ตอนที่ 177 ร่ำรวยอย่างมีคุณธรรม บุพเพสันนิวาสที่ทุลักทุเล (3)

หมอหญิงจ้าวดวงใจ

ตอนที่ 177 ร่ำรวยอย่างมีคุณธรรม บุพเพสันนิวาสที่ทุลักทุเล (3)

เว่ยจางจึงหุบยิ้มตรงมุมปาก แล้วเงยหน้ามองฉังเหมา พร้อมกับเอ่ยถามด้วยความเย็นชา “เจ้าว่างมากใช่หรือไม่”

ฉังเหมาจึงทำสีหน้าที่อยากจะสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่น และพูดพลางยิ้มขึ้น “ไม่ขอรับ ท่านแม่ทัพมีเรื่องดีอะไรก็บอกบ่าวหน่อยเถอะ ให้บ่าวได้มีความสุขตามไปด้วย”

“เรื่องดี?” เว่ยจางยิ้มหัวเราะเบาๆ อย่างฉับพลัน

ฉังเหมาขึงตาโตแล้วรอฟัง

“เรื่องดีก็คือข้าต้องสะสางกับงานราชการ เจ้าที่เป็นบ่าวสวะก็รีบไสหัวออกไป” เว่ยจางพูดไป ก็ยกเท้าถีบข้างก้นของฉังเหมา แล้วพูดเสริมขึ้นอีกครั้ง “ไสหัวไป”

“มีเรื่องดีไม่พูด ตนเองก็แอบมีความสุขไปคนเดียวเถอะ!” ฉังเหมาขยับปาก แล้วจับก้นของตนเองพลางเดินออกไปข้างนอก

เว่ยจางมองตำราการทหารในมือ แล้วอดยิ้มไม่ได้…กลับเอาชนะได้แล้วหรือ

“ปัดโธ่!” เว่ยจางผลักโต๊ะออกแล้วลุกขึ้น พร้อมกับแอบถอนหายใจ ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ตนเองมีเวลาที่ไม่นิ่งเฉยเยี่ยงนี้ เหยาเยี่ยนอวี่ผู้นี้! มือขวาของเว่ยจางจับตำราการทหารไว้ แล้วก็ตีฝ่ามือซ้ายเบาๆ พร้อมกับครุ่นคิดอย่างเงียบๆ ความรู้สึกตนที่มีต่อแม่นางผู้นี้…จิตใจลังเลไม่มีความเด็ดขาดเกินไปหรือเปล่า

การสอบคัดเลือกช่วงวสันต์สำหรับเหล่าปัญญาชนแล้ว ก็ก้าวที่จะก้าวสู้บันไดขึ้นสวรรค์ ขณะเดียวกันก็เหมือนดั่งหลุม หากพูดอย่างไม่เกินจริง การสอบคัดเลือกขุนนางช่วงวสันต์ที่จัดขึ้นสามปีหนึ่งครั้ง ตั้งแต่เดือน 2 วันที่ 9 เป็นต้นมา ก็ได้สอบไปสามรอบ ทุกๆ รอบจะสอบสามวัน พอสอบมาเก้าวัน ปัญญาชนทุกคนต่างได้รับการลอกหนังไปหนึ่งชั้น แม้กระทั่งเหยาเหยียนอี้ที่เป็นบุตรชายของข้าหลวงใหญ่ก็ไม่ได้รับการละเว้น

เก้าวันถัดไป ตรงหน้าประตูสถานที่จัดสอบส่วนขุนนางภูมิภาคก็แออัดไปด้วยผู้คนมากมาย จนคนมืดฟ้ามัวดิน และมีศีรษะนับหมื่นกำลังขยับไปมา ส่วนมากก็คือเด็กรับใช้และเหล่าบ่าวไพร่ที่กำลังรอนายของตัวเอง

