บทที่ 301 การมาเยี่ยมเยือนของเซียวจื่อเซวียน + บทที่ 302 จุดประสงค์อันชัดเจน

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 301 การมาเยี่ยมเยือนของเซียวจื่อเซวียน

อวี้เฟิงและเหมยรั่วหลินออกจากเมืองหลวงหลังทานอาหารเสร็จเพราะจำต้องกลับไปดูแลสำนักอวี้หลิน แต่หนิงเมิ่งเหยายังอยู่ที่นี่ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องคอยระวังหลังให้กับนาง อีกทั้งยังต้องคอยจัดหาข้อมูลให้นางในเวลาอันเหมาะสมอีกด้วย

การที่เหมยรั่วหลินและอวี้เฟิงมาเยี่ยมและกลับไปอย่างปุบปับเช่นนี้ทำให้หนิงเมิ่งเหยาค่อนข้างผิดหวังและรู้สึกเศร้าอยู่เล็กน้อย

“หลังจากเรื่องนี้จบลง ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวให้ทั่ว เมื่อถึงตอนนั้น ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขาเท่าที่เจ้าต้องการเลย” เฉียวเทียนช่างกระซิบเบาๆ ข้างหูนาง

หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้าอย่างหมดเรี่ยวแรง นางรู้ดีว่าไม่มีงานเลี้ยงไหนไม่มีวันเลิกรา ทุกคนต่างต้องกลับไปใช้ชีวิตของตนเอง ทั้งสองรีบกลับมาก็เพื่อนาง ทว่านางกลับยังไม่อยากลาจากพวกเขาเลยแม้แต่น้อย นางไม่อยากเห็นพวกเขาเอาแต่วิ่งวุ่นไปมาเช่นนี้

เฉียวเทียนช่างดึงนางเข้ามากอดและปลอบนางเงียบๆ

“ข้าอยู่ข้างกายเจ้าเสมอ”

“ข้ารู้”

หลังจากเหมยรั่วหลินและอวี้เฟิงกลับไป จวนแม่ทัพดูเหมือนจะเงียบกว่าทุกที แต่มันก็เป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้น เฉียวเทียนช่างแอบไล่ผู้คนซึ่งมาพบหนิงเมิ่งเหยาที่จวนแม่ทัพกลับไปแล้วหลายคน เบื้องหลังเฉียวเทียนช่างส่งคนจำนวนหนึ่งมาที่จวนแม่ทัพเพื่อคอยคุ้มกันหนิงเมิ่งเหยาอยู่อย่างลับๆ

หนิงเมิ่งเหยากำลังจะออกไปข้างนอกกับชิงซวง แต่พอนางก้าวเท้าออกไปหน้าประตู ก็เห็นเซียวจื่อเซวียนยืนอยู่ด้านนอก นางมองหนิงเมิ่งเหยาด้วยสายตาไม่พอใจ

เมื่อเซียวจื่อเซวียนเห็นว่าหนิงเมิ่งเหยาทำเป็นไม่สนใจนางและเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะชายตามามอง สีหน้าของนางก็กลายเป็นสีเขียวสลับขาว ดูน่าเกลียดยิ่งนัก

“หนิงเมิ่งเหยา เจ้าหยุดอยู่ตรงนั้นเดี๋ยวนี้!” เซียวจื่อเซวียนตะโกนด้วยความโมโห

หนิงเมิ่งเหยาหยุดฝีเท้าลงแล้วมองเซียวจื่อเซวียน “เจ้ามีเรื่องอะไรกับข้าหรือ”

“หนิงเมิ่งเหยา เจ้าเป็นคนไร้ยางอายเช่นนี้ได้อย่างไร เจ้าแต่งงานแล้วแต่ก็ยังมายั่วยวนสามีของข้าอีก ข้าสงสัยนักว่าเฉียวเทียนช่างรู้เรื่องนี้หรือไม่” เซียวจื่อเซวียนจ้องหนิงเมิ่งเหยาเขม็งขณะกัดฟันพูด

ชิงซวงชะงัก นางอยากจะตอบโต้ แต่ถูกหนิงเมิ่งเหยาห้ามไว้ก่อน

หนิงเมิ่งเหยาเดินตรงเข้าไปหาเซียวจื่อเซวียน แล้วมองนางอย่างไม่แยแส “เจ้าบอกว่าข้ายั่วยวนหลิงหลัวรึ เขามีอะไรดีพอให้ข้าต้องไปยั่วยวนด้วยหรือ” หนิงเมิ่งเหยานึกขันในคำพูดของเซียวจื่อเซวียนยิ่งนัก

