สำนักเทียนซือ
สวีชิงเฟิงมองดูรายงานแผนการเล่มหนาบนมือ ยังไม่ทันเข้าใจ “โรงเรียนฝึก…วิชา…เทียนซือเสวียนเหมิน?!” นี่มันอะไรกัน?!
“ใช่!” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า ก่อนจะอธิบาย “ข้าคำนึงดูแล้ว ตามความสามารถของเสวียนเหมินในตอนนี้ ล้าหลังมากเมื่อเทียบกับยมโลกและโลกปีศาจ อีกทั้งเพิ่งพาแค่ชิงหยางมาสอน ผู้คนที่จะได้รับการพัฒนามีจำกัด เสวียนเหมินของพวกเรามีลูกศิษย์มากมายเช่นนี้ ถือเป็นข้อได้เปรียบของพวกเรา หากคิดจะยกระดับความสามารถของคนทั้งเสวียนเหมิน มีเพียงเปิดโรงเรียนเท่านั้นที่จะได้ประสิทธิภาพดีที่สุด ห้องเรียนพิเศษนั้นไม่ได้แก้ไขที่ต้นเหตุ”
“เช่นนั้น…เช่นนั้นห้องเรียนตามความสนใจคือ…” เจ้าสำนักสวียังคงฉงน
“ทำนาย ยันต์ ข่ายพลัง อาวุธ หมอ แต่ละวิชามีความเฉพาะด้าน พวกเราตั้งเป้าหมายเล็กไว้ก่อน แต่ละรายการเปิดสิบห้องลองดูก่อน” อวิ๋นเจี่ยวยังคงพูด “พวกเราสามารถสอนวิชาเฉพาะตามรายการที่แต่ละคนเลือก ภายหลังยังสามารถจัดตั้งห้องเรียนพลังภายใน พลังภายในแต่ละรายงานมีอาจารย์เฉพาะคอยถ่ายทอดวิชา เช่นนี้แต่ละคนจะมีความเชี่ยวชาญเฉพาะตัว ทุกคนศึกษาขึ้นมาก็จะง่ายดายมากขึ้น แน่นอนว่าแต่ละคนต้องจ่ายค่าเล่าเรียนเหมือนกัน วางใจเถอะ พวกเราจะตั้งราคาหนึ่งเดียว เทอมเดียวกันแต่เลือกวิชาเรียนมากไม่เก็บค่าใช้จ่ายเพิ่ม”
เจ้าสำนักสวีเข้าใจความหมายของนาง “สหายอวิ๋นหมายความว่า…รวบรวมลูกศิษย์เสวียนเหมินทั้งหมดมาศึกษาวิชาในสำนักเทียนซือ?”
“ไม่ใช่ทั้งหมด!” อวิ๋นเจี่ยวส่ายหัว “พวกเราจะแบ่งขั้นตอนในการรับสมัคร ถึงแม้ตอนนี้จะมีปีศาจและวิญญาณที่มาปั่นป่วนน้อยลง แต่ก็ไม่อาจไม่มีคนคอยทำงานได้ อีกทั้งพวกเราก็ไม่อาจทำเรื่องผูกขาดได้ อีกทั้งการผูกขาดทำให้เกิดความอัปยศได้ สำนักอื่นก็สามารถสนับสนุนการศึกษา สิ่งสำคัญยังคงเป็นลูกศิษย์ที่จะส่งมาเป็นตัวแทนของแต่ละสำนัก จากนั้นกลับไปถ่ายทอดให้ลูกศิษย์ภายในสำนัก”
หมายความว่า อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงสำนัก ไม่ต้องเสียสละอะไรแก่โรงเรียนที่ว่า แต่ละคนล้วนมาศึกษาได้ อีกทั้งยังเป็นการศึกษาขนาดใหญ่ ขอบข่ายกว้าง และไร้ข้อบังคับ!