เหยาเหยียนอี้อยู่ในชุดคลุมยาวสีเขียวเดินออกจากสถานที่จัดสอบส่วนขุนนางภูมิภาค ก็เห็นองครักษ์คนสนิทของเขาเหยาซื่อสี่ยืนตั้งตารออยู่ท่ามกลางกลุ่มคน จริงๆ ตนเองเดินผ่านตรงหน้าบ่าวคนนี้ ทว่าไอ้บ่าวสวะเหมือนจะมองไม่เห็น แล้วยังคงเขย่งเท้ามองไปที่ด้านหลัง

“มองอะไร มีอะไรน่ามอง!” เหยาเหยียนอี้ยกมือเขกหัวเหยาซื่อสี่ แล้วทำเสียงในลำคอด้วยความเหน็ดเหนื่อย

“โธ่! คุณชายรอง! ท่านออกมาเสียที! คงจะเหนื่อยมากใช่หรือไม่ รถม้าจอดอยู่ตรงปากทางถนนทางโน้นขอรับ ใกล้มากขอรับ ไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้วขอรับ” เหยาซื่อสี่กล่าวไปด้วย และก็รับห่อผ้าในมือของเหยาเหยียนอี้มาพร้อมกับแบกไว้บนไหล่ ข้างในบรรจุสี่ขุมทรัพย์แห่งการศึกษา ก็แค่แท่นหยกที่ใช้ฝนหมึก ก็มีน้ำหนักหลายจิน คุณชายรองของเขาเป็นคุณชายที่รูปหล่องดงาม แล้วจะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร

“ในจวนเป็ยเช่นไรบ้างแล้ว” หลายวันมานี้ถึงแม้ว่าเหยาเหยียนอี้จะแต่งบทความด้วยควมตั้งอกตั้งใจ ทว่าภายในใจยังคงเฝ้าคำนึงถึงเหยาเยี่ยนอวี่

“ทุกอย่างที่จวนราบรื่นขอรับ คุณหนูรองสั่งให้คนเตรียมอาหารร้อนๆ ไว้รอคอยคุณชายรองกลับไปขอรับ” เหยาซื่อสี่นำทางเหยาเหยียนอี้ไปที่รถม้าด้วยความดีอกดีใจ “นายท่าน เชิญทางนี้ขอรับ”

“แล้วโรงงานหลอมกระจกอะไรนั่นเป็นเช่นไรบ้างแล้ว”

“เพิ่งจะเก็บกวาดเสร็จเมื่อวานขอรับ เหล่าเฝิงพาคนไปดูสินแร่ขอรับ ตอนนี้พวกเรา ‘เตรียมการไว้ทุกอย่างแล้ว แค่ขาดสินแร่เท่านั้น’ รอให้เขี้ยวหนุมานอะไรนั่น…และสินแร่มาถึง ก็สามารถเริ่มงานได้แล้วขอรับ” เหยาซื่อสี่พยุงเหยาเหยียนอี้ขึ้นรถม้า จากนั้นตนเองก็นั่งเข้าไป แล้วพูดขึ้นต่อ “คุณชายรอง คุณหนูรองบอกว่ากระจกนี้หากสร้างเสร็จจะสามารถทำกำไรมหาศาลใช่หรือไม่”

เหยาเหยียนอี้รู้สึกเหนื่อยยิ่งนัก ได้ยินว่าที่จวนไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้น ก็รู้สึกสบายใจ แต่แค่รู้สึกเหนื่อยกว่าเดิม แล้วจะมีกระจิตกระใจไปคุยเรื่องเหล่านี้กับเหยาซื่อสี่ได้อย่างไร ดังนั้นจึงขึงตามองบ่าวที่มากความ แล้วก่นด่าขึ้น “นิสัยแย่ๆ เช่นนี้ของเจ้ายังไม่แก้อีก สิ่งที่ควรถามก็ถาม ไม่ควรถามก็อย่ามากความ แม้แต่แผนการของคุณหนูรองข้ายังไม่ถามให้มากความ แล้วตาเจ้ามาพูดจาเหลวไหลแล้วหรือ”

“ขอรับ บ่าวผิดไปแล้วขอรับ” เหยาซื่อสี่รีบยกมือตบปากของตนเอง แล้วคลี่ยิ้ม “บ่าวไม่กล้าอีกแล้วขอรับ”

