ตอนที่ 156 ศึกช่วงชิงอันดับผู้ถูกเลือก

แม่ครัวยอดเซียน

“ศึกการจัดอันดับเริ่มต้นขึ้นแล้ว ขอให้ทุกคนมารวมตัวกันที่ตึกราชา”  จู่ๆ ก็มีเสียงลอยเข้ามา คนที่กำลังพูดคุยหรือนั่งสมาธิต่างทยอยเดินออกจากห้อง

“ศึกการจัดอันดับเริ่มต้นขึ้นแล้ว อยากรู้จริงๆว่าจะเป็นอย่างไร” หลิวหลีลืมตาขึ้นหลังจากนั่งสมาธิ

“ในที่สุดสงครามการจัดอันดับก็เริ่มขึ้นแล้ว หึ หากว่าคนที่ได้ที่หนึ่งในปีนี้มาจากเผ่ามาร คงน่าสนใจไม่น้อย” เยี่ยซิงขวงพูดด้วยความทะนงตน ลืมเรื่องที่ตนเองตกตะลึงกับพลังอำนาจของหลิวหลีอยู่นานกว่าจะตั้งสติได้ไปเสียสนิท

“ต้องได้ตำแหน่งกลับมาสักตำแหน่งให้ได้” ตวนมู่เหยากำหมัดแล้วพูดขึ้น

“หลงหลิวหลี ข้าล่ะอยากเห็นว่าใครกันแน่ที่เป็นอันดับหนึ่ง” กงเพียวเพียวพูดพลางมองไปที่พักของหลิวหลี

“อมิตาพุทธ ศึกการจัดอันดับเริ่มต้นขึ้นแล้ว ถึงอาตมาจะพอใจในสิ่งที่มีแต่ก็ต้องเป็นหน้าเป็นตาให้กับนักบำเพ็ญสายพุทธของเรา” หยวนเจินพนมมือ แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

“ข้าจะต้องเป็นหน้าเป็นตาให้กับผู้บำเพ็ญอสูรให้ได้” เฟยเผิงประกาศกร้าว

“ได้เวลาทดสอบความสามารถของข้าแล้ว” หยวนเทียนพูดพลางมองบนฟ้า

“ศึกการจัดอันดับ หลงหลิวหลี แม้ข้าจะสู้เจ้าไม่ได้ แต่ว่าข้าก็จะทำอย่างสุดความสามารถ” หงอวี้พูดพลางมองที่พักของหลิวหลี

“ข้าแต่พระพุทธเจ้าผู้มีเมตตา ได้เวลาเผยแผ่คำสอนของเราแล้ว” นักบวชเทียนซินกล่าว

“ข้าจะต้องไม่ทิ้งห่างจากหลิวหลีมาก” หนานกงเวิ่นเทียนตั้งปณิธาน

“การจัดอันดับผู้ถูกเลือก ข้าควรจะเข้าไปร่วมด้วยดีหรือไม่ ช่างมัน ให้พี่ชายที่แสนดีของข้าออกหน้าออกตาไปก็แล้วกัน” เยี่ยซิงหวงมองไปที่ท้องฟ้าแล้วพึมพำกับตัวเอง

“การจัดอันดับผู้ถูกเลือก ข้ามาแล้ว ยังไงก็จะต้องพยายามติด 20 อันดับแรกให้ได้” ฮัวจิงเฟยถูมือพลางเอ่ย

“การจัดอันดับผู้ถูกเลือกหรือ ท่านพี่บอกให้ข้ามาเปิดหูเปิดตา แต่ข้าก็อยากจะลองดู” หลงเสี่ยวเสี่ยวมองท้องฟ้าด้วยแววตาที่มุ่งมั่น

“การจัดอันดับผู้ถูกเลือกเริ่มต้นขึ้นแล้ว ไม่รู้ว่าหลิวหลีจะได้อันดับที่เท่าไหร่” หลงซินเยว่มองตัวอักษรที่ปรากฏขึ้นบนฟ้า พลันเป็นห่วงลูกสาวคนโตที่กำลังช่วงชิงอันดับผู้ถูกเลือกอยู่แดนไกล

“ท่านแม่ ท่านว่าท่านพี่จะได้อันดับหนึ่งมาครองหรือไม่เจ้าคะ” โม่หลีถามมารดาตนเองอย่างสงสัย ตั้งแต่นางเกิดมา นางก็รู้ว่านางมีพี่สาวที่มากความสามารถที่สุดในโลกบำเพ็ญ พี่สาวให้ของนางมาใช้มากมาย อีกอย่างไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของนางสักคน

“ไม่แน่ใจเท่าไหร่ อย่างไรเสียคนเก่งก็มีมาก แม่แค่หวังว่าพี่สาวของเจ้าจะทำอย่างเต็มที่ก็เพียงพอ” หลงซินเยว่พูดพลางลูบหัวลูกสาวคนเล็ก

