ตอนที่ 154 การรวมตัวของผู้ถูกเลือก

แม่ครัวยอดเซียน

“เมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็เข้าไปในตึกนี้แล้วนะ ช่วงที่ข้าอยู่ ตึกนี้จะมีชื่อว่าหอหลิวหลี” หลิวหลีเดินเข้าในตัวตึก

ทันใดนั้นเองในเมืองก็ปรากฏจอภาพขึ้นกลางอากาศ เป็นบรรยากาศที่หลิวหลีกำลังก้าวเข้าสู่ที่พัก พร้อมกับตัวอักษรขึ้นกำกับ:หนึ่งในตึกสีรุ้งหอหลิวหลีแล้ว ผู้เข้าพักคือหลงหลิวหลี

มีคนเข้าพำนัก ณ

“เฮ้ย หลงหลิวหลีเข้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมพวกเราถึงไม่เจอ”

“คนผู้นี้มาพร้อมกับเด็กคนหนึ่งไม่ใช่หรือ เด็กคนนั้นเหมือนจะเข้าพักในตึกสีเงิน นางเกี่ยวข้องอะไรกับหลงหลิวหลี”

“ว่ากันว่าหลงหลิวหลีชอบแต่งตัวเป็นผู้ชาย มีมูลความจริงจริงด้วย”

“คิดไม่ถึงว่าจะใช้ชื่อตัวเองมาเป็นที่พัก ช่างโอหังจริงๆ สมแล้วที่เป็นบุคคลที่พวกเราเคารพนับถือ”

“สุดยอด หลงหลิวหลีเป็นนังมารจริงๆ”  ฮัวจิงเฟยที่เพิ่งจะก้าวเข้าประตูเมืองก็พูดขึ้น

“สมแล้วที่เป็นอาจารย์อา พวกเราเข้าตึกสีเงินแบบทุลักทุเล แต่อาจารย์อากลับเข้าตึกสีรุ้งไปเลย” จื่ออีกับจื่อซูก็มาด้วยเช่นกัน ทำได้เพียงยิ้มขมขื่น นางมิใช่นังหนูเหมือนดังวันวาน

“ในเมื่อหลิวหลีเลือกเสร็จแล้ว ข้าขอเลือกตึกด้านซ้ายของนาง ส่วนตึกนี้จะชื่อหอเวิ่นเทียนจนกว่าข้าจะออกไป” หนานกงเวิ่นเทียนเลือกตึกทางซ้ายของหลิวหลี มีภาพปรากฏขึ้นกลางอากาศในเมืองเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นภาพที่หนานกงเวิ่นเทียนก้าวเข้าไปในตึก พร้อมกับตัวหนังสือกำกับ: หนึ่งในตึกสีรุ้งหอเวิ่นเทียนแล้ว ผู้เข้าพักคือหนานกงเวิ่นเทียน

มีคนเข้าพำนัก ณ

“หนานกงเวิ่นเทียนคนนี้ก็คือหนานกงเวิ่นเทียนจากสกุลหนานกงใช่หรือไม่”

“นอกจากคนสกุลหนานกงที่พวกเราต่างรู้จักกันดี จะยังมีสกุลไหนอีกที่สามารถเลี้ยงปีศาจแบบนี้ออกมาได้”

“ข้าได้ยินมาว่า หนานกงเวิ่นเทียนกับหลงหลิวหลีหมั้นหมายกันแล้ว ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ หากเป็นจริง ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน กรรมพันธุ์ของลูกหลานเป็นอย่างไรรู้ได้โดยไม่ต้องคิดเลย”

“คนนี้ไม่ใช่ผู้ถูกเลือกอัจฉริยะคนต่อจากหลงหลิวหลีหรือ ข้าได้เจอกับผู้ถูกเลือกอัจฉริยะถึงสองคน แต่เดินสวนกันโดยไม่ได้ทักทาย น่าเสียดายๆ”

