ถังหยินยิ้มและโบกมือให้ เขาเองก็ไม่ได้อยากจะฉวยโอกาสมากนัก “เท่านี้ก็พอแล้ว”

“เอ๋ ? เอาไปอีกสิ นี่น่ะมันยังไม่เท่าทองที่เจ้าให้มาเลยนะ” สองพรานยื่นตะกร้าให้แล้วคะยั้นคะยอให้อีกฝ่ายรับมันไว้ ทำให้ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยิบสมุนไพรบนนั้นมากินสด ๆ เพื่อคลายความหิว

ทั้งสองพรานพยายามบอกกล่าวว่าห้ามเข้าไปลึกกว่านี้อีก แต่ถังหยินก็ไม่ฟังจนพวกเขาถึงกับสวดภาวนาเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องร้ายขึ้นกับชายหนุ่ม

หลังจากพักผ่อนกันเสร็จ พวกเขาก็แยกจากกันออกไป และทั้งสองพรานเดินทางตรงดิ่งกลับบ้านไปทันที

ถังหยินมองพวกเขา ก่อนที่จะกินโสมที่ซื้อมาแล้วเตรียมความพร้อมให้ตัวเอง

เขาวิ่งเข้าไปในป่านี้อย่างรวดเร็ว ปีนป่ายตามต้นไม้มากมายจนไปถึงยอดเขาสูง

ด้านบนนี้มีหินและเถาวัลย์มากมาย ถังหยินพบว่าบนยอดหินมีอักษรสลักไว้อยู่ มันถูกทำขึ้นโดยอาวุธปราณ ซึ่งนี่ก็คงเป็นพฤติกรรมเหมือนกับในโลกยุคปัจจุบัน ในเวลาที่นักสำรวจเดินทางผ่านที่ไหนก็จะทำหลักแหล่งเอาไว้

เขาลูบริมฝีปากแล้วเดินไปรอบ ๆ ด้วยถ้าตามที่สองพรานเล่ามาเป็นความจริง งั้นแล้วที่นี่ก็คือใจกลางภูเขาแล้ว เขายืนบนริมผาและมองลงไป ก่อนจะคว้าก้อนหินแถวนั้น แล้วโยนมาลงไป

ระหว่างที่หินก้อนนั้นกำลังกลิ้ง ชายหนุ่มก็นับเลขในใจไปด้วยพร้อม ๆ กัน เมื่อนับครบสิบก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านล่าง แสดงได้ถึงความสูงที่มากมายของภูเขาลูกนี้ บ่งบอกได้เลยว่าด้านในของที่นี่คือหุบเขาที่ลึกพอสมควร

ถังหยินปล่อยพลังปราณออกมา เรียกเกราะปราณออกมาเสริมไว้ ก่อนที่จะวิ่งลงไปยังด้านล่าง

ความมืดข้างล่างไม่ใช่เรื่องที่น่ารำคาญสำหรับเขาเท่าไหร่นักด้วยความที่เป็นผู้ใช้ศาสตร์มืด ทว่าเมื่อไปได้ครึ่งทาง บรรยากาศโดยรอบก็ดูเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน มันเต็มไปด้วยความชื้นที่มากขึ้น พื้นที่โดยรอบเต็มไปด้วยมอสทำให้ลื่นมาก หากแต่ถังหยินก็ใช้พลังเกาะเอาไว้ตามกำแพง

ถังหยินต้องใช้พลังอย่างสูงในการลงไปยังเบื้องล่างของเขาลูกนี้

แม้ว่าทางเข้าจะดูแคบ หากทว่าข้างในนั้นกลับกว้างมาก ทั้งยังมีแสงส่องเข้ามาได้เล็กน้อยเท่านั้น

บางทีอาจเพราะเป็นที่นี่ไม่ได้รับแสงมานานหลายปี ทำให้มีต้นไม้รูปร่างประหลาดมากมายราวกับว่ากำลังอยู่ในต่างโลกเลยทีเดียว

แม้แต่เห็ดก็ยังมีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ ถังหยินลองฉีกมันออกมากินดูเล่น ๆ

แต่ในวินาทีที่มันหักออก ก็มีแมลงสีดำไหลออกมามากมายแล้วพยายามไต่ตามแขนของชายหนุ่ม ทำให้เขาต้องรีบปล่อยพลังออกมาครอบตัวเองเอาไว้ ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น พวกแมลงก็ยังคงพยายามกัดเกราะของเขาจนเกิดเสียงน่าพิศวงขึ้น

นี่มันตัวอะไรกัน ? ถังหยินสะบัดมือไล่มันออกก่อนที่จะเรียกไฟสีดำออกมาเผามันจนหายไป

แมลงพวกนี้เล็กมากก็จริง แต่พลังงานของมันก็ลอยคลุ้งอย่างมหาศาลจนกลายเป็นก้อนสีดำลอยอยู่ ด้วยความสนใจชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปเก็บมันเข้ามา

ก้อนพลังงานนี้ไม่ใช่แค่บริสุทธิ์กว่าสัตว์ป่า แต่มันยิ่งกว่าของมนุษย์เสียอีก ราวกับได้รับพลังจากสวรรค์เลยทีเดียว

ถังหยินดีใจมาก เขาไม่คิดว่าจะได้รับพลังงานที่ดียิ่งแบบนี้จากพวกแมลง ดังนั้นจึงรีบฉีกเห็ดอีกมากมายเพื่อไล่เผาพวกแมลงเหล่านี้อย่างสนุกสนาน

