บทที่ 170: เขาต้องโทษประหาร
ในห้องควบคุม ชาร์ล็อตมองดูรองกัปตัน ซึ่งกำลังยุ่งอยู่กับการประเมินและควบคุมสนามรบด้วยความกังวลใจ เธอสูดหายใจเข้าอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะเดินออกไปเปิดประตู เหนือประตูที่มีบันไดหลายขั้นทอดลึกเข้าไปในแกนกลางของเรือ
เด็กสาวค่อย ๆ เดินลงบันได มองอย่างฟุ้งซ่านไปยังอัญมณีเจ็ดสีแวววาวในมือ
เรือที่สั่นสะเทือนทำให้ฝ่าเท้าของชาร์ล็อตชาเล็กน้อย แม้จะผ่านกำแพงหลายชั้น เธอก็ยังได้ยินเสียงร้องด้วยความเร่าร้อนของทหารบนดาดฟ้าเรือ กระนั้นสิ่งเหล่านั้นกลับไม่ได้ช่วยปลุกขวัญกำลังใจของชาร์ล็อตเลย มีแต่จะทำให้หัวใจของเธอรู้สึกหนักอึ้งมากขึ้น
ในฐานะผู้สืบทอดของตระกูลโซโรฟยา แม้ว่าชาร์ล็อตจะไม่เคยได้สัมผัสความโหดร้ายของสนามรบมาก่อนจวบจนถึงการผจญภัยในปัจจุบัน แต่เธอก็ไม่ใช่องค์หญิงอ่อนแอที่ต้องการการปกป้อง เด็กสาวเกิดมาพร้อมกับความสามารถพลังเหนือธรรมชาติอันแข็งแกร่งและชีวิตของเธอเองก็ไม่ได้สงบสุข ทว่าการต่อสู้ครั้งนี้ก็ยังหนักหนาเกินไปสำหรับเธอ
เพราะมันเป็นสงครามภายใน
ต่างจากการต่อสู้กับมนุษย์เกล็ดและสัตว์ประหลาดทะเลที่พวกเขาเคยต่อสู้มาก่อน ศัตรูในการต่อสู้ครั้งนี้เป็นมนุษย์ นอกจากนี้พวกเขาทั้งหมดยังถือเป็นบรรพบุรุษของชาร์ล็อตอีกด้วย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนที่ชาร์ล็อตสนับสนุนคืออิซาเบลลา แต่ถึงกระนั้น แม้ว่าพวกเขาจะชนะการต่อสู้ครั้งนี้ มันก็จะไม่มีอะไรให้เฉลิมฉลองใด ๆ
เพราะในท้ายที่สุด พวกเขาก็แค่ลดกำลังพลของตัวเองลง ไม่ว่าใครจะชนะ มันก็ยังถือว่าเป็นการสูญเสียสำหรับทายาทของสายเลือดไฮเอลฟ์
อิซาเบลลาตระหนักดีถึงความคิดนี้ของชาร์ล็อต ถ้าเป็นไปได้เธอและคนอื่น ๆ ในตระกูลโซเฟียก็อยากจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ครั้งนี้ เธอเข้าใจความรู้สึกของชาร์ล็อต นั่นจึงเป็นเหตุผลที่อิซาเบลลาเลือกที่จะเก็บเด็กหญิงให้ห่างออกจากสนามรบ แม้ว่าเธอจะมีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมก็ตาม คงจะเป็นเรื่องน่าเศร้าเกินไปที่จะต้องให้เลือดคนในตระกูลเปื้อนมือเด็กอายุน้อยอย่างชาร์ล็อต
ชาร์ล็อตสอดอัญมณีเจ็ดสีที่สามารถสร้างเป็นเกราะป้องกันอันสมบูรณ์แบบในช่วงเวลาวิกฤติเข้าไปในกระเป๋าของเธอก่อนจะค่อย ๆ มุ่งหน้าไปยังที่ที่มีไข่อยู่ เธอต้องอยู่ที่นี่เพื่อบรรลุภารกิจที่อิซาเบลลามอบหมายให้เธอในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาด
ในกรณีที่กองเรือทองคำพ่ายแพ้ชาร์ล็อตจะต้องเป็นคนเปิดใช้งานผนึกถาวร เพื่อทำให้แน่ใจว่าไข่ของผู้สร้างธารน้ำแข็งจะถูกฝังลงไปในส่วนลึกของทะเลตลอดกาล
ระหว่างเดินข้ามพื้นที่ที่กลายเป็นน้ำแข็ง ทันใดนั้นชาร์ล็อตก็หวนคิดถึงวันสบาย ๆ ที่เธอใช้เวลาอยู่ในห้องสมุดขนาดใหญ่ในเขตการปกครองแอสคาร์ด เปิดอ่านบันทึกต่าง ๆ ไปพร้อมกับโรเอล แม้ว่ามันจะเหนื่อยและแทบจะไม่มีความคืบหน้าเลยก็ตาม แต่หากมองย้อนกลับไป วันเหล่านั้นได้เติมเต็มจิตใจของเธออย่างน่าประหลาด