“สมแล้วที่เป็นหลิวหลีบ้านสกุลหลงกับเวิ่นเทียนบ้านสกุลหนานกง” ลูกหลานบ้านสกุลอื่น ๆ ที่ตามมา เมื่อเห็นคนที่พักอยู่ในเขตสีรุ้ง รู้สึกว่ามันสมควรแล้ว บางคนก็มีความรู้สึกที่ซับซ้อน

หลิวหลีไม่รู้ว่าตัวเองเป็นที่รู้จักไปทั้งเมืองแล้ว นางสำรวจดูภายในตัวตึกอย่างละเอียด มีของครบครัน โดยเฉพาะสระน้ำวิญญาณที่เหมือนกับในมิติของนาง เมื่อถามมั่วหรานแล้วว่าดูดซึมได้ นางจึงดูดซึมอย่างไม่เกรงใจ หนำซ้ำหลิวหลีพบว่าตนเองดูดซึมอย่างไรก็ไม่หมดสิ้น สระน้ำวิญญาณลดลงก็จริง แต่ผ่านไปครู่หนึ่งก็กลับมาเต็มเหมือนเดิม หลิวหลีก็บำเพ็ญเพียรไปพลางดูดซึมไปพร้อมกันอย่างไม่เกรงใจ

“หากรู้ว่าตึกสีรุ้งดีขนาดนี้แต่แรก ข้ายอมลงแรงอีกหน่อยก็คงดี” เยี่ยซิงหวงพึมพำพลางมองท้องฟ้า ในตึกสีขาวตึกหนึ่งพักได้ 2 คน เขาอยู่คนเดียวจนชินไม่ชอบพวกเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเพื่อนบ้านเขาจะพูดมากด้วย

“สวัสดี ข้าชื่อฮัวจิงเฟย มาจากสกุลฮัวที่พวกเจ้ารู้จักกัน” ฮัวจิงเฟยทักทายเพื่อนบ้านอย่างเป็นมิตร เพียงแต่ว่าเพื่อนบ้านคนใหม่ของเขาช่างดูเย็นชาเสียจริง

“สวัสดี เยี่ยซิงหวง” เยี่ยซิงหวงฝืนทักทายเขา

“เจ้าเป็นผู้บำเพ็ญสายมารหรือ ไม่ได้ต่างอะไรจากผู้บำเพ็ญสายธรรมแบบพวกเราเลย แต่ข้ามองพลังบำเพ็ญเพียรของเจ้าไม่ออก เจ้าน่าจะเก่งมาก ทำไมถึงมาอยู่ในตึกสีขาวได้ล่ะ” ฮัวจิงเฟยพบว่าเขามองพลังบำเพ็ญของเพื่อนบ้านไม่ออก มีความสามารถขนาดนั้นทำไมถึงไม่อยู่ในตึกสีรุ้ง มาที่นี่เพื่อจะอำพรางตัวหรือ

“ใช่ ข้าจำเป็นต้องบำเพ็ญเพียร เชิญเจ้าตามสบาย” เยี่ยซิงหวงไม่อยากพูดคุยกับเพื่อนบ้านคนนี้ จึงรีบปิดประตู ข้างในนี้แปลกจริงๆ มีสระน้ำมารที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้ ฮัวจิงเฟยลูบจมูกตัวเอง ผู้บำเพ็ญสายมารช่างเย็นชาเสียจริง

จากนั้นตึกสีรุ้งก็มีคนทยอยเข้ามาเรื่อยๆ ประกอบไปด้วย หยวนเจินผู้บำเพ็ญสายพุทธเข้าพักที่หอไร้นาม, หยวนเทียนผู้บำเพ็ญสายอสูรเข้าพักที่หอนพนภา, ตวนมู่เหยาผู้บำเพ็ญสายเต๋าเข้าพักที่หอหุบเขา, เทพเหมันต์กงเพียวเพียวจากนิมมานเหมันต์เข้าพักที่หอเทพธิดา, เยี่ยซิงขวงผู้บำเพ็ญสายมารเข้าพักที่หอนภาคลั่ง, นักบวชเทียนซินนักบวชสายพุทธเข้าพักที่หอภาวนา, เฟยเผิงผู้บำเพ็ญสายอสูรเข้าพักที่วังเฟยเผิง, หงอวี้ผู้บำเพ็ญสายมารเข้าพักที่วังหงอวี้

