ราคาก็น่าจะหกหลักได้”

หลังจากเจิ้งปินรับกล่องของขวัญมาก็ดีใจอย่างมาก “เส้นสายของน้องเย่เฉินน่าอิจฉาจริงๆ ผมอยากจะหาซื้อแก้วชุดนี้ให้ภรรยาของผมตั้งนานแล้ว แต่ผมหาไปหามาก็เจอแต่ของธรรมดา”

“ผมเปิดดูได้ไหม?”

เหมือนเจิ้งปินจะยังสงสัยคลางแคลงใจในความสามารถเย่เฉิน กลัวว่าของขวัญที่เย่เฉินหามาให้นั้นจะเป็นแค่ของราคาถูก พอถึงนั้นตอนหากซ่งหงเย่เห็นแล้วจะผิดหวัง

“แน่นอนแล้วแต่คุณเลย”

เย่เฉินมอบของชิ้นนี้ให้เขาแล้ว

หลังจากที่เจิ้งปินเปิดดูแล้วก็พินิจมองแก้วค็อกเทลนั้นอย่างละเอียด จากนั้นก็กล่าวอย่างยินดี

“เป็นงานศิลปะจริงๆ ด้วย ระดับความโปร่งใส สัมผัสแบบนี้ จิ๊ๆ ผมพอจะจินตนาการตอนใส่มาร์ตินี่สีฟ้า ภรรยาขอผมจะต้องชอบมากแน่!” เย่เฉินมองท่าทางดีอกดีใจของเจิ้งปิน แล้วย้อนคิดถึงอดีตที่ตอนตนเองให้ของขวัญหวังเจียเหยา ไม่ต่างอะไรกับเขาเลย

“ดูเถ้าแก่เจิ้งรักภรรยาจังนะคะ” ฉินหงเหยียนกล่าว

เจิ้งปินกล่าวว่า “นั่นมันแน่นอน ตอนนี้ผมทำงานหาเงินอย่างบ้าคลั่งก็เพื่อภรรยาของผมซ่งหงเย่ คุณฉินอาจจะยังไม่รู้ แต่น้องเย่เฉินน่าจะเข้าใจผม เพื่อนของหงเย่ก็เป็นคนมีเงินเหมือนกับเพื่อนของหวังเจียเหยา พวกเขามีเงินกันหลายพันล้าน เป็นคนระดับพันล้าน ส่วนผมก็ไม่ได้ทำธุรกิจเก่งกาจอะไร ทำงานหนักมาหลายปีก็มีทรัพย์สินอยู่ไม่กี่ร้อยล้านเท่านั้น ผมต้องพยายามทำงานหาเงินอย่างหนัก ต่อไปจะได้เป็นเหมือนคุณฉิน ภรรยาของผมจะได้พอมีหน้ามีตาในวงเพื่อนบ้าง”

ฉินหงเหยียนหัวเราะเบาๆ ผู้ชายหน้าโง่ทำงาหนักหาเงินอยู่นอกบ้าน ไม่ได้รู้อะไรเลยว่าภรรยาที่บ้านทำอะไรบ้าง

ฉินหงเหยียนถือแก้วไวน์ “เถ้าแก่เจิ้งคะ ฉันขอดื่มให้คุณหนึ่งแก้ว คุณเป็นผู้ชายที่ดี แต่ว่าถ้าเป็นฉัน ฉันจะไม่ปล่อยให้สามีทำงานหนักคนเดียว แต่ตัวเองกลับทำตัวเป็นแม่บ้านอยู่ที่บ้าน การงานควรจะเป็นสิ่งที่สามีภรรยาร่วมกันฝ่าฟันไปด้วยกัน”

เย่เฉินถือแก้วเหล้าเอาไว้แล้วเหลือบมองฉินหงเหยียนเล็กน้อย

คำพูดนี้ของฉินหงเหยียนไม่รู้ว่าพูดให้เย่เฉินฟังหรือเปล่า

เจิ้งปินเองก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาเช่นกัน เขากล่าว “ผมไม่ได้หวังให้หงเย่ช่วยผม ธุรกิจนมผงนั้นทำยาก ผมแค่หวังว่าเธอจะมีลูกให้ผมสักคนก็ดีมากแล้ว”

เย่เฉินเห็นเจิ้งปินพูดถึงเรื่องนี้ก็ถอนหายใจ เขาจิบเหล้าเล็กน้อยแล้วถาม “ซ่งหงเย่ไม่ยอมมีลูกให้คุณเหรอ?”

[1] เป็นสารคดีของช่อง CCTV ชื่อไทยที่มีคนเอามาแปลคืออาหารจีนโอชารส

[2] เป็นรายการของเซียะถิงฟง