“เจ้า…”

“ข้าอะไรเล่า หลิงหลัวสามารถเทียบกับเฉียวเทียนช่างได้หรือเปล่า ข้ามีสามีที่ดีขนาดนั้นอยู่แล้ว แล้วทำไมข้าจะต้องออกไปยั่วคนอื่นอีก เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว” หนิงเมิ่งเหยาว่าต่อโดยไม่เปิดโอกาสให้เซียวจื่อเซวียนได้เอ่ยปากพูด

ท่าทางที่แสดงออกถึงความรังเกียจของหนิงเมิ่งเหยานั้นหนักหนาเกินกว่าที่เซียวจื่อเซวียนจะรับได้ ความรู้สึกของนางใกล้เคียงกับอาการสำลักด้วยความขยะแขยงและหายใจไม่ออกหลังจากกลืนแมลงวันเข้าปาก

ท่าทางที่นางแสดงออกทำเอาเซียวจื่อเซวียนรู้ว่าตนเผลอหยิบเรื่องที่หนิงเมิ่งเหยาไม่อยากได้ยินมาพูดเข้าเสียแล้ว และความคิดนั้นทำให้สีหน้าของนางบิดเบี้ยวยิ่งกว่าเดิม

เซียวจื่อเซวียนจ้องหนิงเมิ่งเหยา หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น “ถ้าเป็นเช่นที่เจ้าพูดก็ดี หากเจ้ากล้าทำอะไรกับเขา ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกว่าตายเสียยังดีกว่า”

หนิงเมิ่งเหยาเยาะขึ้นด้วยความรังเกียจ “ทำให้ข้ารู้สึกว่าตายเสียยังดีกว่าหรือ ข้าล่ะอยากเห็นนักว่าเจ้าวางแผนจะทำให้ข้ารู้สึกเช่นนั้นได้อย่างไร”

“เจ้า…”

หนิงเมิ่งเหยาไม่ปล่อยให้เซียวจื่อเซวียนพูดต่อ นางหันหลังและเดินจากไปพร้อมชิงซวง ทิ้งเซียวจื่อเซวียนไว้ด้านหลัง

คนที่เฝ้าประตูทางเข้าจวนล้วนไม่พอใจกับคำพูดของเซียวจื่อเซวียน ฮูหยินของตนนั้นเป็นคนดีเสียยิ่งกว่าดี แล้วชายาซื่อจื่อผู้นั้นมีสิทธิ์อะไรจึงมาพูดกับฮูหยินเช่นนั้นได้ แบบนี้มันเกินไป

ไม่ได้การ พวกเขาจะต้องเอาเรื่องนี้ไปรายงานให้ท่านแม่ทัพทราบ แล้วให้ท่านแม่ทัพจัดการแทนฮูหยินเสีย

ชิงซวงเดินตามหลังหนิงเมิ่งเหยา นางบ่นพึมพำด้วยความไม่พอใจว่า “คุณหนู เหตุใดท่านจึงยอมให้นางทำตัวโอหังถึงเพียงนั้นได้เจ้าคะ”

ริมฝีปากของหนิงเมิ่งเหยาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มจางๆ “โอหังหรือ ข้าเกรงว่าตำแหน่งของเซียวจื่อเซวียนในจวนตระกูลหลิงตอนนี้ยังเอาไปเทียบกับคนรับใช้ไม่ได้เลย”

“คุณหนูหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ” ชิงซวงสับสน นางมองหนิงเมิ่งเหยาด้วยความงุนง

หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้า “หากไม่ได้เป็นเช่นนั้น นางก็คงไม่มาหาข้าหรอก”

เซียวจื่อเซวียนรู้ตัวดี หากหนิงเมิ่งเหยาไม่คิดอยากกลับไปอยู่กับหลิงหลัว เช่นนั้นแล้วนางก็ยังคงพอมีโอกาสที่จะได้รับความรักจากหลิงหลัวอยู่บ้าง แต่หากหนิงเมิ่งเหยาคิดจะคืนดี หลิงหลัวก็คงจะไม่หันมามองนางอีกเป็นแน่ และไม่ใช่แค่หลิงหลัว แต่รวมถึงทุกคนในจวนตระกูลหลิงด้วย

