ตอนที่ 273 คิดว่าฉันวางแผนแยบยลไปใช่ไหม
“ดูเหมือนคุณจะหัวไวเกินคาด”
การกระทำในมือของเธอแข็งชะงัก “เหรอ…”
ป๋อจิ่งชวนไม่ได้มองข้ามการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของเธอไป นัยน์ตาสีดำขลับก็ยิ่งเพิ่มความลุ่มลึกมากยิ่งขึ้น
“พรุ่งนี้วางแผนอะไรไว้รึเปล่า” ป๋อจิ่งชวนเอ่ยถามขึ้น
“ยังเลย คุณวางแผนอะไรไว้งั้นเหรอ”
“อืม เราควรไปเยี่ยมคุณย่าได้แล้ว”
เฉินฝานซิงพยักหน้า “จริงด้วย ไม่ได้ไปเยี่ยมท่านมาตั้งนานแล้ว” เฉินฝานซิงเงียบไปสักครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “งั้นพรุ่งนี้เรารีบไปหาท่านกันเถอะ จะได้อยู่เป็นเพื่อนท่านนานๆ”
“อืม”
“จริงด้วย ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินคุณพูดถึงเครื่องประดับแบรนด์เอ็กซ์ ทางนั้นอยากให้คุณจ่ายค่าปรับ?”
ป๋อจิ่งชวนเงยหน้าขึ้นมองเธอ “เรื่องนี้คุณไม่ต้องไปใส่ใจ ไม่มีค่าปรับอะไรนั่นหรอก”
สีหน้าของเธอไม่ได้ดูเสียใจเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังเอ่ยขึ้นมาอีกว่า
“คาร์ลอสยอมพูดเรื่องค่าปรับกับคุณง่ายๆ แบบนี้ นั่นก็แปลว่าเป็นเรื่องด่วนจริงๆ แต่ว่าสำหรับเขา เงินค่าปรับพวกนั้นก็เป็นแค่เงินร้อนเท่านั้นเอง ยังไงก็ไม่อาจเติมหลุมไร้ก้นให้เต็มได้”
แววตาของป๋อจิ่งชวนฉายความฉงน “คุณรู้อะไรมา”
เฉินฝานซิงสบตาเขาแล้วพยักหน้า ก่อนจะหันไปแกะกุ้งพลางแล้วพูดไปพลาง
“คาร์ลอสเป็นคนโลภ แต่ว่าเล็กๆ น้อยๆ แค่นั้น…กล้าบ้าบิ่นดี ไม่ยอมทำธุรกิจเครื่องประดับเพียงอย่างเดียว ยังเพิ่มความชอบในรถแข่งของตัวเองลงไปอีก เขาฝันอยากมีแบรนด์รถเป็นของตัวเองมาตลอด ดังนั้นจึงเริ่มลงมือเมื่อห้าปีก่อน แต่มันใช่เรื่องง่ายๆ ซะที่ไหน”
“ตอนนี้ใครๆ เขาก็ยังคงตามเจ้าเดิมๆ กันทั้งนั้น เสื้อผ้าชาเนล ดีเคเอ็นวาย หลุยส์วิตตอง นาฬิกาก็พวก ปาเต็กฟิลิปป์ เพียเจต์ รถยนต์ก็มีพวกเชลบี้ เคอนิกเส็กก์ ไมบัค โรลส์รอยซ์ ใครจะยอมควักเงินเป็นหมื่นเป็นแสนเพื่อซื้อรถที่ไม่ได้ผลิตจากผู้เชี่ยวชาญกันล่ะ”
“ทุกวันนี้โรงงานผลิตรถของเขาก็กลายเป็นหลุมไร้ก้นที่เติมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม เขาใช้เงินที่หามาได้จากเครื่องประดับแบรนด์เอ็กซ์ส่วนใหญ่หมดไปกับการผลิตรถ แถมช่วงนี้ยังได้ยินมาว่าเขากำลังคบค้าอยู่กับกับพวกค้าเพชรเถื่อน ตามอุปนิสัยของเขา เพื่อเลี่ยงที่จะต้องหาวิธีแก้ปัญหาใหม่อยู่เรื่อยๆ ดังนั้นเพื่อเลี่ยงการที่ห้างจะถูกตรวจสอบไปด้วย การชิงยกเลิกสัญญาก่อนล่วงหน้าถือเป็นวิธีที่ชาญฉลาด”
