บทที่ 52.2 เย่เป่าเปาและแบบทดสอบ (2)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

เย่เป่าเปาพยักหน้าเห็นด้วยและยิ้มอย่างมีความสุขขณะที่เขากล่าวว่า “ในกรณีนี้ข้าจะเลือกไป 2 กล่อง พูดตามตรง ศิษย์น้อง เจ้าควรขายที่เหลือให้กับโรงเรียนนะ อย่างน้อยพวกเขาก็ช่วยเหลือเจ้ามากทีเดียว! ข้าไม่เคยเห็นโรงเรียนทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้เพื่อเด็กนักเรียนคนหนึ่งมาก่อน

โจวเหว่ยชิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ทำเรื่องใหญ่?”

เย่เป่าเปาพยักหน้าและกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าศิษย์น้องจะยังไม่ได้ยินข่าวนี้สินะ เมื่อวานนี้หลังจากพิธีเปิดสิ้นสุดลง โรงเรียนก็เรียกตัวข้าและชนชั้นสูงคนอื่นๆ ที่มีผู้ติดตามเป็นนักเรียนสามัญชนมาเพื่อตำหนิและตักเตือนอย่างจริงจังว่าห้ามทำอะไรเจ้าเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นพวกเราจะโดนไล่ออกจากโรงเรียน เท่าที่ข้ารู้ สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของโรงเรียนและพูดได้ว่าศิษย์น้องได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ขึ้นแล้ว! นั่นแสดงให้เห็นว่าโรงเรียนให้ความสำคัญกับเจ้ามากเพียงใด”

เนื่องจากโจวเหว่ยเต็มใจรับข้อเสนอเพื่อสันติภาพของเขาและยินดีที่จะขายม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางให้กับเขา เย่เป่าเปาจึงต้องยื่นหมูยื่นแมวและแจ้งข่าวให้เขาทราบด้วย เขาย่อมแตกต่างจากเย่โหลวที่มีวิสัยทัศน์แคบๆ เพราะว่าเย่เป่าเปานั้นคิดถึงผลลัพธ์ระยะยาวมากกว่า หลังฟังคำอธิบายจากเย่โหลวเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานและถูกโรงเรียนเรียกพบทำเขารู้ว่าโจวเหว่ยชิง เด็กนักเรียนรุ่นน้องผู้นี้เป็นบุคคลที่ไม่สามารถแตะต้องได้ และคนที่กล้าทำเช่นนั้นจะต้องเดือดร้อนแน่ๆ

ด้วยเหตุนั้น เขาจึงต้องพยายามแก้ไขความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ และพยายามทำให้โจวเหว่ยชิงคิดว่าตนเป็นพวกเดียวกันให้ได้ นั่นจะทำให้เขาได้รับประโยชน์สูงสุดจากสถานการณ์เช่นนี้ ความคิดนี้คล้ายคลึงกับหมิงอู๋มาก แต่เดิมเย่เป่าเปายังกังวลอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าโจวเหว่ยชิงผู้นี้ก็เป็นคนฉลาดเช่นกัน เพราะฉะนั้นเมื่อคนฉลาดสองคนต่อรองผลประโยชน์กัน เรื่องย่อมจบลงง่ายกว่า

เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เป่าเปา โจวเหว่ยชิงก็ค่อนข้างประหลาดใจ แม้ว่าท่านคณบดีเซียวจะสัญญากับเขาว่าจะนำเรื่องนี้ไปพิจารณา แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะดำเนินการเพื่อเขาไปไกลถึงขนาดนี้ ถึงกับไปว่ากล่าวตักเตือนผู้นำนักเรียนชนชั้นสูงเหล่านี้ นั่นทำให้โจวเหว่ยชิงรู้สึกติดค้างอีกฝ่ายมาก แน่นอนว่าต่อหน้าเย่เป่าเปา โจวเหว่ยชิงไม่ได้เปิดเผยความรู้สึกของเขาออกมา ทำเพียงแค่ยกยิ้มน้อยๆ และกล่าวว่า “นั่นเป็นความเมตตาของอาจารย์จริงๆ ข้าเองก็รู้สึกลำบากใจกับการเอาใส่ใจที่มากมายขนาดนี้เช่นกัน”

