บทที่ 52.1 เย่เป่าเปาและแบบทดสอบ (1)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

หลังจากการพูดคุยกับหมิงอู๋และหมิงฮัว โจวเหว่ยชิงก็เข้าใจสถานะของนิกายปีศาจสวรรค์ได้คร่าวๆ ทว่าสิ่งที่เรียกว่ายอดเขาสูงสุดทิศเหนือหรือภูเขาหิมะสวรรค์นั้นคืออะไรกันแน่?

เพราะเขากลับมาถึงห้องอย่างปลอดภัย เช่นนั้นก็คงเป็นเพราะหญิงสาวในชุดขาวคนนั้นที่ช่วยเขาเอาไว้ เธอสามารถเอาชนะหมิงอู๋ผู้ที่มีมณี 9 ดวงด้วยพลังระดับมณี 6 ดวงของเธอได้อย่างไร? นอกจากนี้…ไพฑูรย์ตาแมวสองสี… มณีธาตุของเธอก็คือไพฑูรย์ตาแมวสองสีเช่นกัน!

โจวเหว่ยชิงครุ่นคิดไปถึงความงามอันแสนพิสุทธิ์ของหญิงสาวคนเมื่อคืนและกลืนน้ำลายลงคอโดยไม่รู้ตัว เขาพึมพำกับตัวเอง “ผู้หญิงชุดขาวคนนั้นดูเหมือนจะงดงามและเปล่งประกายเจิดจ้าเหลือเกิน เฮ้อ ข้ายังไม่ทันได้มองนางให้ชัดๆ เลย น่าเสียดาย…อืม…สงสัยจังว่าทำไมผู้หญิงจากภูเขาหิมะสวรรค์ถึงต้องการช่วยข้า”

เขาไม่ได้สังเกตเลยว่าเจ้าแมวอ้วนที่นอนแผ่หราอยู่บนเก้าอี้พร้อมทั้งแอบฟังเขาไปด้วยนั้นจู่ๆ ก็กระตุกขึ้นมาเล็กน้อย

หลังจากกรุ่นคิดเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง โจวเหว่ยชิงก็ยักไหล่และยิ้มแย้มออกมา เขามีความมั่นใจเกี่ยวกับประเด็นสำคัญบางประการ เพราะฉะนั้นส่วนที่เหลือย่อมไม่ใช่ปัญหา เขาเชื่อว่าตนจะค่อยๆ คิดตกในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน

เรื่องมันก็ง่ายมาก เนื่องจากแม่นางเทียนเอ๋อร์จากภูเขาหิมะสวรรค์นำตัวเขาส่งกลับบ้านและไม่ได้บังคับพาเขาไป นั่นจึงเผยให้เห็นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่ง นางต้องทำให้หมิงอู๋และหมิงฮัวเกรงกลัวจนยอมปล่อยพวกเขาทั้งคู่มา ดังนั้นจึงรับประกันได้ว่าพ่อลูกคู่นั้นจะไม่มาแก้แค้นเขาแน่ ไม่อย่างนั้นเธอจะช่วยชีวิตเขาเมื่อคืนเพื่อให้เขาโดนจับตัวกลับไปอีกครั้งทำไม?

เมื่อคิดตกแล้ว โจวเหว่ยชิงจึงตัดสินใจที่จะไม่กังวลกับเรื่องนี้อีกต่อไป สำหรับสาเหตุที่หญิงสาวจากภูเขาหิมะสวรรค์ต้องการช่วยเหลือเขา เขาก็ไม่ได้พยายามคิดอะไรเพิ่มอีก เนื่องจากเธอไม่ได้เอ่ยอะไรกับเขา เขาจึงยินดีที่จะไม่พูดถึงมันอีก อย่างไรก็ตาม แม้ว่าความงามของเธอจะน่าตกตะลึง แต่เขาก็กลัวว่าเธออาจมีแรงจูงใจที่คล้ายคลึงกับนิกายปีศาจสวรรค์ หากเป็นเช่นนั้นก็เหมือนกับว่าเขาเพิ่งกระโดดออกจากกระทะร้อนๆ เพื่อไปเข้ากองไฟอีกกองน่ะสิ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้โจวเหว่ยชิงก็สามารถทำตัวราวกับว่าตนไม่รู้เรื่องอะไรเลยได้และเขาก็สามารถทำเช่นนั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติด้วย

