ตอนที่ 188 ความสัมพันธ์ฉันญาติพี่น้อง

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 188 ความสัมพันธ์ฉันญาติพี่น้อง

  

“ถึงเจี้ยนอวิ๋นจะกู้เงินนอกระบบมาเยอะ แต่เขาก็หาเงินได้เร็วมาก ไม่ต้องพูดถึงปลาที่ขายไปครั้งก่อน คราวนี้ที่ขายเนื้อแกะไปก็ได้เงินมาเยอะเลยใช่ไหมล่ะจ๊ะ?” ป้าหลี่ถาม

ในคราวนั้นมีปลาตัวใหญ่ถูกจับได้จากอ่างเก็บน้ำ ครอบครัวของนางได้รับปลามา 2 ตัว แต่ก็ไม่ได้อะไรมากไปกว่านั้น

“จะได้เยอะเท่าไหร่กันคะ ยังไม่พอให้เขาซื้อเรือสักลำเลยด้วยซ้ำ ปีหน้าฉันคงต้องไปคุยกับพี่รองว่าพอจะขอหยิบยืมเงินเขาได้บ้างรึเปล่า” ซูตานหงพูด ก่อนกล่าวต่อ “อ่างเก็บน้ำนี้ก็เป็นแค่อ่างเปล่า ๆ ยังไงก็ต้องสร้างใหม่ ฉันว่าถึงตอนนั้นคงเสียเงินอีกหลายพันหยวนเลยค่ะ”

“ยังต้องลงทุนอีกหลายพันหยวนเลยเหรอ?” ป้าหลี่ถามด้วยความตกตะลึง

“อาจจะไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ คุณป้าเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่เจี้ยนอวิ๋นยังไม่ได้ทำสัญญา อ่างเก็บน้ำมีสภาพเป็นยังไง แต่ไม่ต้องกังวลหรอกนะคะ ตอนนี้มันอยู่ในมือเจี้ยนอวิ๋นแล้ว เขาจะต้องสร้างมันขึ้นมาใหม่แน่นอนค่ะ ถึงตอนนั้นก็ต้องใช้เงินจ้างคน ซื้อปูน หิน ดิน ทราย ก็เป็นเงินทั้งนั้น บอกตามตรงนะคะว่าฉันไม่เห็นด้วยเลยกับการสร้างอ่างเก็บน้ำนี้ แต่ก็ทนไม่ได้ที่สามีชอบใช้เงินสิ้นเปลือง ตอนนี้ยังดีขึ้นบ้าง เขาเกือบทำครอบครัวล่มจมเพราะตัวเขาเอง แล้วฉันจะอยู่เฉย ๆ ไม่หาเงินให้มากขึ้นได้ยังไงกันคะ?” ซูตานหงบ่นออกมายืดยาว

จี้เจี้ยนอวิ๋นฟังเสียงคุยโวของภรรยาเงียบ ๆ เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าภรรยาของเขาจะขี้โม้ได้มากขนาดนี้! 

ป้าหลี่ถูกชักนำให้คล้อยตามทีละน้อย “อันที่จริงป้าก็คิดอยู่เหมือนกัน เจี้ยนอวิ๋นมีอะไรให้ทำตั้งมากมาย มีที่ดิน 30 ไร่ตรงเชิงเขา สวนผลไม้อีก 2 ที่ ในสวนยังมีฟาร์มไก่ เลี้ยงหมู เลี้ยงแกะอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีห้างสรรพสินค้าในเมืองที่เจี้ยนอวิ๋นเป็นหุ้นส่วน ไหนจะร้านค้าในเมืองมหาวิทยาลัยอีก เยอะแยะขนาดนี้ อ่างเก็บน้ำนี่ไม่จำเป็นจริง ๆ” 

“ใช่ค่ะ ฉันเคยพูดเรื่องนี้แล้วแต่เขาก็ไม่สนใจ บอกว่าฉันเป็นผู้หญิงเลี้ยงลูกอยู่บ้านก็พอ ไม่ต้องสนใจเรื่องข้างนอก” ซูตานหงถอนหายใจ

“เจี้ยนอวิ๋น เธอทำแบบนี้ไม่ได้นะ อย่ารังแกตานหงเพราะเห็นว่าหล่อนเป็นคนดีสิ” ป้าหลี่เตือน

“จะให้ทำยังไงล่ะครับ? ตอนนั้นผมเองก็ไม่มีเงิน จะไม่ให้หงุดหงิดได้ยังไงล่ะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นให้ความร่วมมือกับภรรยาเป็นอย่างดี

  

“ตอนนี้เบาลงไปบ้างแล้วไม่ใช่เหรอ?” ป้าหลี่ถาม

“ผมสั่งเรือไป 2 ลำ และเพิ่งวางเงินมัดจำไป ยังค้างจ่ายอีกครึ่งหนึ่งครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดต่อ “ยังมีลูกปลาที่ต้องซื้ออีก แต่คงเหลือเงินแค่ไม่เท่าไหร่”

“นั่นสินะ” ป้าหลี่มีสีหน้าเคร่งขรึมมากกว่าเดิม ก่อนจะเอ่ยถาม “แล้วอย่างนี้จะมีเงินจ่ายค่าจ้างอยู่ไหม?”