หากจะเทียบกันระหว่างสนมเอกที่หมดอำนาจไปแล้วกับตัวนางที่มีทั้งพลังและอำนาจ ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้โง่ ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าพวกเขาควรจะเลือกเอาใจใครมากกว่า

วันนี้เซียวจื่อเซวียนมาที่นี่เพียงเพราะต้องการดูท่าทีของนาง ไม่ได้มีจุดประสงค์จะมายั่วโมโหนางจริงๆ

สำหรับเรื่องนี้ หนิงเมิ่งเหยาไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพราะเซียวจื่อเซวียนนั้นไม่มีค่าอะไรให้นางต้องเสียเวลาด้วยแม้แต่น้อย

บทที่ 302 จุดประสงค์อันชัดเจน

ชิงซวงเองก็ไม่ใช่คนโง่เขลา นางเข้าใจได้ในทันทีหลังจากหนิงเมิ่งเหยาชี้ประเด็นให้ฟัง “เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

หนิงเมิ่งเหยายิ้มแล้วพยักหน้า “ดีแล้วที่เจ้าเข้าใจ”

ทั้งสองเดินไปบนถนน บางครั้งก็พูดคุยกันเบาๆ

หนานกงเช่อเห็นหนิงเมิ่งเหยาอยู่ไกล ๆ เขาหรี่ตามองก่อนเดินตรงเข้าไปหาหนิงเมิ่งเหยาและชิงซวง

“คุณหนู หนานกงเช่อมาเจ้าค่ะ” ชิงซวงมองหนานกงเช่อ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความระแวดระวัง นางจำสิ่งที่คุณหนูเหมยบอกได้ขึ้นใจ

หนิงเมิ่งเหยามองหนานกงเช่อที่กำลังเดินตรงมาหา สายตาของนางเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งและดูเฉยเมย

“ไปกันเถอะ เราทำเป็นไม่เห็นเขาก็แล้วกัน”

“เจ้าค่ะ”

ทั้งสองเดินตรงไปทางหนานกงเช่อ ทว่าก่อนที่จะสวนกัน พวกนางกลับเดินเลี้ยวออกไปด้านข้างแทน ราวกับไม่สังเกตเห็นว่าหนานกงเช่ออยู่ตรงนั้น

“แม่นางหนิง ได้โปรดรอก่อน” หนานกงเช่อเอ่ยขึ้นมาตรงๆ แต่วิธีการที่เขาใช้เรียกนางนั้นฟังไม่เข้าหูนางเอาเสียเลย นางหันกลับไปมองหนานกงเช่อ “มีอะไรหรือ”

“ข้าเพียงสงสัยว่าข้าจะขอเลี้ยงชาเจ้าสักถ้วยได้หรือไม่” หนานกงเช่อมีรอยยิ้มหลงตัวเองอยู่บนใบหน้า

หนิงเมิ่งเหยามองชายที่ทั้งขี้อวดและหลงตัวเองซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าตน

”ไม่ล่ะ ที่สำคัญกว่านั้น ข้าแต่งงานแล้ว กรุณาเรียกข้าว่าฮูหยินเฉียวด้วย”

หนานกงเช่อนิ่วหน้า เขาไม่พอใจกับการปฏิเสธของหนิงเมิ่งเหยา

“แม่นางหนิง…”

“องค์รัชทายาทหนานกงไม่เข้าใจที่ข้าพูดหรือ” หนิงเมิ่งเหยาพูดขัดหนานกงเช่ออย่างเย็นชา

สายตาของหนานกงเช่อเย็นยะเยือกขณะมองหนิงเมิ่งเหยา “ข้าผิดเอง ข้าเพียงสงสัยว่าฮูหยินเฉียวจะช่วยพาข้าเดินชมรอบๆ ในฐานะเจ้าบ้านที่ดีได้หรือไม่”

หนิงเมิ่งเหยาตวัดสายตามองหนานกงเช่อ “ข้าไม่สนิทกับท่าน ท่านไปหาฮูหยินหลิงแล้วให้นางพาชมแทนก็แล้วกัน” ประโยคสุดท้ายที่นางเอ่ยนั้นได้ยินกันเพียงแค่เขากับนาง

สีหน้าของหนานกงเช่อเปลี่ยนไป เขาอยากจะพูดอะไรออกมาแต่หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยตัดหน้า “คงเป็นการดีที่สุดหากองค์รัชทายาทหนานกงอยู่ให้ห่างจากข้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ ความอดทนของข้าไม่มากเท่าใดนัก”

