ตอนที่ 155 หลิวหลีผู้ทรงพลังอำนาจ

แม่ครัวยอดเซียน

“หลิวหลี เจ้าคงยังไม่รู้ ผู้บำเพ็ญอสูรที่ชื่อเฟยเผิงชอบมาถามข้าว่าข้ามาจากที่ไหน ข้าเคยไปโลกอสูรมาก่อน ไม่ชอบสภาพแวดล้อมที่นั่นเท่าไหร่นัก พวกเขาพูดข่มกันตลอดเวลา” หยวนเทียนบ่นพึมพำ

“ผู้บำเพ็ญมนุษย์ก็เช่นกัน ตวนมู่เหยาคนนั้นที่ทำทีมาเยี่ยมเยียน แต่ที่จริงมาเพื่อสำรวจชัดๆ ” หลิวหลีปลอบ

“มีอะไรน่าสำรวจกัน” หยวนเทียนไม่พอใจ

“รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ถึงแม้ว่าพวกเราจะคิดว่ามันไม่จำเป็นก็ตาม” หนานกงเวิ่นเทียนเยาะเย้ย

“มีคนรู้จักอยู่สองคน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทำให้ข้ารู้สึกกังวลขนาดนั้น” หยวนเทียนกล่าว

“ตั้งสติหน่อย” หลิวหลีปลอบ

“ออกไปเดินเล่นกันหน่อยดีหรือไม่ ที่นี่มีงานแลกเปลี่ยนสินค้า สามารถเอาของมาแลกกันได้” หยวนเทียนเชิญชวน

“ดีเลย ไปดูกันว่าเจออะไรหรือไม่ เรียกเสี่ยวเสี่ยวไปด้วย” หลิวหลีรู้สึกว่าควรจะโผล่หน้าโผล่ตาได้แล้ว ถึงแม้นางจะรู้สึกว่าหน้าของนางเป็นที่รู้จักไม่น้อยแล้วก็ตาม

“เจ้าก็คือหลิวหลีคนนั้นใช่หรือไม่” เยี่ยซิงขวงปรากฏตัวขึ้นด้านหน้านางอย่างวางมาด

“สวัสดี” หลิวหลีรู้สึกไม่ค่อยชอบคนตรงหน้าเท่าไหร่นัก แววตาสะท้อนความเย่อหยิ่งและเอาแต่ใจ เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา

“การได้เจอกันถือเป็นโชคชะตา ไปด้วยกันเถอะ ไปไป” เยี่ยซิงขวงทำท่าที่เขาคิดว่าดูหล่อเหลาออกมา

“ขอโทษด้วย ข้าจะออกไปกับคู่หมั้นและเพื่อนของข้า พาคนแปลกหน้าไปด้วยคงไม่สะดวกนัก อีกอย่างข้าไม่ค่อยชอบผู้บำเพ็ญสายมาร” หลิวหลีพูดอย่างไม่ไว้หน้า นางบอกกับเยี่ยซิงขวงไปตรงๆว่านางไม่ชอบผู้บำเพ็ญมาร

“เจ้าเป็นเพียงแค่ลูกศิษย์ของสกุลเท่านั้น เหตุใดจึงกล้าล่วงเกินองค์ชายเยี่ยซิงขวงเช่นนี้” หงอวี้ที่อยู่ข้างๆปกป้องอีกฝ่าย

“เขาเป็นองค์ชายของโลกมาร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าที่บำเพ็ญเพียรอยู่ในสำนักสายธรรม” หลิวหลีกระพริบตาอย่างไม่แยแส เป็นสองเส้นทางที่ไม่ได้ทับซ้อนกันด้วยซ้ำ

“เจ้า เจ้าคิดจะจุดชนวนสงครามระหว่างมารกับมนุษย์หรือ” หงอวี้พูดด้วยความโมโห

“ระวังคำพูดด้วย ข้ารับคำกล่าวโทษนี้ไม่ไหว อีกอย่าง หากทำให้ข้าโมโห เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถทำให้เจ้ากลับบ้านเกิดไปได้เลย” หลิวหลีแผ่แรงกดดันออกมา ทำให้ทั้งสองคนจากเผ่ามารกระสับกระส่าย เฟยเผิงที่มองดูอยู่จากในที่พักของตัวเองก็ตกตะลึง พลังอำนาจของอสูรเทพทั้งยังเป็นกลิ่นอายจากโบราณกาล หลงหลิวหลีคนผู้นี้เป็นใครกันแน่

