ตอนที่ 271 ใจลอยเหรอ หืม? / ตอนที่ 272 ดูเหมือนคุณจะหัวไวเกินคาด

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 271 ใจลอยเหรอ หืม?

 

 

“ตอนนี้คุณเป็นเอกสิทธิ์ของผม ความสุขที่หาได้ยากแบบนี้ คุณคิดว่าผมจะยอมปล่อยคุณไปงั้นเหรอ”

 

 

ท่ามกลางความพร่าเลือน เฉินฝานซิงได้ยินเสียงแหบพร่าปนขบขันอันแผ่วเบาของอีกฝ่าย ก่อนจะตามมาด้วยจูบที่ดูดดื่มขึ้นกว่าเดิม

 

 

ร่างของเฉินฝานซิงที่เกร็งขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง เธอแหงนหน้ารับจูบที่แนบแน่น

 

 

กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของป๋อจิ่งชวนอวนอยู่ในจมูกของเธอ ลมหายใจอึดอัดค่อยๆ ดิ่งลึกลงตามรสจูบอันดูดดื่มเนิ่นนาน สองขาก็ค่อยๆ ร้อนผ่าวขึ้นจนอ่อนยวบ

 

 

จู่ๆ สะโพกของเธอก็ถูกรั้งเอาไว้ในตอนนั้น ชั่วอึดใจ เธอรู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่หายไปตรงฝ่าเท้า ร่างทั้งร่างของเธอถูกอุ้มขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์เคลือบเงาด้านหลัง

 

 

 ชายหนุ่มยังคงจูบเธออยู่จนถึงตอนนี้ นาทีที่เฉินฝานซิงนั่งลง แววตาที่สูญเสียสัมปชัญญะไปก็คืนสติขึ้นอีกครั้ง

 

 

 ป๋อจิ่งชวนผละออกจากเธอเล็กน้อย ท่าทางที่เธอนั่งอยู่บนเคาน์เตอร์เคลือบเงานั้นดึงดูดสายตาของเขาให้พุ่งตรงไปยังเธอได้อย่างง่ายดาย

 

 

“ใจลอยเหรอ หืม?” 

 

 

 ดวงตาที่ค่อยๆ มืดครึ้มลงจ้องมองไปยังเธอ เสียงแหบพร่าแฝงไปด้วยเสน่ห์ที่เป็นอันตรายต่อใจของผู้คน

 

 

ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดลงบนผมเธอแผ่วเบาจนรู้สึกจักจี้

 

 

    เฉินฝานซิงจ้องมองโครงหน้าอันหล่อเหลาของเขาอย่างเงียบงัน มองตรงไหนก็ดูน่ามอง บุคลิกก็ยิ่งดูเพียบพร้อม การกระทำนิ่งเฉยจนมองไม่ออก ยิ่งพาให้ความรู้สึกพุ่งสูง

 

 

 ช่างเป็นความงดงามที่หาได้ยากบนโลกใบนี้

 

 

 จังหวะหัวใจพุ่งสูงขึ้นท่ามกลางความเงียบ ราวกับหัวใจของเธอถูกห่อหุ้มไปด้วยฟองนุ่มๆ เติมเต็มความอิ่มใจได้อย่างนุ่มนวล

 

 

“ขอโทษ…” เฉินฝานซิงเอ่ยเสียงแผ่ว กลีบปากแดงช้ำจากการถูกจูบดึงดูดสายตาเป็นพิเศษ

 

 

“ผมเคยบอกแล้วว่าจะขอโทษห้ามเอาแต่…”

 

 

 เสียงทุ้มของป๋อจิ่งชวนไม่ทันอธิบายจนเสร็จ จู่ๆ เฉินฝานซิงก็แหงนหน้าขึ้นกดจูบลงไปบนริมฝีปากของเขาหนึ่งครั้ง

 

 

เมื่อเห็นชายหนุ่มนิ่งอึ้งไป เธอก็หัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน 

 

 

“พอจะใช้ได้ไหมคะ คำขอโทษนี้” 

