ขณะที่ฮูหยินคนหนึ่งแผดเสียงร้องด้วยความหวาดกลัว คนตายที่ยังเดินได้ก็โผล่ออกมาจากภายในห้อง
ไม่สิ เรียกว่าเหมือนศพน่าจะดีกว่า
เมื่อโดนแสงเทียนสาดกระทบ คนที่ถูกเรียกว่าฮูหยินหวังฮั่นหลินซึ่งมีใบหน้าขาวซีด ตาขาวเหลือกกว้างเดินออกมาจากภายใน
ที่น่ากลัวกว่านั้นคือท้องของฮูหยินหวังที่มีรูขนาดใหญ่
ทุกก้าวที่เดิน เลือดสีแดงสดพลันไหลอาบลงพื้น
ทุกคนร้องตะโกนแล้ววิ่งหนี
แม้แต่คนที่มีความกล้าอย่างหลินเมิ้งหยายังตกใจ
“ศพ…ศพเดินได้”
ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง ผู้หญิงที่กำลังวิ่งหนีไปทั่วทุกทิศทุกทางพลันเป็นลมสลบไป
มีเพียงส่วนน้อยซึ่งรวมถึงหลินเมิ้งหยาที่ยังใจกล้ามองดูศพเดินได้ของฮูหยินหวัง
“ไอหยา อะไรกันนี่ ผีดิบอย่างนั้นหรือ?”
ชิงหูที่ไม่รู้ว่าเปลี่ยนชุดตั้งแต่ตอนไหนย่างเท้าเข้ามาทีละก้าว
เขาจับข้อมือของหลินเมิ้งหยาเอาไว้ ท่าทางประหนึ่งคนหวาดกลัว ทว่ากลับส่งพลังให้นางยืนหยัดต่อไป
“เกิดอะไรขึ้น?”
ความหวาดกลัวในดวงตาของหลินเมิ้งหยาเริ่มจางหายไป สมัยที่ยังเป็นนักเรียนแพทย์ นางผ่าศพมามากมาย มิใช่เพียงแค่ศพสองศพ
แม้ฮูหยินคนนี้จะน่ากลัว แต่ในสายตาของนางก็เป็นเพียงร่างที่เคลื่อนไหวได้เท่านั้น
“ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ศพนี้แปลกมาก”
ชิงหูซบบ่าหลินเมิ้งหยา เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กปิดตา ทว่ายังสามารถเห็นแสงลอดผ่านได้
ล้อเล่นหรือไร เขาฆ่าคนมาตั้งมากมาย
มีแต่ผีกลัวคนเลวทั้งนั้น ต่อให้ฮูหยินหวังจะถูกผีสิงร่าง แต่จะมีผีตนไหนน่ากลัวกว่าเขาอย่างนั้นหรือ?
เมื่อเทียบกันแล้ว หัวใจของเขาวิปริตกว่าฮูหยินหวังในเวลานี้เสียอีก ดังนั้นเขาจึงไม่คิดหลบหนี
กลับกัน ทั้งสองเดินเข้าไปตรวจสอบใกล้ ๆ
เมื่อเดินเข้าไปแล้ว หลินเมิ้งหยาพบว่าฮูหยินหวังยังมิได้ตายสนิท
ภายใต้ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส สัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดของมนุษย์ทำลายสิ่งที่กำลังควบคุมนางอยู่
นางส่งเสียงแหบแห้งเพราะความเจ็บปวด เสียงที่ส่งออกมาจึงกระตุกเสมือนการเคลื่อนไหวของร่างกาย
หลินเมิ้งหยาทำใจให้สงบ เงี่ยหูฟังก่อนจะได้ยิน “ช่วย…ช่วย…ข้าด้วย”
“นางยังไม่ตาย เจ้าไปพยุงร่างนาง ข้าจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าจะยังสามารถช่วยชีวิตนางได้หรือไม่”
หลินเมิ้งหยากระซิบข้างหูของชิงหู หัวใจของคนเป็นหมอทำให้หลินเมิ้งหยารู้สึกว่าจะต้องช่วยฮูหยินหวังให้ได้
“ได้”
ชิงหูไม่กลัวผีสางนางไม้ เขาตอบรับแล้วพุ่งตัวเข้าประชิด
“โอ้ เจ้าผีร้ายจงฟังข้า ข้าคือเจ้าแม่แห่งทิศตะวันตกกลับชาติมาเกิด เจ้าจงออกจากร่างฮูหยินหวังบัดเดี๋ยวนี้!”