“ข้าเข้าฌานมานานขนาดนี้ นังหนูหลิวหลีคงเข้าร่วมการจัดอันดับผู้ถูกเลือกแล้วกระมัง” เสวียนหั่วที่เพิ่งออกจากการเข้าฌานพูดขึ้นพลางมองบนฟ้า

ทั่วทุกสารทิศต่างเห็นข่าวเรื่องการจัดอันดับผู้ถูกเลือก พากันคาดหวังให้คนที่ตนรู้จักมีรายชื่ออยู่ในนั้น

ทุกคนรวมตัวกันอยู่ตรงหน้าตึกราชา เพื่อรอคำสั่งต่อไป

หุ่นเชิดเด็กสาวเดินออกมาจากตึกราชา

“เขิญทุกท่านเดินไปจนสุดบันไดนี้” หุ่นเชิดร่างเด็กสาวพูดจบก็เดินไป

พอทุกคนหลังจากฟังจบก็ทยอยกันเดินขึ้นไป

“หลิวหลี ทำไมถึงยังไม่ไปอีก” หนานกงเวิ่นเทียนสงสัยว่าทำไมหลิวหลีถึงไม่เดิน นางไม่เดิน คนทสนิทกับหลิวหลีก็ไม่เดินเช่นกัน หยวนเทียน ฮัวจิงเฟย เสี่ยวเสี่ยว ก็ชะงักนิ่ง ฮัวจิงหงเห็นฮัวจิงเฟยไม่เดิน ตนเองก็ยอมไม่ขยับเขยื้อนเช่นกัน

“ไม่มีอะไร ข้าจำได้ว่าครั้งแรกที่ไปสำนักเมฆาคล้อย ข้าก็ต้องเดินขึ้นบันไดเช่นกัน เรียกว่าบันไดเมฆา ไม่รู้บันไดนี้มีชื่อว่าอะไร” หลิวหลีย้อนนึกภาพตอนตนเองอายุ 6 ขวบที่เพิ่งมาที่โลกบำเพ็ญเพียรเป็นครั้งแรก

“ใช่ ที่บ้านพวกเราก็มีของคล้ายๆแบบนี้เช่นกัน แต่ข้ากลับลืมไปเสียได้” ฮัวจิงเฟยกล่าว

“ไปเถอะ ข้ารู้สึกว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น” หลิวหลีพูดพลางส่ายหัว

พอก้าวขึ้นบันไดก็รู้สึกได้ถึงแรงกดหนักๆ แต่พอจะรับไหว แต่เมื่อยิ่งเดินขึ้นไปแรงกดดันก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกเปลืองแรงไม่น้อย อย่างไรนางมีพลังบำเพ็ญเพียรต่ำที่สุด พวกหลิวหลีจึงเดินไปพร้อมนาง

“ท่านพี่ พวกท่านไปกันก่อนเถอะ พลังบำเพ็ญเพียรของข้าต่ำเกินไป เป็นภาระของพวกท่านเปล่าๆ” เสี่ยวเสี่ยวพูดพลางจับมือหลิวหลี

“ก็ได้ แต่ถ้าเสี่ยวเสี่ยวรู้สึกว่าตัวเองไม่ไหว ก็หยุดตรงนั้นบำเพ็ญเพียรก่อน พอรู้สึกดีขึ้นแล้วค่อยเดินต่อ” หลิวหลีกำชับเสี่ยวเสี่ยว

“รู้แล้วเจ้าค่ะ ท่านพี่”

“พวกเจ้าก็ด้วย ถ้าเริ่มไม่ไหวหรือพอถึงขีดจำกัด ก็นั่งทำสมาธิก่อน พอไหวแล้วค่อยเดินต่อ อีกอย่างพวกเจ้าอย่าฝืนตัวเอง” หลิวหลีกำชับคนอื่นๆ

“เข้าใจแล้ว” คนอื่นก็เข้าใจเช่นกัน

“หลิวหลี เจ้ามีความคิดอะไรแล้วใช่หรือไม่?” ฮัวจิงเฟยถาม มิเช่นนั้นคงไม่ให้เสี่ยวเสี่ยวบำเพ็ญเพียร

“มีแล้วนิดหน่อย คิดว่าเป็นการทดสอบความมุ่งมั่น” หลิวหลีเดา

“ความมุ่งมั่น ถ้าเป็นเช่นนั้นทำไมต้องหยุดบำเพ็ญฝึกฝนเมื่อมาถึงจุดที่เป็นขีดจำกัดของตัวเองด้วย” หยวนเทียนถามขึ้น