เย่เป่าเปายิ้มตอบและกล่าวว่า “เอาล่ะ พวกเราไม่ควรอยู่ที่นี่นานจนขวางทางเข้าอาคารเรียน มาสรุปกันเถอะ จากม้วนคัมภีร์ทั้ง 5 กล่องนี้ ข้าจะเลือกไปก่อน 2 กล่อง ตอนนี้ราคาตามท้องตลาดของม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางอยู่ที่ประมาณ 150,000 – 200,000 เหรียญทอง เนื่องจากศิษย์น้องใจดีมากที่ให้ข้าได้เลือก ดังนั้นข้าจึงจะตอบแทนด้วยการมอบราคาที่ดีที่สุดให้เจ้า 450,000 เหรียญทองเป็นอย่างไร?”

450,000 เหรียญทองเป็นราคาที่ดีมากทีเดียว! เป็นความจริงที่ว่ายิ่งม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์มีระดับสูงเท่าไร กำไรก็จะมากขึ้นเท่านั้น! แม้แต่โจวเหว่ยชิงก็ค่อนข้างตกใจกับราคาของมัน หากขายม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางทั้ง 2 กล่องนี้ไป นั่นจะทำให้เขามีรายได้มากกว่าการขายม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับพื้นฐาน 10 กล่องที่เขาขายให้กับสำนักกักเก็บทักษะไปก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ! นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับม้วนคัมภีร์ระดับพื้นฐานที่ต้องใช้ถึง 1,000 ใบต่อกล่อง ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางใช้เพียง 100 ใบต่อกล่องเท่านั้น แม้ว่าวัสดุที่ใช้จะมีค่าและราคาแพงกว่า แต่โดยรวมแล้วจำนวนเงินทุนที่ใช้ต่อกล่องก็ยังถูกกว่าม้วนคัมภีร์ระดับพื้นฐานไปเล็กน้อย

“ศิษย์พี่ ราคานั้นสูงเกินไปหน่อย ข้าว่า 400,000 เหรียญทองก็พอแล้ว” โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างเต็มที่และพูดด้วยท่าทีพึงพอใจ จำกัดศัตรูไปได้หนึ่งคนและยังได้รับเงินในเวลาเดียวกันด้วย เช่นนี้เขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไร

เย่เป่าเปากล่าวด้วยท่าทีอย่างจริงจัง “ไม่ ไม่ ข้าจะไม่ยอมให้ศิษย์น้องเสียประโยชน์เช่นกัน อย่างไรข้าก็ยังต้องการซื้อม้วนคัมภีร์จากเจ้าเพิ่มอีก ในอนาคตข้าหวังว่าเมื่อศิษย์น้องกลายเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ เจ้าจะยังจำข้าได้ แม้ว่าราคาที่ข้าให้จะสูงกว่าท้องตลาด แต่ตอนนี้ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์เหล่านี้มีน้อยและขาดแคลนมาก คนรวยหลายคนก็ยังไม่อาจหาซื้อได้แม้จะมีกำลังทรัพย์มากพอจะจ่ายก็ตาม ราคาเช่นนี้ถือว่าคุ้มค่าสำหรับข้าอย่างแน่นอน ศิษย์น้องไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวเกินไป”

ในขณะที่พูดเช่นนั้น เขาก็ขอให้นักเรียนชั้นสูงคนอื่นๆ ช่วยตนถือม้วนคัมภีร์ทั้ง 5 กล่องและเลือกหยิบออกมา 2 กล่อง จากในนั้น ไม่นานเขาก็คืนอีก3กล่องให้โจวเหว่ยชิงด้วยท่าทีอิดออดเล็กน้อย ในเวลาเดียวกันเขายังส่งบัตรเก็บเหรียญทองให้โจวเหว่ยชิงด้วย

“บัตรเก็บเหรียญทองนี้สามารถใช้ได้ทุกที่ในอาณาจักรเฟยหลี่ ข้างในนั้นมี 500,000 เหรียญทอง ส่วนที่เกินไป 50,000 เหรียญทองศิษย์น้องไม่จำเป็นต้องคืนข้าหรอก ให้นับว่ามันเป็นเงินมัดจำสำหรับการซื้อขายของพวกเราใน อนาคต”