เจ้าสำนักสวีมีสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมาทันที เช่นนี้ลูกศิษย์ธรรมดาก็มีโอกาสศึกษาวิชาชั้นสูงได้ อีกทั้งยังแตกต่างจากแต่ก่อนที่มีเพียงลูกศิษย์ชั้นเอกเท่านั้นถึงจะเข้าฟังได้
ถึงแม้การแบ่งปันวิชาจะเป็นเรื่องทั่วไปในเสวียนเหมินแล้ว ไม่มีเรื่องไม่ถ่ายทอดให้คนนอกอีกต่อไป อีกทั้งตอนนี้ในกลุ่มเสวียนเหมิน สิ่งที่พบเจอมากที่สุดก็คือลูกศิษย์แจกคาถาเพียงเพื่อต้องการความช่วยเหลือแก้โจทย์ แต่ไม่ว่าจะเป็นคาถา หรือวิชา หากให้ลูกศิษย์เป็นคนถ่ายทอด ระหว่างนี้คงต้องมีสิ่งที่บิดเบือนไป ลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์ยังดี หากลูกศิษย์ทั่วไปคงยากที่จะเข้าใจ ดังนั้นจึงมักจะปรากฏความแตกต่างของพลัง ถึงแม้จะฝึกฝนจากตำราเล่มเดียวกัน
หากลูกศิษย์ทั้งหมดล้วนเข้ารับการศึกษาเหมือนกันคงจะเป็นการดี
“เป็นความคิดที่ดี แต่ว่า…” เจ้าสำนักสวีพยักหน้า แต่เขาก็คิดถึงปัญหาที่น่ากังวลอีกอย่าง “ตามรายการในแผน…แผนการของสหายอวิ๋นนี้ อย่างน้อยต้องมีเทียนซือในการถ่ายทอดยี่สิบกว่าคน แต่ว่าอาจารย์อวิ๋นท่านบอกว่า สำนักชิงหยางรวมตัวท่านเอง มีเพียงเทียนซือสามท่าน? นี่จะทำอย่างไร…” ถึงจะเปิดห้องเรียนยี่สิบกว่าห้องได้
“เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล” อวิ๋นเจี่ยวหันไปมองเขา ก่อนจะพูด “ยังมีพวกท่านและเหล่าเจ้าสำนักอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“พวกข้า!?” เจ้าสำนักสวีผงะ ทันใดนั้นความรู้สึกไม่ค่อยดีผุดขึ้น
“ใช่!” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า ก่อนจะพูดอย่างจริงจัง “พวกท่านเหมาะสมที่สุด พวกท่านมีประสบการณ์การสอน อีกทั้งยังเป็นห้องเรียนแรกที่จบการศึกษา ข้าคิดไว้แล้ว หลายวันนี้ข้าจะจัดการสอบอาจารย์ให้พวกท่าน ข้อสอบข้าทำไว้แล้ว มีทั้งทำนาย ยันต์ ข่ายพลัง อาวุธ หมอ สอบตรงกับอาชีพ ข้ามั่นใจว่าต้องเลือกอาจารย์เสวียนเหมินที่ดีออกมาได้!”
“…” เจ้าสำนักสวีรู้สึกเพียงขาอ่อนระทวย แทบจะล้มลงกับพื้น
“จริงสิ ต่อไปอาจารย์ของแต่ละสำนักก็ต้องสอบให้ได้ใบประกาศนี้ เช่นนี้ถึงจะมั่นใจคุณภาพการสอนได้!”
“…”
หยุด อย่า!
(゚Д゚≡゚Д゚)
“เฮ้อ วันก่อนข้าดูข้อสอบของห้องสี่ ผลลัพธ์ทำให้ข้าผิดหวังมาก!” เจ้าสำนักสวีอยากกรีดร้อง อวิ๋นเจี่ยวกลับพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำอย่างจริงจัง “อัตราการผ่านเกณฑ์ของห้องสี่มากขึ้นร้อยละสิบเมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้ว แต่ว่าข้าดูข้อสอบเหล่านั้น ข้อผิดในนั้นมีอัตราซ้ำกันมากกว่าร้อยละห้าสิบ อีกทั้งข้ายังลองเชื่อมต่อกับกลุ่มเข้าฟังของแต่ละสำนัก พบว่าก่อนส่งข้อสอบ โจทย์เหล่านี้ล้วนมีการปรึกษากันล่วงหน้าในกลุ่ม อีกทั้งยังถามนักเรียนรุ่นที่แล้วด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่เพียงแต่โกงข้อสอบ อีกทั้งยังลอกข้อสอบ! ขัดแย้งกับจุดประสงค์ในการศึกษาอย่างร้ายแรง!”
“…” ในฐานะที่เคยช่วยลูกศิษย์ตอบข้อสอบ เจ้าสำนักสวีข่มเสียงกรี๊ดที่อยู่ในปากลง
“ดังนั้น…” อวิ๋นเจี่ยวตบไหล่ของเขาอย่างแรง “เมื่อเทียบกันแล้ว ห้องเรียนหนึ่งของพวกท่านถือว่าดีกว่าเล็กน้อย!”