ต่างก็เป็นผู้เข้าพักในตึกสีรุ้งเหมือนกัน แต่ความสามารถพวกเขาแตกต่างกัน ผู้ที่มีพลังบำเพ็ญอยู่ในช่วงรวมกายาแบบหลิวหลีมีไม่ถึง 5 คน หงอวี้เป็นคนที่ได้เข้าตึกสีรุ้งได้แบบฉิวเฉียด จะเป็นคู่ต่อสู้ของหลิวหลีได้อย่างไร องค์ชายแห่งโลกมารท่านนั้นก็เช่นกัน เข้ามาอยู่ในเขตสีรุ้งได้แบบเฉียดฉิว ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ถูกเลือกอัจฉริยะเหมือนนาง แต่ก็ยังต่างจากนางอยู่ดี

หลิวหลีพูดจบก็ออกไปกับหนานกงเวิ่นเทียนและหยวนเทียน

เยี่ยซิงขวงได้สติกลับมา ก็พบว่าตัวเองเหงื่อออกท่วมตัว หลิวหลีแห่งสกุลหลงคนนี้ช่างสมคำเล่าลือจริง ๆ

เยี่ยซิงขวงจากไปนานแล้ว กว่าหงอวี้จึงเพิ่งจะตั้งสติกลับมาได้ ต่อไปเขาจะต้องอยู่ให้ห่างจากหลงหลิวหลี เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง

“อมิตาพุทธ โยมหลงช่างเป็นคนที่ไม่ธรรมดาจริงๆ พลังอำนาจที่ปล่อยออกมา ทำให้อาตมาจะต้องท่องบทสวดไปหลายครั้งถึงจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ” หยวนเจินพูดพลางพนมมือไว้ตรงอก

“อาตมาก็รู้สึกเช่นกัน เห็นว่าโยมหลงนั้นหน้าตาดูมีเมตตา แต่ยากจะคบหา นอกจากคนผู้นั้นจะได้รับการยอมรับจากโยมหลงเท่านั้น” นักบวชเทียนสินพูดต่อ

“หลงหลิวหลี เจ้าเป็นศัตรูตัวฉกาจของข้ากงเพียวเพียวจริงด้วย ข้ากงเพียวเพียวก็ไม่ได้กินหญ้าเสียหน่อย”

“โถ่ เมื่อครู่ข้าต้องใช้กล้ามากขนาดไหนที่จะเข้าไปพูดคุยกับนาง ดูแล้วก่อนนี้หลงหลิวหลีถือว่าเกรงใจมากแล้ว” ตวนมู่เหยาลูบหน้าผากที่ไม่มีเหงื่อแม้แต่น้อย

“คนผู้นี้เป็นเผ่ามนุษย์ เหตุใดจึงมีพลังอำนาจของอสูรเทพที่รุนแรงเช่นนี้” เฟยเผิงพึมพำกับตัวเอง ทั้งยังมีสัมพันธ์อันดีกับผู้บำเพ็ญอสูรคนนั้นที่ไม่รู้ที่มา

ภายในเมืองเทียนสิง พวกหลิวหลีเดินดูรอบๆ หลงเสี่ยวเสี่ยวก็เริ่มบ่นเรื่องต่างให้หลิวหลีฟัง

“ท่านพี่ ท่านคงไม่รู้ว่าคนพวกนั้นมองข้าด้วยสายตาละโมบ พยายามหลอกถามความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่าน” หลายวันมานี้เสี่ยวเสี่ยวลำบากไม่น้อย นางอยากจะแปลงร่างเป็นเสวียนเช่อแล้วหลบเข้าไปอยู่ในมิติอสูรเทพ

“เสี่ยวเสี่ยวลำบากเจ้าแล้ว ดูสิว่าชอบอะไร พี่จะซื้อให้เจ้าเอง” หลิวหลีลูบหัวเสี่ยวเสี่ยวเบาๆ

“เจ้าค่ะ” เสี่ยวเสี่ยวไม่เกรงใจอีก พี่สาวนางมียาศักดิ์สิทธิ์ตั้งมากมาย ทั้งยังเป็นยาที่คุณภาพดีที่สุด พี่สาวย่อมให้นางได้อยู่แล้ว แต่หากคนอื่นต้องการล่ะก็ ต้องขอโทษด้วย นางไม่ได้หน้าใหญ่ขนาดนั้น อีกอย่างนางไม่อยากจะสร้างความลำบากให้กับท่านพี่ของนาง

คนทั้ง 4 ตกเป็นเป้าสายตาคนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ถูกเลือกอัจฉริยะในตึกสีรุ้ง 3 คนออกมาเดินเล่นกับอัฉริยะในตึกสีเงิน ตอนพบว่า 1 ในผู้ถูกเลือกอัจฉริยะคือหลงหลิวหลี ที่มักใช้ยาศักดิ์สิทธิ์แทนการจ่ายเงิน ทุกคนต่างจับจ้องอัจฉริยะจากตึกสีเงินผู้นี้ เพราะพวกเขาพบว่าอัจฉริยะจากตึกสีเงินต้องการอะไร หลิวหลีจะซื้อให้นางทุกอย่าง