ป๋อจิ่งชวนถอดถุงมือที่สวมอยู่ออกแล้ววางมันไว้อีกทาง สายตาคู่นั้นมืดครึ้มลง แต่ทว่ามุมปากเขากลับยกยิ้มขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“เรื่องที่เขาผลิตรถน่ะผมรู้ เรื่องที่โรงงานของเขากลายเป็นหลุมไร้ก้นผมก็รู้ แต่เรื่องที่เขาลดตัวไปคบค้ากับพวกค้าเพชรเถื่อนนี่ผมกลับไม่ค่อยมั่นใจนัก คุณพอจะบอกผมได้ไหมว่ารูเรื่องนี้ได้ไง”
สีหน้าเธอชะงักค้างไป ก่อนจะลดสายตามองเปลือกกุ้งในมือ “ฉันเองก็ฟังๆ เขามา…”
ป๋อจิ่งชวนส่ายหน้า เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ
“ไม่ คุณแน่ใจแล้วต่างหาก เพราะงั้นวันนี้คุณถึงไปดูที่นั่น แค่นึกไม่ถึงว่าจะบังเอิญเจอกับเฉินเชียนโหรว คุณเลยเล่นไปตามน้ำโดยการหลอกให้พวกนั้นก่อความวุ่นวาย ตั้งใจจะให้พวกบริหารชั้นสูงแตกตื่น และคุณก็เดาออกว่า พวกนั้นมีความคิดจะยุติสัญญาอยู่ตั้งนานแล้ว และคุณก็ดันให้เหตุผลที่พวกเขาจะสิ้นสุดสัญญากับเครื่องประดับเอ็กซ์อยู่พอดี หรือจะพูดอีกอย่างคือ คุณหาเหตุผลให้ผมเตะพวกมันออกไป”
ไม่ว่าเรื่องน้อยเรื่องใหญ่ก็ถูกป๋อจิ่งชวนเอ่ยออกมา เฉินฝานซิงนั่งอยู่ตรงนั้น เลียริมฝีปากตัวเองด้วยความประหม่า
“คิดว่าฉันวางแผนแยบยลไปใช่ไหม”
ป๋อจิ่งชวนกระตุกยิ้ม “กวาดทั้งล้านจนหมดเกลี้ยง จัดการเฉินเชียนโหรว ช่วยผมยุติสัญญากับแบรนด์เอ็กซ์ได้สำเร็จ นี่ไม่ได้มีผลเสียอะไรกับผมเลย ผมเคยบอกไปตั้งนานแล้วว่าคุณไม่จำเป็นต้องแสนดี แต่ผมก็นึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะฉลาดถึงขั้นนี้”
ตอนที่ 274 ฮ่าๆ ผมอีกแล้ว
การถูกชมว่าฉลาดเห็นจะไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับเฉินฝานซิงนักในตอนนี้
เธอนิ่งเงียบไปก่อนจะหยิบกุ้งที่แกะเสร็จแล้วใส่ปาก เธอค่อยๆ เคี้ยวมันอย่างเชื่องช้าทว่ากลับรู้สึกจืดชืดราวกับกินเทียนไข
“ก่อนหน้านี้นึกว่าสกุลซูที่แทบจะล้มละลายแค่พอจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ ไม่นึกเลยว่าแค่ระยะเวลาสองสามปีสั้นๆ สกุลซูจะกลายมาเป็นบริษัทเครื่องสำอางอันดับต้นๆ ของประเทศ กลยุทธ์เป็นอันดับต้นๆ ในแทบทุกด้าน แม้ยังมีความบังเอิญและความโชคดีอยู่ในนั้น แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะไม่ใช่แบบนั้น”
“คำว่าแผนการคำนี้ฉันเคยใช้มันมาแล้ว เป็นฉันเองที่ขุดเจอสมบัติ”
เฉินฝานซิงเงยหน้าขึ้นมองเขา ป๋อจิ่งชวนเองก็กำลังมองมายังเธอพร้อมกับอมยิ้ม แต่ว่าสายตาเยือกเย็นนั้นกลับทำเอาเธอใจฝ่อไปเล็กน้อย
ป๋อจิ่งชวนมองออกว่าเธอกำลังหลบหน้าเขา นัยน์ตาคู่นั้นก็พลันลึกซึ้งยิ่งขึ้น
“เรื่องบางเรื่อง คุณไม่ยอมพูดหรือมีเหตุผลที่พูดไม่ได้ แต่ในเมื่อคุณคือผู้หญิงของผม ผมก็ไม่ยอมให้คุณต้องไปเผชิญอันตรายใดๆ อีก เข้าใจรึยัง”
เธอมองเขานิ่ง ก่อนจะพยักหน้า
ป๋อจิ่งชวนเม้มปาก เขาค่อยๆ กวาดสายตามองเธอแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเบา “ดูแลตัวเองให้ดีๆ”