โจวเหว่ยชิงรับกล่องเก็บคัมภีร์ที่เหลือและบัตรเก็บเหรียญทองพลางหัวเราะและพูดว่า “เป็นเช่นนั้นข้าก็อาจจะช่วยเหลือได้ เมื่อม้วนคัมภีร์ชุดต่อไปของข้าเสร็จสมบูรณ์ หากมีสิ่งพิเศษใดๆ ข้าจะเก็บบางส่วนไว้สำหรับศิษย์พี่แน่นอน “

ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนสายตากันอย่างมีความสุขก่อนที่เย่เป่าเปาจะพาลูกน้องของเขาเดินจากไป โจวเหว่ยชิงยืนอยู่ที่เดิมและมองดูพวกเขาจากไปก่อนที่จะหันไปหาซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่ยืนข้างๆ แล้วถามเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ปิงเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ยังคงโกรธอยู่เล็กน้อยจากเรื่องก่อนหน้านี้ เธอส่งเสียงหึในลำคอก่อนที่จะพูดว่า “ก็แค่พวกจอมปลอม 2 คน เจ้าทั้งสองกำลังแข่งกันว่าใครจะเล่นละครได้ดีมากกว่ากัน” เธอสามารถมองเห็นได้อย่างทะลุปรุโปร่งว่าแม้โจวเหว่ยชิงและเย่เป่าเปากำลังพูดคุยกันอย่างสุภาพ แต่ทว่ากลับไม่มีความจริงใจเลยแม้แต่น้อย หลังจากเห็นโจวเหว่ยชิงจัดการกับเย่เป่าเปาได้อย่างง่ายดาย เธอก็รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย เดิมทีเธอคิดว่าแม้อ้วนน้อยของเธอจะมีฝีปากที่ฉลาดหลักแหลม แต่เขาก็ยังค่อนข้างไร้เดียงสา ตอนนี้เธอตระหนักได้แล้วว่าหลังจากเขาใช้เวลา 2 ปีในหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ เจ้าอ้วนน้อยของเธอเติบโตขึ้นแล้วจริงๆ อนิจจา ดังที่ผู้คนเคยกล่าวไว้ว่าความรักทำให้คนตามืดบอด…เธอไม่ได้รู้สึกว่าโจวเหว่ยชิงเป็นคนเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอก แต่แค่เป็นคนเฉลียวฉลาดและแน่วแน่ ผู้ชายคนนี้มักทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยเสมอ ดังนั้นอย่างน้อยพวกเขาก็จะไม่ถูกเอาเปรียบได้ง่ายๆ

โจวเหว่ยชิงหัวเราะและพูดว่า “เจ้าพูดถูกแล้ว การละเล่นต่างๆ ก่อนหน้าควรจบลงได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ข้าก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเมื่อวานท่านคณบดีจะปฏิบัติต่อข้าเป็นอย่างดีเช่นนี้ ดูเหมือนว่าอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์จะเป็นสิ่งล้ำค่าที่หายากมากจากทั่วทั้งทวีป! ปิงเอ๋อร์ภรรยาที่รักของข้า ตอนนี้สามีของเจ้ากลายเป็นสมบัติน่าที่ดึงดูดแล้ว เจ้ารู้หรือไม่!”

“ไปได้แล้ว! ไม่งั้นพวกเราเข้าเรียนสายแน่ อย่าลืมว่าควรใช้จ่ายอย่างชาญฉลาด ถ้าเป็นไปได้เราควรนำเงินกลับไปยังอาณาจักรของเราด้วย” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พูดอย่างเคืองๆ ขณะที่เธอลากเขาเข้าไปข้างใน จากนั้นทั้งสองก็มุ่งหน้าไปยังห้องเรียนของพวกเขา

ตอนนี้เพื่อนร่วมชั้นส่วนใหญ่มาถึงแล้ว เมื่อทุกคนเห็นโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ พวกเขาก็ยิ้มแย้มออกมา ดวงตาของนักเรียนหญิง2-3คนสว่างวาบขึ้นขณะเห็นโจวเหว่ยชิง ทว่าสำหรับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ แม้เธอจะงดงามมาก แต่ก็ไม่มีนักเรียนคนใดกล้ามองเธอตรงๆ