ทุกเช้าชาร์ล็อตจะได้รับถ้วยชาดอกไม้ที่โรเอลชงมาให้ ก่อนที่จะดำดิ่งลงไปในบันทึก เขาก็จะล้อเลียนเกี่ยวกับรสนิยมชื่นชอบของหวานของเธอ คอยเตือนเธอให้ลงไปกินข้าวเช้าตามเวลา พวกเขามักจะโต้เถียงกัน แต่ในบางครั้ง การโต้เถียงเหล่านั้นก็กลายเป็นเรื่องสนุกสำหรับเธอ
เรายึดยาของเขาไปแล้วใช่ไหม? เขาน่าจะเริ่มง่วงในตอนบ่ายหลังจากนี้ คงจะดีถ้าได้พักกลางวัน… อา ไม่มันจำเป็นอีกต่อไปแล้วนี่นา
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นในใจของชาร์ล็อต เด็กสาวก็หยุดฝีเท้าลง เธอเงยหน้าขึ้นเพื่อประเมินสภาพแวดล้อมของก่อนจะลดสายตาลงเงียบ ๆ
มันไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว…
โรเอลและชาร์ล็อตผูกพันกันด้วยสัญญาหมั้น แต่เหตุผลเดียวที่ทำให้พวกเขาอยู่ด้วยกันก็คือการจ้างวานของชาร์ล็อต เป้าหมายของเธอในตอนนั้นคือการได้เบาะแสเกี่ยวกับมรดกที่สูญหายไปของอาณาจักร โซเฟีย และเธอก็ทำสำเร็จแล้ว
ความสำเร็จของเป้าหมายนี้ถือเป็นจุดจบของชะตากรรมร่วมกันของโรเอลและชาร์ล็อต
เนื่องจากพวกเขาทำสิ่งที่ตั้งใจไว้สำเร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการยกเลิกสัญญาหมั้น ม่านจะถูกดึงลงและมันก็จะกลายเป็นจุดสิ้นสุดของความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ พวกเขาจะกลับไปใช้ชีวิตของตัวเอง โรเอลจะไม่ต้องชงชาให้เธอในตอนเช้าอีกต่อไป กลับไปเป็นนายน้อยผู้โดดเด่นที่เขาเคยเป็น และเธอก็ไม่ต้องบ่นเกี่ยวกับการขาดน้ำตาลในอาหารอีกต่อไป เพราะเธอไม่ต้องกังวลกับความชอบในการรับประทานอาหารของคู่หูร่วมโต๊ะอาหารอีก
จากนี้ไป เส้นทางชีวิตของพวกเขาจะแยกจากกัน โลกของพวกเขาจะไม่โคจรมาตัดกันอีกต่อไป นี่คือจุดจบที่รอพวกเขาอยู่
ชาร์ล็อตจ้องไปที่ความเย็นยะเยือกเบื้องหน้าด้วยความสับสน ขณะที่เธอรู้สึกถึงบางสิ่งที่กระตุ้นอยุ่ในหัวใจของเธอ
ทำไมเราถึงไม่รู้สึกมีความสุขเลยล่ะ?
ไม่ว่าจะเป็นการปลดปล่อยตัวเองจากการหมั้นหมาย หรือการได้รับมรดกของตระกูลโซเฟีย มันก็ไม่มีใครสามารถจุดประกายความสุขในตัวเธอได้อีกต่อไป กลับกันแล้วชาร์ล็อตกลับรู้สึกขมขื่นอยู่ข้างใน
เขากำลังจะกลับไปสู่วันอันแสนรักกับผู้หญิงเหล่านั้นแล้วใช่ไหม?
ชาร์ล็อตรู้สึกจุกในลำคอทันที หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ยิ้มฝืน ๆ ออกมา
“ช่วยก็ไม่ได้นี่นา ในใจของเขา เราก็ไม่ต่างอะไรไปจากนายจ้างที่หาความลำบากมาให้…”
ชาร์ล็อตพึมพำเบา ๆ
เด็กสาวหมกมุ่นอยู่กับความคิดมากเกินไป จนไม่ได้สังเกตเห็นเงามนุษย์ที่ลอบมาอยู่ข้างหลังเธออย่างเงียบ ๆ ร่างกายนั้นถูกสร้างขึ้นจากของเหลว โดยมีลักษณะใบหน้าหายไปครึ่งหนึ่ง ปากใหญ่แตกออก เป็นรอยยิ้มอันเยาะเย้ย เผยให้เห็นฟันอันแหลมคม
“ถ้ากลับไปด้วยกันได้ล่ะก็…”
“เจ้าจะไม่ได้กลับไปที่ไหนทั้งนั้นแหละ”
“หา?”