ค่าจ้างคนงานหัวละ 30 หยวน มีคนงานทั้งหมด 8 คนในสวนผลไม้ทั้ง 2 แห่ง รวมแล้วต้องจ่าย 240 หยวนต่อเดือน

“ตอนแรกผมคิดว่าจะค้างจ่ายค่าจ้างสัก 1 ถึง 2 เดือน โชคดีที่คราวนี้ขายแกะได้ และหมูที่เลี้ยงไว้ใกล้จะเอาออกมาเชือดขายได้แล้ว เลยไม่ควรค้างจ่าย แต่คงจ้างอีกไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ต้องมาจัดการเรื่องอ่างเก็บน้ำด้วยตัวเองหรอกครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเข้าประเด็น

 

ไม่ใช่แค่ซูตานหงที่รู้ว่าป้าหลี่ต้องการอะไร แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นก็รู้เช่นกัน

  

จี้เจี้ยนเหอตอนนี้ยังลำบาก หากป้าหลี่ไม่มีเรื่องอะไรให้พวกเขาช่วย มีหรือที่นางจะมาที่นี่? นอกจากหางานประจำให้จี้เจี้ยนเหอทำแล้วก็ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้เลย

หากจี้เจี้ยนเหอเชื่อถือได้ มีหรือที่จี้เจี้ยนอวิ๋นจะไม่เรียกใช้เขา พวกเขายังเป็นลูกพี่ลูกน้องที่มีปู่คนเดียวกันอีกด้วย

เป็นเพราะว่าจี้เจี้ยนเหอไม่มีความสามารถ แถมวุฒิภาวะของเขายังไม่มั่นคงพอ จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงไม่วางใจที่จะให้เขาดูแลอ่างเก็บน้ำ

ดังนั้นสิ่งที่ป้าหลี่ต้องการมาพูดจึงไม่มีทางเป็นไปได้

“เธอจะจัดการอ่างเก็บน้ำเองเหรอ?” ป้าหลี่นึกขึ้นได้จึงเอ่ยถาม

“ใช่ครับ ตอนแรกผมอยากเรียกหาใครสักคนที่อยู่ใกล้ ๆ มาช่วย อาจจะเป็นคนจากหมู่บ้านต้าวานเพราะอยู่ใกล้ที่สุด และอยากจ้างคนแก่สัก 2 คนมาเฝ้าประจำโดยไม่ต้องกลับบ้าน ให้อยู่กินที่อ่างเก็บน้ำเลย” จี้เจี้ยนอวิ๋นอธิบาย

คนหนุ่มสาวยังต้องดูแลครอบครัว เขาเลยมีความคิดอื่นที่จะทำเกี่ยวกับอ่างเก็บน้ำ เมื่อเขาทำสัญญาอ่างเก็บน้ำแล้ว ภูเขารอบ ๆ บริเวณนั้นก็นับว่าเป็นของเขาเช่นกัน ตอนนี้ภูเขาเหล่านั้นยังคงว่างเปล่า เขาจึงวางแผนที่จะปลูกไม้ผล และพวกมันจะต้องมีคนมาให้การดูแลคอยรดน้ำและใส่ปุ๋ย อีกอย่างภูเขาเหล่านี้ก็เหมาะสำหรับเลี้ยงแกะ เขาไม่มีแผนที่จะทำฟาร์มไก่เพิ่ม แต่อยากเลี้ยงแกะให้มากขึ้น งานเหล่านี้ต้องคอยเฝ้าดูทั้งกลางวันและกลางคืน จะให้คนหนุ่มสาวมาทำได้อย่างไร?