“ท่านพี่ ปิ่นปักผมอันนี้ดีจริงๆ เป็นอาวุธได้ด้วย ตอนที่ไม่ใช้สามารถใช้เป็นเครื่องประดับผมได้ ตอนต้องใช้พลังโจมตีก็รุนแรงใช้ได้เลย” เสี่ยวเสี่ยวชอบจนวางไม่ลง หลิวหลีโล่งใจ ยังดี ยังดี เสี่ยวเสี่ยวไม่ได้กลายเป็นคนที่ไม่รักสวยรักงามอย่างนาง หนานกงเวิ่นเทียนที่อยู่ข้างๆก็เหมือนจะคิดเช่นนั้น นางใช้ยาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 6 ในการซื้อ คนขายตื่นเต้นยกใหญ่จึงมอบกำไลข้อมือให้เสี่ยวเสี่ยวอีกหนึ่งวง เป็นกำไลข้อมือเก็บของ พื้นที่ในมิติธรรมดาทั่วไป แต่เสี่ยวเสี่ยวชอบมาก เพราะความงามของตัวกำไล

“ท่านพี่งามหรือไม่” เสี่ยวเสี่ยวปักปิ่นบนหัวแล้วหันถามหลิวหลี

“งดงาม เสี่ยวเสี่ยวเป็นคนสวยอยู่แล้ว เมื่อประดับเพิ่มเติมก็ยิ่งงดงาม” หลิวหลีชมอย่างออกหน้าออกตา

“ท่านพี่ช่างพูดจาน่าฟังเหลือเกิน” เสี่ยวเสี่ยวหน้าแดงน้อยๆ ท่านพี่เอาใจเด็กผู้หญิงเก่งจริงๆ ทำไมนางไม่เป็นพี่ชายนะ

“ฮ่าฮ่า นังหนู เจ้าลองหาดู รอบๆนี้มีของดีอะไรอีกบ้าง” หลิวหลียิ้มแล้วกล่าว พูดถึงเรื่องอาวุธ ศิษย์พี่เทียนเลี่ยนจื่อจะทำมีดล้ำค่าของนางเสร็จหรือยังนะ

ณ สำนักเมฆาคล้อย ทุกคนพามองวิบากศาสตราวุธที่จู่ๆก็ปรากฏขึ้น เลี่ยนเทียนจื่อเป็นนักหลอมอาวุธระดับ 8 แล้วหรือ

“ขอให้สวรรค์ได้โปรดคุ้มครองสำนักเมฆาคล้อย” เสวียนอวี่มองดูวิบากบนฟ้า แต่ถ้าเป็นเช่นนี้คงต้องเปลี่ยนเจ้าหอศาสตราเสียแล้ว

“ไม่รู้ว่าคราวนี้ศิษย์พี่เทียนเลี่ยนจื่อทำอาวุธอะไร อยากรู้จริง ๆ” เทียนเซียนจื่อรู้สึกสนใจอย่างมาก ในฐานะที่เป็นผู้บำเพ็ญเพียร ยาศักดิ์สิทธิ์กับอาวุธเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

“วิบากอัสนีบาตมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว” เทียนเย่ากล่าว

ถึงแม้เทียนเลี่ยนจื่อจะรู้สึกอ่อนล้า แต่ตื่นเต้นอย่างมาก นังหนูหลิวหลีไม่เลวเลยจริงๆ เขาได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากภาพวาดของหลิวหลี ไม่เพียงแต่ทำอาวุธได้ ตัวเขาเองยังบรรลุช่วงรวมกายา มองมีดสั้นสีแดง เทียนเลี่ยนจื่อพลันรู้สึกว่า เขาต้องพัฒนาไปอีกขั้น มิฉะนั้นภายหน้าเขาจะไม่สามารถทำอาวุธคุณภาพเท่านี้ได้ อนึ่งมีดเล่มนี้ยังพัฒนาต่อไปได้

“ยินดีด้วย ศิษย์พี่เทียนเลี่ยนจื่อ” หลายคนพากันมาแสดงความยินดีกับเขา อย่างไรเสียนี่เป็นผลดีต่อสำนัก

“ศิษย์น้องทั้งหลายเกรงใจเกินไปแล้ว ข้าแค่นำหน้าพวกเจ้าไปก่อนเพียงก้าวเดียวเท่านั้น” เทียนเลี่ยนจื่อพูดอย่างอ่อนน้อม

“ศิษย์พี่ พวกข้าขอดูอาวุธที่ท่านทำได้หรือไม่” เทียนเย่ากล่าว

“ได้ แต่ได้แค่ดูเท่านั้น อาวุธชิ้นนี้เป็นอาวุธที่ศิษย์น้องไหว้วานให้ข้าทำ” เทียนเลี่ยนจื่อคิดแล้วกล่าว