ณ ตึกสีรุ้งมีผู้เข้าพักครบสิบคน ดูจากจำนวนแล้ว จำนวนผู้บำเพ็ญสายธรรมมีมากกว่าอสูรและมาร พวกเขาต่างก็เป็นผู้ถูกเลือกในสายบำเพ็ญของตนเอง ไม่รู้จักกันและกัน เพียงแต่เคยได้ยินชื่อหลงหลิวหลีมาบ้าง ผลคืออีกฝ่ายเข้าพักนานแล้ว ทั้ง 8 คนยังไม่มีใครเจอหลงหลิวหลีสักครั้ง กระทั่งหนานกงเวิ่นเทียนยังเจอเพียงแค่ครั้งเดียว

“หลงหลิวหลีเป็นผู้วิเศษมาจากที่ไหน คิดไม่ถึงว่านางอยู่ที่นี่ตั้งนานแล้วยังไม่เห็นหน้าเลย ผู้อาวุโสในเผ่ามารบอกว่าเยี่ยซิงหวงเป็นภัยอันตราย หึ แม้แต่ตึกสีรุ้ง เขายังเข้ามาไม่ได้ จะเป็นพิษภัยอะไรได้ ผู้อาวุโสคงจะแก่เกินไป คิดมากไป” เยี่ยซิงขวงพูดพลางมองไปตึกของหลิวหลี น้องชายที่เคารพนบนอบตัวเองขนาดนั้นจะมาแย่งตำแหน่งพญามารกับเขาได้อย่างไร อีกอย่างหมอนั่นเป็นของเดิมพันจากการเดิมพันของท่านพ่อและผู้บำเพ็ญสายธรรม ฐานะที่แสนจะต่ำต้อยของอีกฝ่าย ก็ตัดสินแล้วว่าอีกฝ่ายไม่มีสิทธิ์แย่งชิงอะไรกับเขาได้

“หลิวหลีเข้าฌานแล้วงั้นหรือ ยังคิดว่าจะมาคุยกับนางเสียหน่อย” หยวนเทียนกล่าว หยวนเทียนในที่นี้ก็คือจิ้งจอกเก้าหางแห่งเมืองต้าเยี่ย  พอนึกถึงเฟยเผิงที่อ้างว่าเป็นเพื่อนบ้านอยากมาเยี่ยมเยียน แต่ความจริงอยากจะมาถามว่าเขาเป็นผู้บำเพ็ญสายอสูรที่มาจากตรงไหนของโลกอสูรกันแน่ หยวนเทียนก็เงียบไปครู่หนึ่ง ผู้บำเพ็ญสายอสูรจำเป็นต้องอยู่ในโลกอสูรหรืออย่างไรนะ

นักบวชสายพุทธสองคนเหมือนได้เจอเพื่อนรู้ใจ พวกเขาพูดคุยกันเรื่องพุทธศาสนาเป็นเวลานาน รู้สึกราวได้เจอกันช้าไป ส่วนคนอื่นนั้นตั้งใจบำเพ็ญเพียร น้อยนักจะออกมาทักทายผู้คนเหมือนกับหลิวหลี รังสีความเย็นชาถือตัวของกงเพียวเพียวทำให้ทุกคนต่างไม่กล้าเข้าใกล้นาง แค่มองก็รู้สึกได้ถึงความสูงส่ง ยากจะผูกมิตร  ส่วนตวนมู่เหยาชอบออกไปเที่ยว นอกจากที่พำนักราชาแล้ว สถานที่อื่นนั้นเขาไปมาหมดแล้ว นอกจากที่พักของหลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียนอันซึ่งเป็นที่ที่เขาอยากจะไปแต่ยังไม่ได้ไป ส่วนผู้บำเพ็ญสายมารหงอวี้นั้นนับถือในตัวโอรสองค์โตของเผ่ามารมาก สองคนนี้ดูเหมือนจะผูกมิตรกัน