สวรรค์โปรด หลินเมิ้งหยาถลึงตาโต
นางบอกให้ไปช่วยคน แต่ชิงหูกลับเล่นใหญ่เล่นโต
อีกทั้งเขายังส่งเสียงร้องพิลึกๆ??ออกมาได้อย่างน่าเชื่อถืออีกด้วย
ทุกคนคาดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่หญิงสาวสวมชุดหลากสีตรงหน้ากระโดดออกไปเปล่งเสียงกังวาน ร่างที่เคยแข็งทื่อของฮูหยินหวังจะอ่อนยวบแล้วร่วงลงพื้น
เขาขยิบตาเป็นสัญญาณให้หลินเมิ้งหยา ก่อนที่จะค่อยๆ อุ้มร่างของฮูหยินหวังขึ้นมา แล้วยัดลำไส้ที่ไหลเละของนางกลับเข้าท้องไป
“โอ้กกก…”
กลุ่มคนเหล่านั้นไม่อาจรับได้ ดังนั้นจึงอาเจียนออกมา
แม้แต่พระสนมเต๋อเฟยยังมีสีหน้าซีดเผือด ฟันบนล่างกระทบกันกึก ๆ
“เต๋อเฟย ลูกสะใภ้ของเจ้ากล้าหาญยิ่งนัก เจ้าเองก็ควรจะเรียนรู้จากนาง”
ท่ามกลางกลุ่มคน ฮองเฮายังคงนั่งสงบนิ่งไม่ไหวติง
สีหน้าคงเดิม หยิบชายกขึ้นจิบ
“เพคะ เซี่ยเฉินน้อมรับคำแนะนำ”
เมื่อคลื่นพายุถาโถมมา พระสนมเต๋อเฟยสะกดกลั้นความกลัวในหัวใจ หยักยิ้มเล็กน้อยดังเดิม
ภายในห้อง หลินเมิ้งหยาสั่งให้ชิงหูวางร่างของฮูหยินหวังลง
จากนั้นจึงสั่งให้เขายืนเฝ้าประตู ห้ามมิให้ใครเข้ามา
ไม่มีเวลาสนใจเช็ดเลือดเหนียวเหนอะหนะบนมือ ชิงหูยืนเฝ้าประตู บางครั้งส่งเสียงเหมือนกำลังสวดมนต์
เมื่อถูกเสียงของเขาทำให้หวาดผวา ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าเข้ามา อีกทั้งยังขยับห่างออกไปไกล
คิ้วของหลินเมิ้งหยาขมวดเข้าหากัน รีบตรวจสอบร่างกายของฮูหยินหวัง
แม้ท้องจะถูกคว้านจนเป็นแผลกว้าง แต่รอยแผลค่อนข้างเรียบราวกับว่านางถูกแทงด้วยมีด
แม้ความคมของมีดจะไม่เท่ากับมีดผ่าตัดของนาง แต่ถึงกระนั้นก็สูสีกัน
ตอนนี้ควรทำให้อวัยวะกลับเข้าที่ ฆ่าเชื้อ จากนั้นเย็บปิดปากแผล
แม้แต่การรักษาสมัยปัจจุบันยังทำได้ยาก
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้นางยังไร้อุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือ ยารักษาก็ไม่มี
ตอนนี้คงทำได้เพียงพลิกชีวิตของม้าที่ตายแล้วให้ฟื้นคืนกลับมา แต่ต่อให้ฮูหยินหวังต้องตาย อย่างน้อยศพของนางก็จะสวยงาม
“เสี่ยวอวี้ รีบสั่งให้ป๋ายจีกับป๋ายซ่าวมาที่นี่ จงนำมีดผ่าตัดของข้ามาด้วย อย่าลืมเตรียมน้ำร้อน ยาฆ่าเชื้อ เหล้าเข้มข้นและตะเกียงจุดไฟ รีบไปเร็วเข้า”
ครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายหลินเมิ้งหยาก็ออกคำสั่ง แต่ถึงกระนั้นเวลาก็เพิ่งผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาทีนับตั้งแต่เข้ามาในห้อง
คนเป็นหมอต้องช่วงชิงชีวิตคนมาจากพญามัจจุราช
“จงฟังข้าให้ดีฮูหยินหวัง ข้าจะช่วยชีวิตเจ้า แต่มิรู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ตอนนี้ข้าจะใช้ยาชนิดหนึ่ง ทำให้เจ้ารู้สึกเสมือนตาย หนึ่งเพื่อลดอาการเจ็บปวดให้กับเจ้า สองเพื่อง่ายต่อการรักษาของข้า หากเจ้าโชคดี การผ่าตัดสำเร็จ เจ้าจะยังมีโอกาสฟื้น แต่ถ้าโชคไม่ดี เจ้าจะไม่ตื่นอีกต่อไป หากเจ้ายินยอม เจ้าจงกลืนยาเข้าไปเดี๋ยวนี้”