โจวเหว่ยชิงพลิกตัวออกจากที่นอน หลังจากอาบน้ำเสร็จเขาก็เปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าที่สะอาดสะอ้าน ขณะเข้าไปในห้องนั่งเล่นกลางบ้านของพวกเขา อาหารเช้าร้อนๆ ก็วางไว้พร้อมสำหรับเขาแล้ว

บนโต๊ะมีอาหารเช้าง่ายๆ ไข่ 2-3 ฟอง โจ๊กชามโต หมั่นโถว ผักดอง และผลไม้หลายอย่าง

ขณะซ่างกวนปิงเอ๋อร์เพิ่งทำอาหารเสร็จเธอก็เห็นเขามุ่งหน้าเข้ามาแล้ว “เร็วๆ รีบกินให้หมด พวกเราจะได้ไปโรงเรียนด้วยกัน”

โจวเหว่ยชิงหายตัวไปหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว เมื่อปรากฏตัวข้างๆ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เขาก็คว้าตัวเธอเอาไว้กลางอากาศ ขณะที่หญิงสาวส่งเสียงร้องอย่างตกใจ เขาก็รีบจูบปิดปากเธออย่างรวดเร็ว

“อ้วนน้อย! ฮึ่ม!” โจวเหว่ยชิงประสบความสำเร็จในการเป็นโจรขโมยจูบ เขาไม่รอช้า รีบเผ่นหนีไปทันทีโดยไม่รอให้เธอแก้แค้นทัน เมื่อเห็นท่าทีฉุนเฉียวของหญิงสาวและอาหารเช้าบนโต๊ะ โจวเหว่ยชิงก็พลันรู้สึกพึงพอใจและอบอุ่นในหัวใจมาก

“อ้วนน้อย ถ้าเจ้ายังทำตัวแย่ๆ อีก ต่อไปข้าจะไม่ทำอาหารเช้าให้เจ้าแล้ว!” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พูดอย่างฉุนเฉียว

โจวเหว่ยชิงยิ้มกว้างพลางคว้าหมั่นโถวไว้และพูดว่า “ปิงเอ๋อร์ที่รักของข้า เจ้าจะหักใจทำเช่นนั้นลงหรือ? นั่นก็แค่จูบ ถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับสามีภรรยาอยู่แล้ว!”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์จ้องมองอีกฝ่าย จากนั้นก็ทำท่าทีไม่สนใจเขา เธอนั่งลงและเริ่มกินอาหารด้วยตัวเอง

ในขณะที่พวกเขากินอาหาร โจวเหว่ยชิงก็พูดว่า “ปิงเอ๋อร์ ข้ามีเรื่องบางอย่างจะเล่าให้เจ้าฟังเพื่อเป็นการไถ่โทษ”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์มองเขาอย่างสงสัยขณะที่เธอก้มหน้าลงกินอาหารต่อโดยไม่รู้ว่าเขากำลังจะพูดเรื่องอะไร

โจวเหว่ยชิงเล่นกับหมั่นโถวในมือพลางพูดว่า “หึๆ ครั้งหนึ่งเคยมีการละเล่นทายใจอยู่  ใช้ชายคนหนึ่งเป็นผู้ควบ คุมเกม ในขณะที่อีกสองคนเป็นผู้เล่นเกม ผู้คุมจะหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาให้ผู้เล่นคนใดคนหนึ่งมองเห็นและผู้เล่นจะต้องใช้การกระทำหรือคำพูดเพื่ออธิบายวัตถุนั้น แต่จะไม่สามารถพูดชื่อของวัตถุหรือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสิ่งนั้นได้ ผู้เล่นคนที่สองจะต้องเดาว่าวัตถุนั้นคืออะไรและถ้าเดาถูกพวกเขาก็จะชนะ”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ให้ความสนใจเรื่องนี้มาก เธอตั้งใจฟังขณะที่กำลังกินไปด้วย