ณ ตึกสีเงิน เสี่ยวเสี่ยวส่งแขกคนแล้วคนเล่าที่ทำท่าทีว่าอยากมาเยี่ยมเยียนนาง แต่ที่จริงแล้วต้องการแอบถามข้อมูลเกี่ยวกับพี่หลิวหลีของนาง พี่สาวนางจะเป็นหลงหลิวหลีไม่ได้หรืออย่างไร ทำไมนางจะพยายามด้วยตัวเองไม่ได้ นอกจากคนที่ติดตามแล้วใครก็มาตึกสีเงินได้ แต่นางนั้นกลับออกไปนอกตึกสีเงินไม่ได้ เพราะว่าระดับไม่เพียงพอ เมื่อส่งแขกคนสุดท้ายกลับ หลงเสี่ยวเสี่ยวก็รีบแขวนป้ายบำเพ็ญเพียรไว้หน้าประตู นางรู้สึกกลัวจริงๆ

“อาเช่อ คนพวกนี้น่ากลัวจริงๆ ต่างก็พยายามเข้ามาถามเรื่องของท่านพี่” เสี่ยวเสี่ยวเรียกเสวียนเช่อออกมา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไร้เรี่ยวแรง

“ท่านพี่เป็นคนมีชื่อเสียง” เสวียนเช่อเห็นด้วย ไม่มีใครที่จริงใจเลยจริงๆ ทุกคนต่างก็มีจุดประสงค์อื่นกันทั้งนั้น

“เห้อ ข้าออกมากับนางเพราะอยากเห็นโลกภายนอก นึกไม่ถึงว่าโลกภายนอกจะน่ากลัวเช่นนี้ อาเช่อความสามารถของข้ายังด้อยเกินไป ข้าต้องพยายาม เพื่อไม่ให้ความพยายามที่พี่สาวช่วยดูแลร่างกายให้ข้าต้องเสียเปล่า” เสี่ยวเสี่ยวกำหมัดแล้วพูดขึ้น ตอนนี้นางเพิ่งจะฝึกร่างส่วนดวงจิตสวรรค์ไปเพียงแค่นิดเดียว พูดได้ว่าแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่มีบางเรื่องที่นางรับไม่ค่อยได้นั่นคือพวกปากหวานก้นเปรี้ยว

“เสี่ยวเสี่ยวเจ้าเห็นแจ้งเช่นนี้ ท่านพี่จะต้องดีใจมากแน่” สีหน้าเสวียนเช่อฉายแววภูมิใจ

“อย่ามาแสร้งเป็นผู้ใหญ่อยู่เลย มาบำเพ็ญเพียรกับข้าเลย”

หลินเสี่ยวเจียงที่อยู่ไม่ไกลจากนาง มองประตูด้วยสายตาสับสน เรื่องในตอนนั้นทำให้ผู้นำสกุลหลินไม่พอใจอย่างมาก ถึงแม้ว่าคนในบ้านหลังนั้นจะถูกบ้านสกุลหลินบีบจนหมดทางรอด แต่ก็ไม่อาจคลายความโมโหในใจของผู้นำสกุลได้เลย โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเสี่ยวเสี่ยวมีพื้นฐานร่างกายที่แสนพิเศษก็ยิ่งโมโห เขาก็ได้ยินมาบ้าง เพราะเขาเองก็ไม่ได้สนิทสนมกับน้องสาวคนนี้ แต่ตอนนี้ทั้งสองเดินในเส้นทางเดียวกัน ต่อให้เป็นเช่นนั้นนางกลับไปได้ไวกว่าเขา

ในที่สุดหลิวหลีก็บำเพ็ญเพียรเสร็จก็เปิดประตูออกมา พบว่าทุกตึกมีคนเข้ามาอยู่จนเต็มแล้ว