หลินเมิ้งหยารีบเปิดกล่องขนาดเล็กออก ก่อนจะหยิบยาเม็ดสีดำมะเมื่อมออกมาใส่ไว้ในปากของฮูหยินหวัง
“อึก” เสียงดังขึ้น ฮูหยินหวังออกแรงเฮือกสุดท้ายเพื่อกลืนยาลงไป
ไม่รู้ว่าเพราะได้ยินเสียงของหลินเมิ้งหยาหรือเพราะสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของร่างกาย ดังนั้นนางจึงกลืนยาเม็ดนั้นเข้าไป
ยาแสร้งตายเม็ดนั้นคือพิษชนิดหนึ่ง
ยาออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว ก่อนที่ฮูหยินหวังจะสลบไป หลินเมิ้งหยาทันเห็นริมฝีปากของนางขยับเป็นคำว่า…ขอบคุณ
เสี่ยวอวี้นำของและคนมาอย่างรวดเร็ว
เขาย้ายโต๊ะขนาดใหญ่มา วางของที่หลินเมิ้งหยาสั่งลงบนโต๊ะแล้วเปิดออก
ป๋ายจี ป๋ายซ่าว แม้จะตกใจกับภาพตรงหน้า
ทว่าภายใต้การชี้นำของหลินเมิ้งหยา พวกนางจึงสงบนิ่งอย่างรวดเร็ว
“ป๋ายจี นำน้ำกลั่นกับผ้าชุบเหล้ามานี่ ป๋ายซ่าว รีบนำอุปกรณ์ทั้งหมดไปฆ่าเชื้อ!”
นับตั้งแต่วันที่ตัดสินใจเปิดร้านขายยาเป็นของตัวเอง หลินเมิ้งหยามักสั่งให้ชิงหูทำของเล่นแปลกประหลาดให้นางหลายอย่าง
นำไส้ของสัตว์มาทำเป็นถุงมือ ก่อนจะสร้างเครื่องมือทางการแพทย์ โดยอาศัยแบบร่างจากรูปภาพที่นางวาด
แม้จะยังไม่สมบูรณ์ แต่ถึงกระนั้นก็นับว่าสวยงามเพียบพร้อม
น้ำกลั่นคือน้ำที่สกัดสิ่งสกปรกโดยผ่านตัวกรองอย่างคริสตัล
สำหรับนักเรียนแพทย์แล้วสิ่งเหล่านี้มิใช่เรื่องยากเลยแม้แต่น้อย
แม้แอลกอฮอล์จะไม่บริสุทธิ์เท่าแอลกอฮอล์ในยุคปัจจุบัน แต่จากความพยายามของหลินเมิ้งหยา นางใช้เหล้าสองประเภทในการสกัดแอลกอฮอล์ที่สามารถฆ่าเชื้อได้ออกมา
ประเภทแรกคือเหล้าที่ถูกขนานนามว่าฮั่วหุน หากดื่มเหล้าชนิดนี้เข้าไปโดยไม่ผสม ลำคออาจแสบร้อนเหมือนถูกเผาไหม้
หลินเมิ้งหยาใช้เหล้าชนิดนี้ในการฆ่าเชื้ออุปกรณ์ เมื่อทดสอบดูแล้ว ปรากฏว่าได้ผลไม่เลว
อีกประเภทคือเหล้าที่ผสมกับน้ำกลั่น โดยเหล้าตัวนี้ใช้เพื่อฆ่าเชื้อบริเวณบาดแผล
ของเหล่านี้เป็นเพียงตัวช่วยเท่านั้น
แต่ของที่หลินเมิ้งหยาให้ความสำคัญจริงๆ คือสิ่งที่เรียกว่าหญ้าหลงกาน
สารสกัดจากพิษชนิดนี้สามารถฆ่าเชื้อโรคได้อย่างน่าอัศจรรย์
หลินเมิ้งหยาลองนำยาประเภทอื่นมาใช้ร่วมกับสารสกัดของยาพิษ แต่กลับพบว่าหลังจากยาทั้งสองชนิดรวมกันแล้ว พิษของยาพิษลดลงเป็นอย่างมาก แต่แทบไม่มีผลอะไรกับการฆ่าเชื้อ
ท่ามกลางการชี้นำของหลินเมิ้งหยา ป๋ายจีกับป๋ายซ่าวเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัดอย่างรวดเร็ว
สวมถุงมือ ห่มร่างด้วยผ้าสีขาว ก่อนจะสวมหมวกไม่ได้รูป
สาวใช้ทั้งสองช่วยหลินเมิ้งหยาสวมชุดคลุม
แม้จะดูตลก แต่ก็คงทำได้แค่เพียงเท่านี้