“เจ้า…”

“ชิงซวง ไปกันเถอะ” หนิงเมิ่งเหยาขัดหนานกงเช่อ นางพาชิงซวงหันหลังและเดินจากไป

นางแค่อยากออกมาข้างนอกแก้เบื่อ แต่ใครจะรู้ล่ะว่าพวกนางจะต้องมาเจอคนพรรค์นี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ช่างโชคร้ายจริงๆ

ดวงตาของหนานกงเช่อเดือดพล่านไปด้วยโทสะ ก็ดี หนิงเมิ่งเหยา! ในไม่ช้าข้าจะทำให้เจ้าต้องเสียใจในการตัดสินใจของตนเองวันนี้

ชิงซวงหันหน้ากลับไปมองหนานกงเช่อที่โกรธจนควันออกหูอยู่ตรงนั้น

ดูเหมือนเขากำลังคิดอะไรอยู่ ชิงซวงมองหนิงเมิ่งเหยาอย่างเป็นห่วง “ข้าเกรงว่าหนานกงเช่อจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปเจ้าค่ะ”

“มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา ข้าเกรงว่าจากนี้เขาคงจะยุ่งจนหัวหมุนแทนมากกว่า” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ย คำพูดของนางฟังดูคลุมเครือ

“หมายความว่าเช่นไรหรือเจ้าคะ” ชิงซวงถามด้วยความสับสน

หนิงเมิ่งเหยาส่ายหน้า “ไม่มีอะไร เมื่อถึงเวลาเจ้าก็จะรู้เอง”

ชิงซวงยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกขณะมองหนิงเมิ่งเหยาด้วยความสงสัย แต่ในเมื่อหนิงเมิ่งเหยาไม่คิดจะอธิบาย ในที่สุดนางจึงเลิกถามไป นางทำได้เพียงครุ่นคิดหาความหมายจากคำพูดของหนิงเมิ่งเหยาเพียงลำพัง

เฉียวเทียนช่างกลับมาแล้วตอนที่นางมาถึงจวนแม่ทัพ มีชายสองสามคนอยู่เบื้องหน้า หนึ่งในนั้นมีบรรยากาศชั่วร้ายและเย็นชาแผ่ออกมาจากร่างทั้งร่าง ดวงตาของเขาว่างเปล่า ทว่าเมื่อมองสบตาแล้วก็ทำให้รู้สึกถูกดึงดูดอย่างประหลาด

“เทียนช่าง คนพวกนี้คือ..”

“พวกเขาคือคนที่ข้าบอกเจ้า นี่คือหนานอวี่ ต่อไปในอนาคตหนานอวี่จะติดตามเจ้า” เฉียวเทียนช่างชี้ไปยังชายที่แผ่บรรยากาศอันเย็นยะเยือกออกมา

หนิงเมิ่งเหยาสำรวจหนานอวี่ในขณะที่หนานอวี่เองก็มองนางเช่นกัน

เมื่อพวกเขามาถึง หนานอวี่รู้เพียงว่าภารกิจของเขาคือการติดตามหนิงเมิ่งเหยา และทำให้มั่นใจว่านางจะปลอดภัยในช่วงนี้

“คารวะฮูหยิน” เสียงของหนานอวี่เย็นเยียบไม่ต่างจากเครื่องจักร

หนิงเมิ่งเหยารู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งร่าง เสียงของคนผู้นี้ฟังดูราวกับภูติผีมากเหลือเกิน

“เจ้าไปเถอะ พักผ่อนให้หายเหนื่อยเสีย” เฉียวเทียนช่างหันหน้าไปมองหนานอวี่และคนอื่นๆ หลังจากเห็นหนิงเมิ่งเหยาเข้ามาในจวน “ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ แต่เหยาเหยาเป็นภรรยาข้าและเป็นพี่สะใภ้ของเจ้า ข้าหวังว่าพวกเจ้าทุกคนจะไม่ซักถามอะไรนาง”

“นายท่าน อย่ากังวลไปเลย พวกเราทราบดีขอรับ” คนกลุ่มนั้นพยักหน้า

แต่หนานอวี่กลับกำลังมองไปยังทิศทางที่หนิงเมิ่งเหยาเดินไปแทน “นางช่างยอดเยี่ยมนัก”