 

 

 ท่าทางของป๋อจิ่งชวนดูนิ่งเงียบ ดวงตามืดดำเคลื่อนไปหยุดอยู่ที่ใบหน้ารูปไข่อันงดงาม

 

 

 “ใช้ไม่ได้”

 

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินฝานซิงเหือดหายไปในพริบตา เมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่ายเริ่มไม่น่าไว้ใจ เธอจึงรีบยันตัวไว้กับเคาน์เตอร์เคลือบเงาเตรียมจะกระโดดลงมา

 

 

 “ฉันควรจะทำอาหารจริงๆ สักที”

 

 

   แน่นอนว่าป๋อจิ่งชวนไม่ให้โอกาสนั้นกับเธอ มือข้างหนึ่งขังเธอไว้กับที่ที่เธอคิดจะหนี อีกมือหนึ่งออกแรงกดเอวเธอเข้ามา ขณะเธอกำลังพูดอยู่นั้น ปลายลิ้นก็สอดเข้ามาในโพรงปากของเธอ ตักตวงความหอมหวานจากปากและฟันของเธอให้เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว

 

 

 จูบครั้งนี้สูบพลังไปไม่น้อย ทั้งยังตามมาด้วยความร้อนผ่าว

 

 

 “ป๋อจิ่งชวน…”

 

 

 เฉินฝานซิงหงุดหงิดเล็กน้อย นึกไปถึงครั้งก่อนที่เขาเห็นว่าเธอดูหนังเลสเบี้ยนในห้องอ่านหนังสือ

 

 

ตอนนั้นเขากำลังโกรธ จูบที่ป่าเถื่อนทำลายความรู้จักของเธอที่มีต่อเขา

 

 

ดูเหมือนว่าความสง่า บุคลิกคุณชายสง่างามและความแข็งแกร่งพร้อมความเผด็จการจนเข้ากระดูกกลับไม่ได้ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย

 

 

 “ป๋อจิ่งชวน พอ…พอแล้ว…” เธอรีบคว้ามือของเขาที่วางอยู่ตรงเอวเอาไว้ เมื่อสัมผัสได้ถึงฝ่ามืออุ่นที่เลื่อนสูงขึ้นมาเรื่อยๆ

 

 

 จนกระทั่งเธอโดนจูบจนกระวนกระวายและอับอาย ตอนทั้งสองแก้มขึ้นสีระเรื่อจนแทบปริ เขาถึงได้ยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระ

 

 

 เฉินฝานซิงหอบหายใจพลางจ้องมองไปยังนัยน์ตาสีนิลที่มืดครึ้มลงอย่างไม่เข้าท่า

 

 

ภายในนั้นอัดแน่นไปด้วยเสน่ห์ชวนลุ่มหลงและความยั่วยวนที่ทำให้หัวใจเต้นระรัว

 

 

เธอตกใจไปชั่วขณะ

 

 

เธอไม่เคยนึกมาก่อนว่า ผู้ชายมาดสง่างามอย่างป๋อจิ่งชวนจะมีสีหน้าแบบนั้นหลุดออกมาให้เห็น

 

 

 หมอกสีแดงค่อยๆ โหมเข้าสู่ดวงตาลึกล้ำเกินคาดเดาคู่นั้น

 

 

ความปรารถนาเช่นนั้นไม่ว่าใครก็ไม่อาจจิตนาการได้ อีกด้านหนึ่งที่นอกเหนือจากความอบอุ่นและเย็นชาของเขานั้น จะร้ายกาจถึงขั้นไหนกัน…

 

 

 

 

 

ตอนที่ 272 ดูเหมือนคุณจะหัวไวเกินคาด

 

 

 “ฉันควรลงมือทำอาหารจริงๆ แล้ว…”

 

 

 เฉินฝานซิงยื่นมือดันอีกฝ่ายออก แต่สุดท้ายกลับถูกเขาจับมือเอาไว้

 

 