“เจี้ยนอวิ๋น งานแบบนี้ให้ผู้เฒ่าทำได้ที่ไหน? ต้องเป็นคนหนุ่มสาวทำไม่ใช่เหรอ?” ป้าหลี่รีบกล่าวอย่างร้อนรน

“ถ้าจ้างคนในหมู่บ้านต้าวานน่าจะดีกว่า เพราะพวกเขาอยู่ใกล้อ่างเก็บน้ำมากกว่าหมู่บ้านเรา คงไม่มีใครดูแลไม่ทั่วถึง แต่ตอนนี้ผมยังไม่ได้คิดจะจ้างใครเพราะว่ายังไม่มีเงินครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดด้วยรอยยิ้ม

ป้าหลี่เข้าใจและพูดต่อ “เจี้ยนอวิ๋น เจี้ยนเหอก็เป็นเหมือนพี่น้องของเธอ คุณปู่ของพวกเธอก็คือคนเดียวกัน เธอคงไม่ปล่อยให้เขานั่งอยู่เฉย ๆ หรอกใช่ไหม? พี่ชายคนโตของตานหงเธอยังช่วยเหลือเขามาแล้ว ไม่มีเหตุผลเลยนะที่เธอจะไม่ช่วยเจี้ยนเหอ”

“คุณป้า พี่ชายของฉันเคยขี้เกียจมาก่อนก็จริง แต่ตอนนี้เขาก็ทำตัวดีขึ้นแล้ว ไม่อย่างนั้นเจี้ยนอวิ๋นคงไม่ปล่อยให้เขาทำงานและได้รับเงินเดือนหรอกค่ะ” ซูตานหงพูดออกมาตามตรง

  

“ถ้างั้นเจี้ยนเหอก็ไม่ขี้เกียจเหมือนกัน” ป้าหลี่กล่าว

“เจี้ยนเหอทำได้ครับ ถ้าวันข้างหน้าผมทำสวนผลไม้อีก ถึงตอนนั้นผมจะจ้างเขาทำงาน แต่งานที่อ่างเก็บน้ำไม่เหมาะกับเขาจริง ๆ” ท้ายที่สุดแล้วเพราะเห็นแก่ความเป็นญาติ จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงไว้หน้านางอยู่บ้าง

เมื่อป้าหลี่ได้ยินดังนี้ก็ยิ้มออกมา “ตอนนี้เธอก็มีสวนผลไม้ 2 ที่แล้ว ยังอยากได้เพิ่มอีกไหม?”

“ทางหมู่บ้านยังไม่ได้ทำสัญญาภูเขาอีกสองลูกนั้นเลยครับ พวกเขาไม่สามารถจัดการอะไรได้ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะว่าคุณลุงเป็นลุงของผม ผมถึงไปหาคุณลุงก่อน ไม่อย่างนั้นผมจะเลือกภูเขาลูกไหนก็ได้จาก 2 ลูกที่เหลือ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“เธอไม่รู้หรอกว่าแต่ก่อนครอบครัวป้ารดน้ำ ดูแลภูเขาลูกนี้อย่างหนักแค่ไหน ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่สามารถตั้งเนื้อตั้งตัวได้เหมือนทุกวันนี้” ป้าหลี่พูดทวงบุญคุณ นางคิดว่าครอบครัวของตนมีส่วนสนับสนุนอย่างมาก

“อีก 2 ครอบครัวไม่ได้ขยันขันแข็งเท่าคุณป้า แต่ทำงานหนักกว่าครอบครัวคุณป้าอีก คุณป้าคิดว่าพวกเขาทำได้ไหมล่ะครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดอย่างตรงไปตรงมา

ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าป้าหลี่ยังไม่พอใจเรื่องสวนผลไม้ เขามักจะถูกว่าร้ายข้างนอก แต่ทุกคนก็ไม่ได้ถือเป็นเรื่องจริงจัง

ป้าหลี่ไม่พูดอะไรอีก

“ถ้าคุณป้าคิดว่าทำได้ ก็ลองไปคุยกับ 2 ครอบครัวนั้นว่าอยากรับช่วงมาดูแลเองนะคะ หากทำสำเร็จ ฉันจะคืนสวนผลไม้ที่ซื้อจากคุณป้าให้โดยไม่เรียกเก็บเงินแม้แต่ครึ่งเฟินเลยค่ะ” ซูตานหงมองมาที่นางและพูดด้วยรอยยิ้ม

พูดแบบนี้เท่ากับเป็นการตบหน้าป้าหลี่อย่างจัง

  

สีหน้าของป้าหลี่แทบจะดูไม่ได้ แต่เมื่อนึกถึงงานประจำของลูกชายก็ได้แต่กล้ำกลืน “ป้าไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นหรอกจ้ะ เอาล่ะ ที่บ้านยังมีงานต้องทำ งั้นป้ากลับก่อนนะ”

พูดจบนางก็กลับบ้านไปด้วยความขุ่นเคือง

อย่างไรก็ตามซูตานหงและจี้เจี้ยนอวิ๋นต่างก็ไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้ หากไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ฉันญาติพี่น้อง ป้าหลี่คงไม่สามารถแม้แต่จะเข้ามาเหยียบในบ้านของพวกเขาได้