โจวเหว่ยชิงม้วนหมั่นโถวกลมๆ ในมือของเขาพลางยิ้มกว้างขณะที่กล่าวว่า “คราวนี้ผู้เล่นทั้งสองเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง ผู้คุมเอาหมั่นโถวออกมาให้ภรรยาดูและมันก็ขึ้นอยู่กับนางแล้วว่าจะบรรยายออกมาอย่างไร ภรรยาใช้มือลูบคลำเป็นวงกลมและพูดกับสามีว่า “มันเป็นลูกกลมๆ สีขาว และเจ้ากินมันเมื่อคืนนี้” ปิงเอ๋อร์ เจ้าเดาซิว่าสามีตอบถูกหรือไม่? “

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวว่า “เขาน่าจะเดาถูก ภรรยาเล่าไว้ชัดเจนแล้วนี่ สิ่งเดียวที่ตรงกับคำอธิบายก็คือหมั่นโถว”

จากนั้นโจวเหว่ยชิงกล่าวด้วยใบหน้าตรงไปตรงมาว่า “ ไม่ สามีเดาผิด หลังจากได้ยินคำพูดของภรรยาเขาก็เดาว่า หน้าอก”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นเธอก็พ่นโจ๊กออกมาเต็มปาก ใบหน้าพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เมื่อมองไปยังโจวเหว่ยชิงที่กำลังนั่งบีบคลึงหมั่นโถวในมือขณะที่จ้องมองหน้าอกของเธอ เธอก็รู้ว่าคนพาลนี่กำลังแกล้งตนอยู่!

“หญิงงามบ้วนโจ๊กออกมาเช่นนี้ถือว่าไม่งามเลยนะ! เดี๋ยวก็สำลักหรอก ช้าลงหน่อยสิ” โจวเหว่ยชิงกล่าวขณะที่ยิ้มอย่างมีเลศนัยและเริ่มลงมือกินอาหารของตนบ้าง

หลังจากนั้นจวบจนกระทั่งเวลาที่ทั้ง 2 คนมาถึงทางเข้าโรงเรียนทหารเฟยหลี่ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ยังคงเม้มริมฝีปากแน่นและเพิกเฉยต่อโจวเหว่ยชิงแม้ว่าเขาจะหน้าด้านพอที่จะจับมือเธอไว้ตลอดทางก็ตาม

“ภรรยา ในที่สุดชั้นเรียนวันนี้ก็เริ่มแล้ว! เจ้าจะต้องตั้งใจเรียนให้ดีล่ะ!” โจวเหว่ยชิงจับมือของเธอและเดินผ่านประตูทางเข้าอย่างหึกเหิม ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พยายามดิ้นรนให้ตนเป็นอิสระแต่ก็ไม่สามารถสลัดมือเขาทิ้งได้

“ข้าต้องตั้งใจเรียนให้ดี? แล้วเจ้าล่ะ?” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พูดอย่างฉุนเฉียว

โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “ ข้ามีหน้าที่แตกต่างกับเจ้า ข้าแค่ต้องเป็นคนที่อยู่หลังม่าน คอยควบคุมชักใยแม่ทัพนายกองที่มีความสามารถเท่านั้น” แม้ว่าภายนอกเขาจะดูผ่อนคลาย แต่ในความเป็นจริงแล้วเขารู้สึกตึงเครียดมาก อย่างไรหมิงฮัวก็เป็นอาจารย์ประจำชั้นของเขา และเขาก็ไม่อาจเดาได้ว่าเธอจะทำอะไรกับเขาบ้าง

ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน ทั้งคู่ก็ก้าวเข้าไปในบริเวณโรงเรียนแล้ว ทว่าทันทีที่พวกเขาเข้าไปในอาคารเรียนหลัก พวกเขาก็ต้องหยุดชะงักกะทันหัน

เป็นกลุ่มนักเรียนหลายสิบคนที่ขวางทางทั้งคู่เอาไว้ พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นนักเรียนชนชั้นสูง ด้วยเครื่องแบบนักเรียนที่ดูยิ่งใหญ่พวกเขา ทุกคนจึงมีบรรยากาศที่ดูสูงส่งมาก

ผู้นำของพวกเขาเป็นเด็กหนุ่มอายุประมาณ 20 ปี และเมื่อมองไปที่อีกฝ่าย ดวงตาของโจวเหว่ยชิงก็เป็นประกายด้วยความประหลาดใจ

รูปร่างหน้าตาของเด็กหนุ่มคนนั้นค่อนข้างธรรมดา แน่นอนว่าเป็นประเภทที่อาจมองข้ามไปได้ถ้าเขาอยู่ในฝูงชนจำนวนมากๆ แต่ทว่านักเรียนชนชั้นสูงทุกคนต่างก็ปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ สายตาของเขาค่อนข้างอ่อนโยนและดูไร้ที่ติ  ใบหน้าของเขาเป็นสีชมพูสุขภาพดี จากภายนอกดูเป็นคนร่าเริงแจ่มใส หากเป็นสถานการณ์อื่น เขาก็คงดูเหมือนคนที่อัธยาศัยดีและไม่เป็นภัยคุกคามใดๆ ผู้หนึ่ง

เย่โหลวที่หลบหนีไปจากที่เกิดเหตุในพิธีเปิดเมื่อวานก็กำลังยืนอยู่ข้างๆ เด็กหนุ่มคนนี้ด้วยท่าทางนอบน้อมพร้อมกับทำหน้าบึ้งไปด้วย

“เจ้าคือเด็กใหม่โจวเหว่ยชิง?” เด็กหนุ่มที่เป็นผู้นำคนนั้นมองไปที่โจวเหว่ยชิงด้วยรอยยิ้มน้อยๆ เสียงของเขาสงบและเยือกเย็นคล้ายกับแววตาของเขา

โจวเหว่ยชิงเอียงศีรษะและตอบว่า “ใช่ ข้าชื่อโจวเหว่ยชิง ส่วนเจ้าคือใคร? แล้วมีธุระอะไรกับข้า?” หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน โจวเหว่ยชิงก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะลดความก้าวร้าวของเขาลงเสียหน่อย อย่างไรนี่ก็คือเมืองหลวงของอาณาจักรเฟยหลี่ มีขุมอำนาจมากมายที่เขาไม่สามารถรับมือได้ เขาได้สร้างชื่อของตนให้เป็นที่รู้จักแล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาควรทำตัวให้สามารถอยู่รอดปลอดภัยต่อไปได้จะดีกว่า ท้ายที่สุดแล้วเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเพราะซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็อยู่กับเขาด้วย

“ศิษย์น้องโจว อรุณสวัสดิ์ ข้าชื่อเย่เป่าเปา เป็นนักเรียนชั้นปีที่ 3 วันนี้ข้ามาหาเจ้าที่นี่โดยเฉพาะเพื่อขอโทษแทนน้องชายของข้าและการกระทำของเขาเมื่อวานนี้” ในขณะที่เขาพูดเช่นนั้น เขาก็โค้งคำนับให้โจวเหว่ยชิงเล็กน้อยเป็นการขอโทษ

เย่เป่าเปา?  ชื่อนี้ไม่คุ้นหูสำหรับโจวเหว่ยชิง แต่เขาน่าจะเป็นลูกพี่ที่เย่โหลวพูดถึงเมื่อวานนี้ โจวเหว่ยชิงคาดเดาได้ว่าเย่เป่าเปาคนนี้น่าจะเป็นหนึ่งในผู้นำของเหล่านักเรียนชนชั้นสูงทั้งหมด