“เพราะขีดจำกัดของคนเราจะแปรผันตามแรงกดดัน เมื่อมาถึงขีดจำกัดแล้ว เราบำเพ็ญเพียรเพื่อให้คุ้นเคย เมื่อคุ้นเคยแล้วจะพบว่าตนเองมีขีดจำกัดใหม่ การพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆคือการต่อสู้กับตัวเองไปเรื่อยๆเช่นกัน” หลิวหลีอธิบาย

เป็นเช่นนี้นี่เอง เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวหลี ทุกคนก็เหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมาลางๆ ตามที่หลิวหลีบอกแปลว่า พอรู้สึกว่าถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้ว ก็ให้หยุดเพื่อบำเพ็ญเพียรพอสบายขึ้น ค่อยเดินหน้าต่อไป

เสี่ยวเสี่ยวเชื่อฟังหลิวหลี นางพยายามทำตามที่หลิวหลีบอก แต่ก็สุดความสามารถของนางแล้วจึงถูกบันไดดีดลงไป

“หลงเสี่ยวเสี่ยว อันดับ 97 ผ่าน”

เมื่อได้ยินเสียงของเครื่องอัตโนมัติดังขึ้น เสี่ยวเสี่ยวแทบไม่อยากเชื่อหูตนเอง นางได้อยู่ในอันดับที่ 97

“พระเจ้า อันดับ 97 คือเด็กน้อย แถมเป็นแค่นังหนูที่มีพลังบำเพ็ญเพียรอยู่แค่ช่วงพื้นฐานเท่านั้น” ผู้บำเพ็ญเพียรอันดับ 99 พูดขึ้น

“นั่นสิ พวกเราสู้เด็กไม่ได้” ผู้บำเพ็ญเพียรอันดับ 98 กล่าว

“ข้าล่ะคิดว่าตัวเองโชคดีที่ได้เข้ารอบเป็นคนสุดท้าย แต่เมื่อเทียบกับนังหนูแล้ว ช่างน่าละอายจริงๆ” ผู้บำเพ็ญอันดับ 100 พูดขึ้น

“ได้ยินมาว่ารอบนี้คัดผู้บำเพ็ญเข้ารอบแค่ 100 คนแรกเท่านั้น คนที่เหลือจะถูกส่งออกจากเมืองเทียนสิง”

“รอบนี้มีผู้บำเพ็ญเพียรที่เป็นอัจฉริยะขึ้นไปทั้งหมด 278 คน แต่คัดแค่ 100 คนแรกเท่านั้น การแข่งขันดุเดือดใช้ได้เลย” สามคนที่เหลือพูดคุยกัน เสี่ยวเสี่ยวก็ฟังอยู่ข้างๆที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง

ไม่นานคนก็ทยอยกันออกมา ฮัวจิงหงที่เชื่อฟังคำพูดหลิวหลี ได้อันดับที่ 48 ไป ส่วนฮัวจิงเฟยติด 20 อันดับแรก จริงๆคืออันดับ 17 เยี่ยซิงหวงเป็นอันดับ 11 ส่วน 10 อันดับแรกตกเป็นของคนในตึกสีรุ้งทั้งหมด อันดับ 10 หงอวี้จากเผ่ามาร อันดับ 9 นักบวชเทียนซิน อันดับ 8 กงเพียวเพียว อันดับ 7 ตวนมู่เหยา อันดับ 6 หยวนเทียน อันดับ 5 นักบำเพ็ญสายมารเยี่ยซิงขวง อันดับ 4 นักบำเพ็ญสายอสูร เฟยเผิง อันดับ 3 หนานกงเวิ่นเทียน อันดับ 2 นักบวชสายพุทธหยวนเจิน อันดับ 1 เป็นของหลงหลิวหลี

“การทดสอบรอบที่หนึ่งสิ้นสุดลงแล้ว ยินดีกับทุกท่านที่ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป” หุ่นเชิดเด็กสาวปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

“เอาแค่ 100 คนจริงด้วย ไม่รู้ว่าต่อไปจะต้องประลองอะไร”

“ทุกท่าน พวกท่านคือ 100 คนแรก ย่อมมีรายชื่ออยู่ในการจัดอันดับผู้ถูกเลือกแน่นอนอยู่แล้ว” หุ่นเชิดร่างเด็กสาวพูดขึ้น

“ดีจังเลย ข้ามีรายชื่ออยู่ในการจัดอันดับผู้ถูกเลือกแล้ว”

“ใช่ ขนาดในความฝัน ข้ายังฝันอยากจะมีรายชื่ออยู่ในการจัดอันดับผู้ถูกเลือก นึกไม่ถึงเลยว่าฝันจะเป็นจริง” มีคนดีใจจนถึงกับร้องไห้โฮ

“ใช่ ถึงขนาดได้มีรายชื่ออยู่ในการจัดอันดับผู้ถูกเลือก หากกลับไปที่สำนัก จะต้องได้ทรัพยากรที่ดีที่สุดแน่นอน”