“ศิษย์น้องหรือ ศิษย์น้องไหว้วานให้ศิษย์พี่ทำอาวุธให้เมื่อไหร่กัน” ทุกคนต่างสงสัย ตั้งแต่ที่อาจารย์ลุงเสวียนหั่วเข้าฌาน ศิษย์น้องก็ออกตะลอนไปทั่ว ไม่ได้กลับมาที่สำนัก แล้วนางติดต่อศิษย์พี่เทียนเลี่ยนจื่อตอนไหน

“พวกเจ้าคิดจริงหรือว่าที่ช่วงนี้ ที่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นมานั้นตกลงมาจากฟ้าหรืออย่างไร สินแร่ที่นำมาใช้ทำอาวุธ ศิษย์น้องเป็นคนให้มา ให้มาตามความต้องการที่จำเป็นต้องใช้ในการหลอมอาวุธ”

“เป็นเช่นนี้นี่เอง” เสวียนอวี่เข้าใจทันที มิน่าล่ะคุณภาพในการทำอาวุธของหออาวุธจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ศิษย์น้องคงไม่ได้ไปปล้นเหมืองแร่มาใช่ไหม” เทียนอวี้จื่อหยอก

“ก็เป็นไปได้” ในฐานะที่เทียนเย่าพอจะเข้าใจหลิวหลีอยู่บ้างจึงพูดขึ้น

“ใช้ได้เลย มีดสั้นเล่มนี้คงจะต้องมีอะไรพิเศษแน่นอน” เสวียนอวี่หยิบมีดสั้นขึ้นมาดู

“อืม ตามที่ศิษย์น้องขอ ทำให้สามารถปรับขนาดเล็กใหญ่ได้ หลังจากที่หลอมรวมกับเจ้าของ จะสามารถใช้จิตปรับขนาดได้” เทียนเลี่ยนจื่ออธิบายประโยชน์และความพิเศษของอาวุธชิ้นนี้

“ศิษย์พี่ ข้าขอจองอาวุธไว้ก่อนได้หรือไม่” เทียนเซียนจื่อกล่าว

“ข้าขอบอกก่อน ข้าจะต้องเข้าฌานอย่างน้อยหลายสิบปี หลังจากออกฌานแล้ว อาวุธที่ข้าทำขึ้นก็คงไม่สามารถทำได้ออกมาเช่นนี้แน่”

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราจะรอจนกว่าศิษย์พี่เทียนเลี่ยนจื่อจะออกจากฌาน” ความรู้สึกประเดี๋ยวประด๋าวนี้ ทำให้รู้ว่ายากที่เขาจะทำได้เช่นนี้อีกครั้ง

ณ เมืองเทียนสิง

หลังจากเดินวนไปรอบหนึ่ง พวกหลิวหลีที่รู้สึกว่าไม่มีอะไรจะซื้อแล้วก็ตัดสินใจกลับ ทุกคนต่างพากันมองหลิวหลีด้วยความอิจฉาและชื่นชม หลิวหลีซื้อของมากมายขนาดนี้ด้วยยาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด ทั้งยังเป็นยาคุณภาพชั้นเลิศ ที่เขาเล่ากันว่า หลงหลิวหลีบอกว่านอกจากยาศักดิ์สิทธิ์คุณภาพชั้นเลิศแล้ว คุณภาพระดับอื่นเป็นยาเสียทั้งหมดน่าจะเป็นเรื่องจริง อีกอย่างอัตราสำเร็จในการปรุงยาของนางนั้นสูงจนน่ากลัว ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าหลงหลิวหลีมียาศักดิ์สิทธิ์อยู่เท่าใดกันแน่

“ท่านพี่ พวกท่านกลับเถอะ” เสี่ยวเสี่ยวพูดกับพวกหลิวหลี จากสายตาคนรอบข้างแทบจะกลืนนางเข้าไปทั้งตัวอยู่แล้ว พอพี่นางกลับไปแล้ว นางก็รีบแขวนป้ายเข้าฌานทันที

“ได้ เจ้าดูแลตัวเองให้ดี” หลิวหลีพูดจบก็จากไปแล้ว และเข้าใจความกดดันที่ได้รับจากสายตาคนรอบข้าง

ทันทีที่หลิวหลีกลับไป เสี่ยวเสี่ยวก็รีบแขวนป้ายเข้าฌานทันที นางรู้ว่าคนพวกนี้ไม่ปล่อยนางแน่

หลิวหลีกลับมาที่ตึกสีรุ้ง ไม่พูดไม่จา การจัดอันดับผู้ถูกเลือกกำลังจะเริ่มต้นขึ้น พวกเขาเองก็ต้องเตรียมพร้อม เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่กำลังจะมาถึง

……………………………………