“รุ่นพี่ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ อย่างไรสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตก็เป็นอดีตไปแล้ว” โจวเหว่ยชิงยิ้มแย้มและตอบกลับ ขณะนี้เขาไม่ได้แสดงท่าทีที่บ่งบอกถึงความเย่อหยิ่งและก้าวร้าวเหมือนเมื่อวานนี้เลย

เย่เป่าเปายิ้มน้อยๆ และพูดว่า “ ชื่อของข้าอาจจะแปลกไปสักหน่อยสำหรับเจ้า[1] แต่วันนี้ข้ามาที่นี่ไม่ใช่เพื่อแค่มาขอโทษ แต่ยังอยากมาทำความรู้จักกับศิษย์น้องด้วย ท้ายที่สุดแล้วการกระทำของเจ้าในพิธีเปิดเมื่อวานนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจและน่าประทับใจมาก ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลาง ข้าจึงอยากบอกว่าหากในอนาคตศิษย์น้องต้องการขายม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ ข้าก็ยินดีจ่ายเพิ่มให้ในราคาสูงกว่าท้องตลาด 2 ใน 10 ส่วน เอาตรงๆ คือเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับข้า”

เย่เป่าเปาคนนี้ไม่ได้เล่นด้วยง่ายๆ เสียแล้ว! โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างสงบนิ่ง “นั่นยอดเยี่ยมมาก ข้าเพิ่งจะสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์สำหรับนำมาขายพอดี หากท่านสนใจก็สามารถเลือกซื้อได้เลย”

อย่างไรอีกฝ่ายก็มีเงิน ทำไมโจวเหว่ยชิงจะไม่ยอมขายล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้น เห็นได้ชัดว่าเขามาที่นี่เพื่อสร้างสันติภาพ โจวเหว่ยชิงที่จำเป็นต้องอยู่ในโรงเรียนนี้ต่อไปอีกนานจึงไม่จำเป็นต้องหาเรื่องยุ่งยากให้กับตัวเองด้วยการทะเลาะกับเย่เป่าเปาอย่างไร้เหตุผล สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเย่เป่าเปานั้นแตกต่างจากเย่โหลวอย่างมาก ราวกับสวรรค์กับนรกอย่างแท้จริง แม้ว่าเขาอาจจะไม่ใช่เป็นคนดี แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่คนน่ารำคาญหรือพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น

หลังคิดได้เช่นนั้น โจวเหว่ยชิงก็เอื้อมมือไปที่สร้อยมิติของเขาและหยิบม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางที่เขาสร้างขึ้นเมื่อวานออกมา

เมื่อเห็นโจวเหว่ยชิงหยิบม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ออกมาทีละกล่อง เย่เป่าเปาก็อดไม่ได้ที่จะชะงักไปนาน จากการกระทำของโจวเหว่ยชิงเมื่อวานนี้ เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะยอมลงให้เขามากขนาดนี้ ดูอย่างไรทั้งสองฝ่ายก็น่าจะต้องเป็นศัตรูกันมากกว่า จริงๆ แล้วก็เป็นดั่งที่โจวเหว่ยชิงคาดการณ์เอาไว้นั่นแหละ เขามาที่นี่ในวันนี้เพื่อสร้างสันติภาพ แต่ก็ไม่คิดว่าโจวเหว่ยชิงจะเชื่อใจเขาง่ายดายขนาดนี้

เย่เป่าเปารับกล่องไม้ 5 กล่องจากมือของโจวเหว่ยชิงและเปิดกล่องหนึ่งออก กวาดตามองเพียงครั้งเดียว เขาก็แสดงสีหน้าทั้งประหลาดใจและพึงพอใจออกมา

“นี่คือม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลาง!”

…………………………………………………………….

[1] 泡泡 (เป่าเปา) แปลว่าฟองสบู่