โข่วรุ่ยเดินเข้าหาพวกเขาและเอ่ยทักทาย “หัวหน้า”

โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “เรียกชื่อข้าเถอะ ข้าไม่อยากให้พวกเราเป็นเหมือนกลุ่มผู้มีอิทธิพลอะไรทำนองนั้น”

โข่วรุ่ยส่ายหัวและพูดว่า “จะทำอย่างไรได้ ข้าบอกไปแล้วว่าจะติดตามท่าน ดังนั้นข้าจึงมีกฎบางอย่างที่ต้องปฏิบัติตาม หัวหน้า ท่านเพิ่งเข้ามาในโรงเรียนไม่กี่วัน แต่ท่านกลับมีชื่อเสียงโด่งดังแล้ว ท่านได้ยินข่าวนั้นหรือไม่? เมื่อวานนี้หลังจากพิธีเปิดโรงเรียนได้เรียกผู้นำนักเรียนชนชั้นสูงทุกคนไปว่ากล่าวตักเตือนให้พวกเขาลดท่าทีอวดเบ่งลงเล็กน้อย ที่สำคัญโรงเรียนยังเตือนพวกเขาไม่ให้ลงมือทำอะไรท่าน ในความเป็นจริงตอนนี้ไม่ใช่แค่โรงเรียนของเราเท่านั้น แม้แต่โรงเรียนชั้นนำอีก 2 แห่งก็ได้ยินชื่อของท่านแล้ว ‘นักเรียนปีหนึ่งที่เป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ในโรงเรียนทหารเฟยหลี่’ ”

โจวเหว่ยชิงหัวเราะและกล่าวว่า “เจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการหาข้อมูลข่าวสารอย่างแท้จริง! เจ้ารวบรวมผลการลงทะเบียนทั้งหมดจากเพื่อนร่วมชั้นของเราเมื่อวานนี้เสร็จหรือยัง?”

โข่วรุ่ยหยิบกระดาษกองหนึ่งส่งให้โจวเหว่ยชิงแล้วพูดว่า “ทั้งหมดถูกลงทะเบียนและเรียงลำดับเรียบร้อยแล้ว มีนักเรียน 29 คนในชั้นเรียนของเรา นอกเหนือจากจ้าวมณีสวรรค์ทั้ง 4 คนแล้วมีจ้าวมณียุทธ์ 19 คนและจ้าวมณีธาตุ 6 คน ข้าได้บันทึกสถานะปัจจุบันทั้งหมดของพวกเขาโดยละเอียดในเอกสารเหล่านี้แล้ว หนึ่งแผ่นสำหรับนักเรียนหนึ่งคน”

โจวเหว่ยชิงเริ่มรู้สึกชื่นชอบโข่วรุ่ยมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายทำให้เขาประทับใจในช่วง 2 วันที่ผ่านมาเหลือเกิน แม้ว่าพรสวรรค์ในฐานะจ้าวมณีของเขาจะขาดไปเพียงเล็กน้อย แต่ในแง่ของการทำงานที่ได้รับมอบหมายทั้งหมดให้เสร็จสิ้นนั้น ถือว่าเขาทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมาก ผู้ช่วยที่มีความสามารถเช่นนี้จะช่วยคลายความกดดันให้เขาได้อย่างแน่นอน เช่นเดียวกับที่เขาบอกซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก่อนหน้านี้ เขาไม่จำเป็นต้องมีความสามารถรอบด้าน เพียงแค่สามารถรวบรวมและนำคนที่มีความสามารถมาใช้งานได้ก็เพียงพอแล้ว เพราะหากเขาต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เขาก็คงต้องเหนื่อยแทบตายแน่

โจวเหว่ยชิงเลื่อนมือของเขาไปที่สร้อยมิติ จากนั้นกล่องไม้ที่มีม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา 1 กล่อง เขาส่งต่อให้โข่วรุ่ยพลางพูดว่า “นี่สำหรับเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่มีศาสตรามณียุทธ์ เมื่อเจ้ากลับไปที่หอพัก เจ้าก็สามารถหลอมรวมสิ่งนี้ได้”