“…” ไม่ พวกเราไม่ใช่ พวกเราไม่มี อย่าพูดเหลวไหล!
“อย่างน้อยพวกท่านผิดกันคนละแบบ ไม่ซ้ำกันแม้แต่น้อย!”
“…” เดี๋ยว ทำไมเขารู้สึกว่าไม่ใช่การชื่นชม!
อวิ๋นเจี่ยวยังคงพูดต่อ “อย่างไรก็ตามภารกิจอาจารย์รุ่นแรกของโรงเรียนมอบหมายให้พวกท่าน ข้าวางใจมาก!”
“…” ไม่ใช่ ไม่เอา ไม่ได้นะอาจารย์อวิ๋น! อีกทั้ง ตอนนั้นพวกเขาไม่ได้ไม่อยากลอก แต่ไม่มีใครให้ลอกต่างหาก!
“สู้ๆ อย่าลืมแจ้งเพื่อนร่วมห้องของท่าน สามวันหลังจากนี้ยามเฉินมาสอบที่สำนักเทียนซือ อย่ามาสายนะ”
“…”
เจ้าสำนักสวีอยากร้องไห้จริงๆ พวกเขาจบจากห้องเรียนมาได้อย่างยากลำบาก ทำไมยังต้องสอบอีก!
แต่ที่สำคัญคือ เขาไม่อาจคัดค้านได้แม้แต่น้อย เพราะไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนนี้ หรือการสอบรับรองอาจารย์ ล้วนเป็นสิ่งที่ทำเพื่อประโยชน์ของเสวียนเหมิน อวิ๋นเจี่ยวพูดไม่ผิด ตามความสามารถของเสวียนเหมินในตอนนี้ ไม่ว่าโลกปีศาจหรือยมโลก พวกเขาล้วนไม่อาจรับมือได้ หากเป็นเมื่อพันปีก่อน เสวียนเหมินคงไม่ใช่สถานการณ์ที่ถูกกระทำเช่นนี้ จากประสบการณ์หลายปีของเขา เขารู้ว่าหากทำตามแผนการที่สหายอวิ๋นคิดเอาไว้ไม่ถึงห้าปี เสวียนเหมินจะกลับมารุ่งเรืองเหมือนเมื่อพันปีก่อนได้อย่างแน่นอน
นางพูดถูก สิ่งที่นางพูดล้วนถูกต้อง แต่ว่า…เขาไม่อยากสอบ?!
เมื่อนึกถึงข้อสอบนรกเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนนี้เขาก็รู้สึกปวดใจอย่างยิ่ง แต่ในฐานะผู้นำของเสวียนเหมิน เจ้าสำนักของสำนักเทียนซือ เขาเป็นคนที่ไม่มีสิทธิคัดค้านมากที่สุด
ดังนั้น…เจ้าสำนักอะไรกัน…ไม่อยากเป็นแล้ว!
(;´༎ຶД༎ຶ`)
…
ตั้งแต่มอบแผนการให้สำนักเทียนซือแล้ว อวิ๋นเจี่ยวก็สบายใจลงไปไม่น้อย รู้สึกว่าตนเองสามารถออกข้อสอบได้อีกเป็นสิบชุด คนทั้งคนผ่อนคลายลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นางอนุมัติค่าอาหารสามเดือนให้ชายแก่ในทันที
ด้านหลังของแผนการของนางนั้น ได้ระบุมาตรฐานค่าเล่าเรียนทั้งหมด รวมไปถึงข้อมูลงบประมาณและค่าใช้จ่ายในแต่ละรายการ ความสามารถของสำนักเทียนซือ นางค่อนข้างวางใจ นางเชื่อมั่นว่าการดำเนินการในอนาคตคงไม่ต้องถึงมือของนาง การเผยแพร่การศึกษาในเสวียนเหมินจะสำเร็จในเร็ววัน สิ่งสำคัญคือ เมื่อโรงเรียนเปิดขึ้นมา ชิงหยางของพวกเขาจะหลุดพ้นจากความจนเสียที
ทางนี้เพิ่งจบเรื่องใหญ่ไป ทางยมโลกก็ส่งข่าวใหญ่มาอีก
เสิ้งหวนฟื้นแล้ว!