ดวงตาของเฉินฝานซิงสั่นระริก ก่อนจะค่อยๆ พยักหน้ารับ
“อืม” เธอตอบรับเสียงแผ่ว แล้วนำกุ้งที่แกะเสร็จแล้วใส่ในจาน เธอเงียบไปสองวินาที จากนั้นจึงค่อยพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ของในร้านนั้นมูลค่ารวมๆ ประมานเจ็ดสิบล้านเห็นจะได้ ฉันว่าหากต้องจ่ายค่าชดใช้ก็คงจะพอ”
ป๋อจิ่งชวนยกริมฝีปากขึ้นขำเบาๆ น้ำเสียงเนิบนาบเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนผมจะยังคิดได้ไม่รอบคอบเท่าคุณ ผมยังนึกว่าคุณยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แต่ที่แท้คุณก็เตรียมเงินค่าปรับที่ผมต้องใช้ไว้ให้ผมล่วงหน้าก่อนแล้วนี่เอง”
เฉินฝานซิงมองเขาวูบหนึ่ง “เรื่องมันต้องเสมอต้นเสมอปลาย ในเมื่อคิดจะทำแล้ว ฉันก็ไม่ทำให้คุณต้องรับผิดชอบค่าเสียหายมากมาย สุดท้ายก็ต้องยกความดีความชอบให้กับบัตรใบนั้นที่คุณให้ฉันมา”
“เรื่องนี้พิสูจน์แล้วว่าการให้มันกับคุณเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะคุณได้นำมันไปใช้อย่างเต็มที่สุด”
“ได้ทำอะไรเพื่อคุณบ้างฉันก็ดีใจ อย่างน้อยๆ ตอนนี้ก็ยังพิสูจน์ได้ว่าฉันไม่ใช่แค่ภาระที่คอยแต่สร้างความเดือดร้อน แต่เป็นผู้หญิงที่คู่ควรที่จะยืนข้างคุณ”
เฉินฝานซิงหยัดตัวขึ้น จากนั้นก็เริ่มลงมือเก็บโต๊ะอาหาร
“คุณคู่ควรมาตลอด” ป๋อจิ่งชวนมองเธอ
“ความคู่ควรนั้นเป็นสิ่งที่คุณมอบให้ฉันเพียงฝ่ายเดียว ฐานะของคุณ ตำแหน่งของคุณ ไปจนถึงชะตาชีวิตในวันข้างหน้าของคุณ ทำให้ฉันไม่อาจทำตัวเป็นแค่แจกันดอกไม้ที่คอยอยู่ข้างคุณได้”
คิ้วและดวงตาของป๋อจิ่งชวนดูเคร่งขรึม เฉินฝานซิงฉีกยิ้มกว้างแล้วเดินไปหยุดลงข้างๆ เขา ก่อนจะจุมพิตลงไปบนหน้าผากของอีกฝ่ายเบาๆ
“อย่าโกรธ ฉันรู้ว่าคุณดูแลฉันได้ ฉันเชื่อใจคุณ แต่ถ้าให้ฉันได้ทำอะไรบ้าง ฉันก็คงจะอุ่นใจขึ้นมาก”
กลิ่นหอมๆ บนตัวของหญิงสาววนเวียนอยู่ใกล้จมูกของเขา จูบที่เธอเป็นฝ่ายเริ่มก่อนประทับลงมาบนหน้าปากของเขาอย่างอ่อนโยนและแฝงไปด้วยความเย้ายวน
สะกิดให้หัวใจของเขารู้สึกจักจี้
ดวงตาของป๋อจิ่งชวนหรี่ลงเล็กน้อย ผู้หญิงขี้อ้อนแบบนี้ ซูเหิงเป็นบ้าอะไรถึงได้ปล่อยให้หลุดมือ
ชายหนุ่มก้มลงมองเธอก่อนจะเคลื่อนเข้าไปใกล้เธออีกนิด เฉินฝานซิงเลื่อนสายตาลงมองนัยน์ตาของเขา มันทั้งสุกใสและลึกซึ้ง ดึงดูดหัวใจของคนมองได้อย่างดี
เนินนานก่อนที่คำไม่กี่คำจะถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากบาง
“คุณสบายใจก็ดีแล้ว”
เฉินฝานซิงเงียบไปสักพัก ก่อนจะลอบผ่อนลมหายใจออกมาในใจ
แค่นี้เขาก็ยอมฟังเธออีกครั้ง
แต่ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชาในห้องรับแขกของป๋อจิ่งชวนก็ดังขึ้น
ป๋อจิ่งชวนยืดตัวขึ้นแล้วเดินไปกดรับมัน
“เหวย พี่ป๋อ ฮ่าๆ ผมอีกแล้ว…”