“เอ๋?” โข่วรุ่ยชะงัก สายตาของเพื่อนร่วมชั้นทุกคนพลันถูกดึงไปที่พวกเขาทันที ท้ายที่สุดแล้วการกล่าวออกมาก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่การที่มันเกิดขึ้นจริงต่อหน้าพวกเขาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ ยังคงค่อนข้างนิ่งเงียบ สิ่งสำคัญคือไม่เคยมีใครได้รับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์จากโจวเหว่ยชิงจริงๆ มาก่อน ทว่าตอนนี้โจวเหว่ยชิงกลับมอบม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ให้กับโข่วรุ่ยด้วยมือตนเอง แม้กระทั่งหยางเจ๋อชีและหม่าฉุนก็จ้องมองพวกเขาด้วยสายตาร้อนแรง นับประสาอะไรกับนักเรียนสามัญชนคนอื่นๆ ที่ไม่เคยเห็นม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์มาก่อน

โจวเหว่ยชิงขยิบตาให้โข่วรุ่ย เขายิ้มขณะที่เอ่ยว่า “เจ้าเป็นคนแรกที่มาร่วมงานกับข้าและช่วยเหลือข้า ดังนั้นเจ้าควรเป็นคนแรกที่ได้รับรางวัล ข้าครุ่นคิดอย่างหนักเกี่ยวกับสถานการณ์ของเจ้า…เจ้าเป็นมณียุทธ์ประเภทความคล่องตัวและการประสานงานซึ่งจริงๆ แล้วเป็นการผสมผสานที่ประเมินค่าไม่ได้ ปัญหาเดียวก็คือการขาดพลังโจมตี ในบรรดาศาสตรามณียุทธ์ทั้งหมด สิ่งที่ทั้งเหมาะกับคุณสมบัติของเจ้าและยังมีพลังโจมตีที่รุนแรงควรเป็นธนูอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นข้าจึงออกแบบและสร้างคันธนูนี้ขึ้นมาสำหรับเจ้าโดยเฉพาะ ข้าเรียกมันว่า ‘ธนูทรราช’”

ในขณะที่พูดเช่นนั้น เขาก็เปิดกล่องและหยิบม้วนคัมภีร์ออกมาส่งให้โข่วรุ่ยดู

ในเวลาเดียวกันโจวเหว่ยชิงก็ยกมือขวาขึ้น ท่ามกลางหมอกน้ำแข็งหนาทึบ ธนูราชันก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา

“ธนูทรราชนี้มีพื้นฐานมาจากธนูราชันของข้า แน่นอนว่ามันไม่มีหลุมบรรจุมณี อย่างไรก็มีเพียงจ้าวมณีสวรรค์เท่านั้นที่สามารถใช้หลุมบรรจุมณีได้ ข้ายังปรับแต่งเล็กน้อยตามลักษณะของเจ้าโดยการเปลี่ยนจากความสามารถด้านการเพิ่มความแข็งแกร่งดั้งเดิมไปเป็นความสามารถของมณีเจ้า ด้วยเหตุนี้ ความสามารถในการโจมตีของมันจึงอ่อนแอลงเล็กน้อย แต่เนื่องจากเดิมทีธนูราชันก็มีความสามารถในด้านพลังระเบิดทำลายล้างอยู่แล้ว ดังนั้นแค่พลังพื้นฐานของมันก็ช่วยให้เจ้ามีพลังโจมตีเพียงพอแล้ว ในขณะเดียวกันข้าก็เพิ่มความเร็วในการโจมตีเข้าไปด้วย หากใช้อย่างถูกต้องก็สามารถกลายเป็นศาสตรามณียุทธ์ที่ทรงพลังมากชิ้นหนึ่ง”

เมื่อได้ยินคำพูดของโจวเหว่ยชิงสายตาของโข่วรุ่ยก็ดูบ้าคลั่งขึ้นมา มือของเขาถึงกับสั่นระริก เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าตนจะได้รับศาสตรามณียุทธ์มาอย่างง่ายดายเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งนี้ถึงกับออกแบบมาสำหรับเขาโดยเฉพาะ! ความรู้สึกซาบซึ้งท่วมท้นขึ้นมาในใจของเขา เมื่อเขารับกล่องไม้มา เขาก็ตื่นเต้นมากจนพูดไม่ออก ยิ่งไปกว่านั้น ทั่วทั้งห้องยังตกอยู่ในความเงียบ

………………………