เหยาเหยียนอี้ทำเสียงในลำคอ แล้วไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นก็พิงอยู่บนเบาะนุ่มที่อยู่ข้างหลังของตนแล้วพักผ่อนสายตา

จากสถานที่จัดสอบไปยังจวนเก่าของตระกูลเหยาใช้เวลาครึ่งชั่วยามกว่า อีกทั้งช่วงนี้เป็นช่วงที่การสอบคัดเลือกขุนนางได้จบลง มีปัญญาชนเป็นพันๆ ขึ้นไป บางคนก็กลับจวน บางคนก็กลับโรงเตี๊ยม บนถนนจึงมีคนสัญจรไปมามากกว่าปกติเป็นหลายเท่า รถม้าก็ต้องเดินช้าลง รอให้กลับถึงจวน เหยาเหยียนอี้ก็ได้งีบหลับบนรถม้าแล้ว

เหยาเยี่ยนอวี่พาพวกบ่าวไพร่รอต้อนรับอยู่ตรงหน้าประตูใหญ่ เหยาเหยียนอี้ลงรถด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ แล้วบอกว่าน้องสาวลำบากแล้ว

ทั้งสองพี่น้องจึงเข้าเรือนไปด้วยกัน เหยาเยี่ยนอวี่รู้กฎระเบียบของการสอบคัดเลือกขุนนาง สามวันต่ออีกสามวัน ผู้เข้าสอบต้องถูกกักขังไว้ในสถานที่จัดสอบขุนนาง ไม่ว่าจะทำเรื่องส่วนตัวอะไรก็ต้องอยู่ในนั้น ไม่ได้ดีไปกว่าการถูกจับกุมตัวในคุกเลย ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ยถามเหยาเหยียนอี้ “ท่านพี่จะไปอาบน้ำอาบท่าก่อนหรือไม่”

“อืม หลายวันมานี้ไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนคนเลยจริงๆ” เหยาเหยียนอี้สะบัดเสื้อคลุม แล้วส่ายหัวอย่างประหม่า “ต้องไปอาบน้ำก่อน”

“เช่นนั้นพี่ชายก็ไปอาบน้ำก่อนเถอะ ข้าจะไปดูอาหารในโรงครัว”

“อืม” เหยาเหยียนอี้ไม่อยากรอแม้แต่ชั่วครู่เดียว จึงรีบกลับเรือนไปอาบน้ำ

มื้อค่ำช่างเป็นอาหารอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก เหยาเยี่ยนอวี่สั่งให้คนไปต้มเหล้า ตนเองก็ดื่มเป็นสหายเหยาเหยียนอี้ไปสองจอก

สองพี่น้องต่างก็พูดคุยเล่นกันไป เหยาเยี่ยนอวี่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในหลายวันนี้กับเหยาเหยียนอี้ฟัง แล้วพูดขึ้น “หลายวันมานี้ท่านพี่เหน็ดเหนื่อยแล้ว คืนนี้ก็พักผ่อนเร็วๆ หน่อยเถอะ”

เหยาเหยียนอี้ไม่มีชีวิตจริงๆ จึงได้พยักหน้าตอบกลับ

คืนนั้น เหยาเหยียนอี้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ ตอนที่ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เที่ยงของวันที่สองแล้ว คุณชายรองลุกขึ้นและล้างหน้าแปรงฟันพร้อมกับแต่งกายเสร็จ ก็ได้กลับมามีรูปลักษณ์ภายนอกที่เหมือนที่วันวาน เขาแค่ไปยืนอยู่ตรงที่แห่งใดก็ได้ ก็เป็นคุณชายที่รูปหล่องดงามคนหนึ่งอยู่ดี

บ่าวเข้ามาส่งสารว่าคุณหนูรองกำลังรอคุณชายรองกินมื้อเที่ยงด้วยกัน เหยาเหยียนอี้จึงเดินมาตรงห้องโถงเล็กที่อยู่ด้านข้างเรือนหลัก

หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จ สองพี่น้องก็ได้พูดคุยเรื่องที่ต้องกระทำต่อจากนี้

เหยาเหยียนอี้เอ่ยถามเหยาเยี่ยนอวี่ “เรือนที่ใช้ผลิตยาก็ได้ซ่อมแซมเสร็จแล้ว ฮ่องเต้เอายาสมุนไพรสองชนิดนั้นมอบหมายให้น้องสาวจัดการอย่างที่คาดไว้จริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ และเป็นเรื่องที่เพิ่งริเริ่ม ข้าว่าน้องสาวควรเดินทางไปเขตตอนใต้เสียหน่อย อย่างอื่นก็ได้พูดคุยกันเสร็จแล้ว สิ่งที่สำคัญก็คือสมุนไพรนี้เป็นของจริงหรือของปลอมนั้นไม่ควรประมาท มิเช่นนั้นก็จะเสียเวลาในการกระทำการนี้ ครั้งนี้น้องสาวไปยังต้องเลือกคนที่ไว้วางใจได้สองคน วันข้างหน้าก็ฝึกฝนให้คนทำงานเหล่านั้นจนเคยชิน ถึงจะวางมือปล่อยให้พวกเขาจัดการ”

เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้า “ข้าก็คิดว่าเช่นนี้ แค่ต้องรอให้สถานที่จัดสอบคัดเลือกขุนนางประกาศผลเสียก่อน ข้าไปเขตตอนใต้ตามลำพัง คงจะมีหลายๆ อย่างที่ไม่สะดวก อีกทั้งฮ่องเต้ยังรับสั่งให้ข้าปรุงยาตัวใหม่ที่รักษาแผลภายนอกออกมา หลายวันมานี้ข้าก็ได้คิดค้นอยู่ตลอดมา ถึงแม้จะได้โครงร่างออกมาบ้างแล้ว ทว่าก็ยังไม่ค่อยดีมากยิ่งนัก นี่ก็ยังต้องใช้เวลา”

“คำพูดนี้ก็มีเหตุผล” เหยาเหยียนอี้ครุ่นคิดแล้วพยักหน้า “นี่ก็ยังมีเวลาสักระยะหนึ่งกว่าที่ผลสอบจะประกาศออกมา น้องสาวสามารถใช้เวลาช่วงนี้ไปคิดค้นวิจัยสูตรปรุงยา เรื่องของโรงผลิตยาและโรงหลอมกระจกก็ปล่อยให้พี่ชายเป็นคนจัดการเถอะ พี่คิดว่า ฮ่องเต้ก็คงไม่อยากรอนาน”

“แค่ต้องการสร้างความน่าสนใจเท่านั้น จึงได้สร้างสูตรปรุงยาชนิดใหม่ขึ้นมา ช่าง…” เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกไม่พอใจในการตัดสินใจของฮ่องเต้ ทว่าก็ไม่สามารถพูดตรงๆ ดังนั้นจึงขมวดคิ้วและส่ายหัว

เหยาเหยียนอี้ก็นึกเป็นเช่นนี้เหมือนกัน ความจริงแล้วช่วงนี้เขาก็ครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา พอได้ยินคำพูดของเหยาเยี่ยนอวี่จึงทำให้เขาเห็นด้วย ด้วยเหตุนี้จึงพูดขึ้น “ฮ่องเต้ใช้เรื่องนี้มาเพื่อสร้างความน่าสนใจ พวกเรากลับไม่จำเป็นต้องทำตาม อีกทั้งสูตรปรุงยาก็การเสริมสร้างความสุขให้กับคน หากคิดค้นออกมาแล้วไม่ใช่ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายหรือ”

“เช่นนั้น” เหยาเยี่ยนอวี่อุทานอย่างประหม่า ในยุคสมัยที่ฮ่องเต้ทรงเป็นใหญ่ แน่นอนว่าฮ่องเต้ตรัสสิ่งใดก็ต้องกระทำสิ่งนั้น ใครจะกล้าไม่รู้เห็นเป็นใจด้วยเล่า