ฝ่ามือนั้นอุ่นร้อนจนแผดเผาไปถึงหัวใจ

 

 

 แววตาของเธอสั่นระริก เธอไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะสบตากับเขาอีกครั้ง

 

 

 ป๋อจิ่งชวนกลับดึงเธอเข้าหา เขาถอยหลังไปแล้วดึงเธอมากอดเอาไว้

 

 

 “เมื่อกี้…ทำได้ไม่เลวเลย” เสียงทุ้มค่อยๆ ดังขึ้นข้างใบหูอย่างปลุกปั่น

 

 

เฉินฝานซิงหันไปมองอาหารทะเลที่จัดการไว้เรียบร้อยแล้วจากที่ตรงนี้ไม่ไกลนัก แล้วเอ่ยขึ้น “สรุปว่าคุณจะให้ฉันทำอาหารไหม?”

 

 

 “ทำสิ”

 

 

 ทั้งสองคำเอ่ยขึ้นด้วยความโอนอ่อนและถอนใจ

 

 

เฉินฝานซิงขยับริมฝีปากเล็กน้อย สีหน้าของเธอพันกันอุตลุด เธอเม้มปากแล้วมองอีกฝ่ายอยู่พักใหญ่ ก่อนจะดึงมือเขาเข้ามาแล้วจุมพิตลงบนคางอันเย่อหยิ่งของเขา

 

 

 “คุณออกไปก่อนเถอะ เดี๋ยวทำเสร็จแล้วฉันจะเรียกคุณเอง”

 

 

 “อืม”

 

 

“ทางทีดีคุณควรไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย” เฉินฝานซิงอดกำชับเขาไปอีกครั้งไม่ได้

 

 

“ผมไม่เปลี่ยนแล้วคุณจะทำไม”

 

 

 “แต๊ะอั๋งคุณน่ะสิจะ อะไรซะอีกล่ะ”

 

 

 ป๋อจิ่งชวนเลิกคิ้วขึ้น “งั้นผมไม่เปลี่ยน”

 

 

    “…”

 

 

เฉินฝานซิงปิดปากสนิทพร้อมกับสาบานกับตัวเองว่าจะไม่เสวนากับเขาอีกแม้แต่คำเดียว

 

 

 จากนั้นป๋อจิ่งชวนก็รออยู่ในครัวอีกพักหนึ่งจนเฉินฝานซิงต้องลงมือปิดห้องครัวออกด้วยตัวเธอเอง

 

 

 “อันที่จริงถ้าเบื่อคุณจะไปทำงานก็ได้นะ สนามรบจริงๆ ของคุณคือห้าง ไม่ใช่ห้องครัว!”

 

 

 ป๋อจิ่งชวนอาจจะมีงานที่ต้องไปทำจริงๆ เขาจึงไม่รั้นที่จะอยู่ต่อ

 

 

สี่สิบนาทีให้หลัง เฉินฝานซิงยกทุกอย่างมาจัดวางไว้บนโต๊ะอาหารแล้วเดินขึ้นไปเรียกเขา

 

 

แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่เธอมาห้องนี้ แต่โครงสร้างของมันก็ไม่ต่างอะไรกับห้องข้างบนนัก เธอจึงคลำทางมาเรื่อยๆ จนพบเข้ากับห้องหนังสือ

 

 

ประตูของห้องหนังสือกลับเปิดเอาไว้ ป๋อจิ่งชวนกำลังมองเอกสารในมืออยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

 

ไร้ซึ่งท่าทีขี้เล่นเหมือนตอนที่อยู่กับเธอ เขาในตอนนี้ เป็นดังกับครั้งแรกที่ได้เจอกัน เย็นชาเงียบขรึม เฉียบแหลมและดุดัน

 

 

เธอหันหน้าไปแล้วลองนึกๆ ดู เหมือนว่าที่ผ่านมาจะเป็นเขามาตลอดที่เป็นฝ่ายยอมลดตัวลงมา เชื่อฟังคนอย่างเธอ

 

 