“เจ้าคือหลิวหลีที่เขาล่ำลือกันใช่หรือไม่” เสียงของตวนมู่เหยาลอยเข้ามา

“ข้าคือหลงหลิวหลี แต่ใช่คนที่เขาล่ำลือกันหรือเปล่านั้นก็ไม่แน่ใจ”

“เจ้าน่าสนใจนัก ข้าชื่อตวนมู่เหยา อาศัยอยู่ที่หอหุบเขาตรงข้ามเจ้า” ตวนมู่เหยาชี้ไปที่ที่ตึกที่ตรงข้ามของหลิวหลี

“หลงหลิวหลี” นี่ก็เป็นผู้ถูกเลือกอัจฉริยะหรือ ดูแล้วไม่มีอะไรแตกต่างจากคนทั่วไป แต่ว่าคนแบบนี้สิถึงจะอันตราย

“หลิวหลี” หนานกงเวิ่นเทียนก็ออกจากฌานแล้วเช่นกัน เห็นหลิวหลีกำลังพูดคุยกับชายแปลกหน้าเข้าพอดี

“เสี่ยวเทียน”

ตวนมู่เหยาเบะปาก ท่าทีแตกต่างกันอย่างมาก ปกติหลงหลิวหลีพูดเสียงเย็นชาราวกับเทพเหมันต์คนนั้น แต่เมื่อหนานกงเวิ่นเทียนปรากฏตัวขึ้น ท่าทีของนางกลับอบอุ่นขึ้นในทันที หลงหลิวหลีเจ้าลำเอียงเช่นนี้ออกจะเกินไปกระมัง

“หลิวหลี เวิ่นเทียน ในที่สุดพวกเจ้าก็ออกฌาน” หยวนเทียนรอคอยวันที่หลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียนออกจากฌาน

“หยวนเทียน เจ้าก็มาเข้าร่วมการจัดอันดับผู้ถูกเลือกด้วยหรือ” หลิวหลีประหลาดใจอย่างมาก ตวนมู่เหยาที่อยู่ข้างๆจับคางตัวเอง หลงหลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียนรู้จักผู้บำเพ็ญสายอสูรที่ไม่ได้อยู่ในโลกอสูรคนนี้ ช่างน่าสนใจจริง ๆ

“อื้ม อย่ามองว่าข้าอายุหลายร้อยปี หากคำนวนตามอายุของเผ่าอสูร ช่วงเวลาที่ข้าเป็นผู้ใหญ่ยังสั้นอยู่” หยวนเทียนอธิบาย

“เข้ามานั่งเถอะ สหายตวนมู่ ขอตัวก่อนแล้วกัน”

เมื่อหนานกงเวิ่นเทียนกับหยวนเทียนเข้าไปในที่พักของหลิวหลี นางก็รีบปิดประตูทันที ตวนมู่เหยาลูบจมูกเบาๆ หลงหลิวหลีคนนี้เข้าถึงยากจริงๆ นางจะรับเฉพาะแขกที่สนิทเท่านั้นไม่ถูกต้อง

คนที่เหลือย่อมไม่พลาดสถานการณ์นี้ เพียงแต่หลงหลิวหลีเย็นชากว่าที่คิดไว้นัก ความสัมพันธ์กับผู้บำเพ็ญสายอสูรผู้นั้นก็น่าสนใจ

เฟยเผิงมองดูคนเผ่าเดียวกับตนเดินเข้าไปในที่พักของผู้บำเพ็ญเพียรที่เป็นมนุษย์ด้วยสีหน้าท่าทางไม่พอใจนัก คิดไม่ถึงว่าจะไม่ยอมคบค้ากับเขาที่เป็นอสูรเหมือนกัน แต่กลับไปเป็นเพื่อนกับมนุษย์ หลังจากที่เยี่ยซิงขวงเจอหลิวหลีแล้วก็รู้สึกว่าหงอวี้เป็นแค่ผู้หญิงทั่วไป จึงไม่เป็นมิตรกับนางเช่นเดิม หงอวี้กัดฟันกรอด หลงหลิวหลีคนนี้ช่างเป็นตัวกาลกิณีจริงๆ

 ………………………………………………