ชายหนุ่มถอนหายใจเมื่อเห็นว่าถ้ำแห่งนี้เต็มไปด้วยเห็ดที่มีแมลงเหล่านี้อยู่เต็มไปหมด ถ้าหากเขาดูดกลืนมันจนหมดก็อาจจะข้ามระดับตัวเองไปจนถึงปราณเทพเจ้าเลยก็ได้

คิดได้แบบนี้เขาก็ยิ้มออกมา นี่มันคือจุดประสงค์ที่เขามายังหุบเขานี้ชัด ๆ ซึ่งก็ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะได้เจอสมบัติล้ำค่าแบบนี้

ถังหยินไม่อาจเก็บความรู้สึกดีใจเอาไว้ได้อีกต่อไป รีบเข้าทำลายเห็ดยักษ์ตรงหน้าเขาต่อทันที หากทว่ามันก็ไม่มีแมลงโผล่ออกมาเลย

“หา ? เกิดอะไรขึ้น ?” ถังหยินผิดหวังมาก หรือว่าจะมีแมลงอยู่แค่เห็ดบางจำพวกเท่านั้น ? นี่มันจะบังเอิญเกินไปไหม ?

เขารับไม่ได้และไม่คิดว่ามันจะหายไปง่าย ๆ แบบนี้ ดังนั้นจึงชักดาบออกมาแล้วตัดเห็ดรอบตัวจนหมด ซึ่งผลที่ได้ก็เหมือนเดิม คือไม่มีแมลงออกมา ชายหนุ่มจึงเดินต่อไปอีกหน่อยแล้วตัดเห็ดอีก และคราวนี้มีแมลงออกมา ทำให้เขาดีใจมากจนรีบเอาไฟเผามัน

หลังจากพยายามอยู่หลายครั้ง ถังหยินก็รู้แล้วว่าเห็ดทุกดอกไม่ได้มีแมลงอยู่ข้างใน พวกมันจะเลือกเห็ดดอกที่น่าอยู่ที่สุดแล้วทำรังอยู่ข้างใน

ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างเข้าใจ แม้ว่าแมลงพวกนี้จะมีพลังปราณที่เยอะมากแต่มันก็มีจำนวนที่น้อยเกินไป

เขาไม่กล้าปลดเกราะออก และเริ่มทำการรวมดาบให้กลายเป็นเคียว ด้วยไม่คิดว่าในหุบเขาแห่งนี้จะไม่มีอันตรายอื่นอีกจึงต้องเตรียมพร้อมไว้เสมอ

มีต้นไม้และสัตว์มากมายที่ถังหยินไม่เคยเห็นมาก่อน ที่นี่ถือได้ว่าเปิดโลกใหม่สำหรับเขายิ่งนัก

บางตัวก็เป็นสัตว์ไร้กระดูกสันหลัง และบางตัวก็เป็นสัตว์เลื้อยคลานอยู่ตามพื้น มีตัวหนึ่งหน้าตาเหมือนกับหนอนตัวอ่อนแมลง ซึ่งเมื่อถังหยินเข้าไปใกล้มันก็สะบัดกรดออกมากัดเกราะปราณจนชายหนุ่มต้องรีบเผามันให้หายไป

สัตว์ในที่นี้มีความแตกต่างทางกายภาพกันมาก แต่มันก็มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน และนั่นก็คือพลังปราณที่รุนแรงและเข้มข้นแบบสุด ๆ!

ถ้าหากเขาไม่รู้วิธีการใช้ไฟสีดำ ป่านนี้เขาคงจะตายไปตั้งแต่เจอหน้าแมลงพวกนี้แล้ว

ผู้ฝึกยุทธ์สามารถเรียกใช้เกราะปราณเพื่อปกป้องร่างกายตัวเองได้ แต่ก็ไม่สามารถปกป้องดวงตาอันเป็นจุดอ่อนได้เต็มที่ ต่อให้ใช้มือขึ้นมาปิดเอาไว้ พวกมันก็จะกัดแทะเกราะเข้าไปได้อยู่ดี

ถังหยินมองสถานที่แห่งนี้เป็นดั่งขุมทรัพย์สำหรับการเพิ่มทักษะของเขา ในขณะที่คนอื่นมองเป็นนรกของพวกเหล่าปีศาจร้าย

เขาเดินไปอีกไกลและเข้าใกล้สู่จุดศูนย์กลางของหุบเขานี้มากขึ้นทุกที แต่ทว่าที่ใจกลางนั่นเอง มันกลับไม่มีต้นหญ้าเลยสักใบเดียว ทว่ากลับเป็นหลุมสีดำกว้างกว่า 1 จั้งแทนเสียอย่างงั้น

ใจกลางหุบเขาไร้ที่สิ้นสุดนี้ก็ยังมีถ้ำที่ไร้ที่สิ้นสุดอยู่ซ้อนเข้าไปอีก เป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก

ถังหยินค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้แล้วจึงชะโงกหน้ามองข้างในถ้ำ ทว่าเขาก็ไม่เห็นอะไรอื่นนอกจากพลังหยินที่กระแทกเข้าใส่ใบหน้าของตน

ถึงชายหนุ่มจะกล้าขนาดไหน แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะยืนท้าสู้กับมันดังนั้นจึงได้ถอยกลับมา ใจหนึ่งเขาก็อยากจะเข้าไปแต่อีกใจหนึ่งก็ปฏิเสธ

ท้ายที่สุดเขาก็เอาชนะใจตัวเองแล้วเดินเข้าไปข้างใน เพราะคิดว่าถ้าตนไม่เข้าไปแล้วจะมีใครเข้าไปอีกกัน ? เมื่อคิดได้แบบนั้นเขาก็ค่อย ๆ คลานเข้าไปข้างในอย่างช้า ๆ ก่อนจะใช้ดาบไต่ลงไปตามกำแพงถ้ำ