การเตรียมตัวใช้เวลาไม่นาน หลินเมิ้งหยาเริ่มจัดตำแหน่งอวัยวะภายในของฮูหยินหวังก่อนเป็นอันดับแรก
บางทีอาจเพราะตกอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยาแสร้งตาย ดังนั้นการไหลเวียนของเลือดจึงช้าลง
หลินเมิ้งหยาคุ้นเคยกับอวัยวะภายในของมนุษย์เป็นอย่างดี
หลังจากจัดตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว พบว่าเลือดในร่างของฮูหยินหวังไหลออกมาเพียงเล็กน้อย
แม้แต่หลินเมิ้งหยาเองก็คิดไม่ถึงว่าอาการเสียเลือดมากที่ตนเองกำลังเป็นกังวลจะไม่เกิดขึ้น
ขั้นต่อมา ฆ่าเชื้อบริเวณบาดแผลก่อนจะเย็บติดกัน
เพื่อให้สะดวกต่อการเย็บ หลินเมิ้งหยาได้นำไส้แกะมาเป็นเอ็นเย็บแผล
ท่ามกลางสายตาของทุกคน หลินเมิ้งหยาเริ่มเย็บแผล
อันที่จริงนี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดอีกทั้งยังเป็นขั้นตอนที่ทรหดที่สุด
ไม่เพียงแค่ต้องทำอย่างรวดเร็ว แต่ยังต้องทำให้ละเอียด
ป๋ายจีกับป๋ายซ่าวส่งสายตานับถือไปให้หลินเมิ้งหยา
หลินเมิ้งหยาเย็บแผลอย่างรวดเร็วและละเอียดพอๆ กับงานเย็บปักถักร้อย
“เร็วเข้า รีบใส่ยาให้นาง”
ป๋ายจียกยาซึ่งถูกต้มไว้เรียบร้อยและถูกวางไว้ทางด้านนอกออกมา หลินเมิ้งหยาไม่รู้ว่าควรใช้ยาประเภทใดจึงจะได้ผลดีที่สุด
แต่เพราะนางคุ้นเคยกับยาพิษ ดังนั้นนางจึงเลือกยาที่มีสีดำสนิทดั่งขนอีกา
“นายหญิง หากนางตายขึ้นมาจะเป็นอย่างไรหรือเจ้าคะ?”
ป๋ายจีเป็นคนจิตใจดี ดังนั้นนางจึงเอ่ยถามถึงสิ่งที่กำลังกังวล
“ยังจะมีอะไรแย่กว่าตอนนี้อีกหรือ? รีบใส่ยาให้นาง”
ในสมัยโบราณไม่มีเครื่องช่วยหายใจ ไม่มีเครื่องตรวจจับชีพจร ดังนั้นหลินเมิ้งหยาจึงไม่อาจรู้ได้ว่านางจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
แต่สิ่งเดียวที่น่าประหลาดในเวลานี้คือยาพิษที่ให้โทษเมื่ออยู่ในมือของผู้อื่น กลับให้คุณประโยชน์เมื่ออยู่ในมือของนาง
ดูเหมือนนางจะต้องไปตั้งใจเรียนศาสตร์พิษกับป๋ายหลี่รุ่ยดูจริงๆ เสียแล้ว
ไม่มีเวลาให้คิดมาก นางที่ลงมือเย็บแผลเรียบร้อยแล้วทำได้เพียงรอดูผลเท่านั้น
“จำเอาไว้ ห้ามแตะต้องฝีเย็บของนางเด็ดขาด ห้ามขยับตัวนาง ป๋ายจี ป๋ายซ่าว ทุกหนึ่งชั่วโมงจะต้องป้อนยานางหนึ่งครั้ง”
หลังจากทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดที่มีออกไป ทันทีที่รู้สึกผ่อนคลาย แขนขาของนางจึงอ่อนแรง
โชคดีที่หลินจงอวี้เป็นคนมือไว เขาจึงรับตัวหลินเมิ้งหยาเอาไว้ได้
“พี่สาวเป็นอะไรหรือไม่?”
ความวิตกกังวลเผยให้เห็นในดวงตาของหนุ่มน้อย หลินจงอวี้ประหลาดใจกับทักษะอันยอดเยี่ยมของหลินเมิ้งหยา อีกทั้งยังยิ่งรักหลินเมิ้งหยามากขึ้น
“เจ้าหนุ่มน้อย รีบปล่อยเจ้าเด็กน้อยของเหล่าเหนียงลงบัดเดี๋ยวนี้”
น้ำเสียงเย็นชาถูกเปล่งออกมา ฮวากูผู้อ้างตนว่าเป็นเจ้าแม่กลับชาติมาเกิดรีบเข้ามาคว้าตัวของหลินเมิ้งหย