เธอเม้มปากเข้าหากัน เฉินฝานซิงยืนอยู่หน้าประตูก่อนจะยกมือเคาะลงไป

 

 

เมื่อได้ยินเสียง ป๋อจิ่งชวนก็เงยหน้าขึ้น ความเคร่งขรึมและเย็นเยือกถูกเก็บซ่อนไว้ภายในเสี้ยวนาที

 

 

 “ทำเสร็จแล้วเหรอ”

 

 

 ริมฝีปากบางของเขาคลี่ยิ้มขึ้นอย่างอบอุ่น เสียงของเขาทุ้มนุ่มชวนฟัง

 

 

เฉินฝานซิงพยักหน้ารับตามสัญชาตญาณ ทว่าในตากลับส่องประกายระยับ ความรู้สึกเอ็นดูเอ่อล้นขึ้นมาในหัวใจ

 

 

เขาเชื่อฟังเธอจริงๆ ด้วย!

 

 

ป๋อจิ่งชวนวางมือจากเอกสาร นาทีที่เขาหยุดลงข้างๆ เธอ มือของเขาก็ดึงมือของเธอเอาไว้

 

 

“คิดอะไรอยู่”

 

 

 เฉินฝานซิงข่มอาการไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้เขาพลางส่ายหน้า นิ้วทั้งห้ากุมมือของชายหนุ่มเอาไว้

 

 

“ไม่ได้คิดอะไรค่ะ มื้อค่ำเสร็จแล้วรีบไปทานเถอะ”

 

 

    –

 

 

 เฉินฝานซิงเริ่มตักซุปวางไว้ตรงหน้าเขาก่อน

 

 

 จากนั้นจึงหย่อนตัวลงนั่ง

 

 

“ฉันว่าฉันทำออกมาได้ไม่เลวอยู่น้า คุณชิมดูสิ”

 

 

ป๋อจิ่งชวนหยิบช้อนขึ้นมาตักชิมซุปปลาด้วยท่วงท่าสง่า

 

 

 ใบหน้าของเฉินฝานซิงเปี่ยมไปด้วยความหวัง “เป็นไงบ้าง”

 

 

“อืม ก็ไม่เลว”

 

 

เฉินฝานซิงคลี่ยิ้มออกอย่างสบายใจ

 

 

“ของที่ทำจากอาหารทะเลก็รสชาติไม่เลวนะ คุณชิมดูด้วยสิ”

 

 

 เธอว่าพลางสวมถุงมือแล้วหยิบกุ้งอบน้ำมันขึ้นมาแกะ

 

 

 “แกะแบบนั้นมันช้าไป”

 

 

 ขณะที่เฉินฝานซิงกำลังแกะเปลือกกุ้งออกทีละชั้นๆ เขาก็ขำขึ้นพร้อมพูดออกมา

 

 

เฉินฝานซิงเงยหน้าขึ้นมอง ตอนนี้เขาหยิบกุ้งตัวหนึ่งขึ้นมาวางในจานตัวเอง

 

 

 “ดูนะ…กดให้ตรง…บิดหัวกุ้งสักหน่อย…ปอกตรงนี้ออก แล้วกดตรงนี้…เสร็จแล้ว…”

 

 

ทุกขั้นตอนเกิดขึ้นในเวลาไม่เกินห้าวินาที ป๋อจิ่งชวนนำกุ้งที่แกะแล้ววางไว้ในจานของเธอ

 

 

 เฉินฝานซิงมองเขาด้วยสายตาตกตะลึง “…ดูไม่ออกเลยจริงๆ ว่าคุณจะแกะกุ้งเป็นด้วย…”

 

 

 จากนั้นเฉินฝานซิงพยายามแกะกุ้งตามป๋อจิ่งชวนจนสำเร็จ

 

 

หัวคิ้วของป๋อจิ่งชวนกระตุกเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นแล้วกวาดตามองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ทว่ากลับมีความหมายลึกซึ้ง

 

 

 “ดูเหมือนคุณจะหัวไวเกินคาด”