“แต่ว่าผู้ถูกเลือกอัจฉริยะช่างอัจฉริยะจริงๆ พวกเขาครอง 10 อันดับแรก โดยเฉพาะหลงหลิวหลี คนที่ได้อันดับแรกนั้น มีความสามารถทิ้งห่างจากคนที่ได้อันดับสองอย่างมาก”

“หลงหลิวหลีเป็นนักปรุงยาไม่ใช่หรือ ทำไมร่างกายของนางแข็งแกร่งกว่านักบำเพ็ญสายอสูรเสียอีก พวกข้าที่เป็นนักบำเพ็ญทางกายยังสู้นางไม่ได้”

“ใช่ นักบวชสายพุทธมีหัวใจที่ไร้เทียมทาน ส่วนร่างกายของนักบำเพ็ญอสูรแข็งแกร่งกว่ามนุษย์นัก หลิวหลีเป็นปีศาจในเหล่าปีศาจจริง ๆ”

“หลิวหลี เจ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” หนานกงเวิ่นเทียนมองหลิวหลีแล้วกล่าวอย่างกังวลใจ

“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็นอะไร” หลิวหลีไม่ได้บอกว่า อันที่จริงนางยังไปต่อได้อีก แต่เปิดเผยมากไปไม่ดี อีกอย่างสายเต๋ากับสายพุทธเดิมเป็นสิ่งเดียวกัน นางควรต้องไว้หน้าให้กับนักบวชสายพุทธบ้าง เพียงแต่มีอยู่คนหนึ่ง หลิวหลีมองเยี่ยซิงหวงที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ไม่ไกล คนผู้นี้คงไม่เจีมตัวอย่างที่เขาแสดงออกแน่ๆ

“เยี่ยซิงหวง นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าก็อยู่ที่นี่ ได้อันดับ 11 ได้เลือดแม่ชั้นต่ำของเจ้ามาครึ่งหนึ่งจริงด้วย” คำพูดเยี่ยซิงขวงที่กล่าวกับน้องชายสายเลือดผสมคนนี้ไม่ได้มีความเกรงใจเลยแม้แต่น้อย

“พี่ใหญ่ ท่านแม่ข้าได้จากโลกนี้ไปหลายปีแล้ว ไม่ว่าพี่ใหญ่จะดูหมิ่นหรืออย่างไร อย่างน้อยก็ควรจะให้เกียรติท่านบ้าง” เยี่ยซิงหวงกำหมัดแต่ใบหน้าเขายังแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม

“เหอะ เจ้าเป็นโอรสองค์รองแห่งโลกมาร แต่กลับแสร้งทำท่าทีปลอมๆราวพวกสุภาพบุรุษจอมปลอมพวกนั้น มิน่าเสด็จพ่อถึงไม่ชอบขี้หน้าเจ้า ศึกการจัดอันดับเจ้าไม่ติด 10 อันดับแรก ไม่อาจเป็นหน้าเป็นตาให้เผ่ามารได้” เยี่ยซิงขวงยังพูดต่ออย่างไม่เกรงใจ

“เผ่ามารมีพี่ใหญ่ถือเป็นความโชคดีอย่างยิ่ง” เยี่ยซิงหวงยังคงก้มตาก้มตาพูดต่อไป

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็คงไม่ใช่สวะอย่างเจ้า ฮ่าๆ” เยี่ยซิงขวงพูดจบก็เดินไป

ใบหน้าเยี่ยซิงหวงยังแต้มรอยยิ้ม แต่แววตาเขาเยือกเย็น เยี่ยซิงขวงปล่อยให้เจ้าได้ใจไปอีกสักพักก่อนแล้วกัน

ซึ่งหลิวหลีย่อมไม่พลาดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางสัมผัสได้ว่าเยี่ยซิงหวงเป็นบุคคลอันตราย แต่ไม่รู้เขาเกรงกลัวอะไร ถึงได้แสร้งทำตัวเป็นคุณชายไม่เอาไหน เยี่ยซิงขวงปฏิบัติตนต่อเขาเช่นนั้น นางรู้สึกเลยว่าเยี่ยซิงขวงต้องซวยแน่ๆ แถมยังเป็นความซวยที่คงอเนจอนาถมากเสียด้วย ว่าแต่เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับนางด้วย นางจะต้องเข้าร่วมศึกการจัดอันดับต่อ จะปล่อยเรื่องพวกนี้มาทำให้เสียสมาธิไม่ได้ ในเมื่อนางได้อันดับหนึ่งมาครองแล้ว ย่อมไม่มีเหตุผลอะไรที่นางจะยอมให้คนอื่นมาช่วงชิงไป

…………………………………