เสียงแหบแห้งดังขึ้นข้างหลังชาร์ล็อต ทำให้เธอหันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้มาเยือนที่ไม่คาดคิดด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง กรงเล็บที่แหลมคมซึ่งก่อตัวขึ้นจากของเหลวของสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายมนุษย์ กวาดไปที่คอของเธอ กระตุ้นจี้ป้องกันของชาร์ล็อตให้เปล่งแสงระเบิดออกมา
ทว่าเกราะพลังเวทซึ่งควรจะสามารถสกัดกั้นการโจมตีของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูงได้ กลับแทบจะไม่มีแรงต้านทานใด ๆ เลยต่อหน้ากรงเล็บอันแหลมคมนั้น ในช่วงเวลาที่สิ้นหวังนี้ เด็กสาวจึงรีบคว้าอัญมณีเจ็ดสีในกระเป๋าของเธอออกมาอย่างรวดเร็ว โดยหวังว่าจะสามารถสร้างเกราะพลังเวทอีกอันให้กับตัวเองได้
แต่มันก็สายเกินไป
ด้วยสายตาอันสิ้นหวัง กรงเล็บก็มาถึงตรงหน้าของชาร์ล็อตแล้ว เสียงอันคมกริบของมีดที่จมลงไปในเนื้อ ตัดผ่านเลือดและเนื้อจนกระเซ็นไปทั่ว
…
เลือดสีแดงไหลอาบแก้มของชาร์ล็อต ด้วยความตกตะลึง เด็กสาวจ้องไปยังเด็กชายผมดำที่ปรากฏตัวขึ้นมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ เพื่อปกป้องเธอ เขาคว้าตัวเธอเข้ามาหลบในอ้อมแขน สมองของเธอดูเหมือนจะไม่รับรู้ไปชั่วขณะ
“เฮ้ เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ฉันไม่เป็นไร…”
น้ำเสียงที่กังวลใจของโรเอลทำให้ชาร์ล็อตขานตอบรับไปอย่างรวดเร็วตามสัญชาตญาณ เธอจ้องไปที่ใบหน้าของเด็กชายก่อนที่จะค่อย ๆ ก้มศีรษะลงมองดูบาดแผลที่ปรากฏบนหน้าอกของเขา
“คาดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าจะมีคนที่สามารถผ่านการตรวจจับของข้ามาได้”
เสียงอันแหบแห้งดังขึ้นมา
สัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายมนุษย์กึ่งของเหลวเหลือบมองไปยังรูเหนือที่เพดานเหนือหัวพวกเขาด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่จะถอนกรงเล็บที่ถูกแช่แข็งออกมา หยุดประเมินแขนของตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตัดชิ้นส่วนที่ถูกแช่แข็งออกไปอย่างไม่ใยดี ปล่อยพลังเวทอันทรงพลังภายในร่างกายออกมา สร้างของเหลวไหลผ่านไปยังบริเวณที่ถูกตัดออกจนฟื้นฟูเป็นกรงเล็บชุดใหม่
จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นเพื่อมองโครงกระดูกขนาดใหญ่ที่ถูกผ่าครึ่ง ตอนนี้มันกำลังสลายหายไปกลายเป็นพลังเวทสีแดงเข้ม ราวกับเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงชีวิตที่เหี่ยวเฉาลงของเด็กชาย เมื่อเห็นสิ่งนี้ ริมฝีปากของสัตว์ประหลาดก็ม้วนงอขึ้น ละทิ้งความคิดที่จะโจมตีติดตามผล
สัตว์ประหลาดตัวนี้คือ ดอยล์ เขามีความแข็งแกร่งอยู่ที่ระดับแก่นแท้ 2 แม้ว่าโรเอลอาจจะปรากฏตัวมาได้ในเวลาที่เหมาะสมและมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่ช่องว่างขนาดใหญ่ในระดับแก่นแท้ของพวกเขาก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงทดแทนกันได้ง่าย ๆ
“ร…โรเอล!”
โรเอลทรุดตัวลงกับพื้น กระตุ้นให้ชาร์ล็อตร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
ดอยล์ไม่ได้สะทกสะท้านต่อเสียงกรีดร้องของชาร์ล็อต เขาเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเตรียมที่จะกำจัดตัวแปรในแผนของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ด้วยที่มั่นใจว่าชัยชนะนั้นอยู่ในกำมือของตนเองแล้ว ดอยล์จึงไม่ได้สังเกตเห็นชั้นแสงหนาทึบที่ปกคลุมร่างของโรเอลผู้เพิ่งทรุดตัวลงไป
【เปิดใช้งานแล้ว ‘พรของเปตรา’ 】
【เริ่มนับถอยหลัง 300, 299, 298… 】
ท่ามกลางการแจ้งเตือนเหล่านี้จากระบบ เด็กชายที่ทรุดตัวลงก็ได้ลืมตาสีทองของเขาขึ้นมา โรเอลมองเห็นทิวทัศน์ของหุบเขาอันมืดมิด ที่ซึ่งบัลลังก์อันลึกลับเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจถูกซ่อนอยู่ในเงามืด เงาของหญิงสาวผมสีทองกะพริบขึ้นในดวงตาของเขา เป็นการแสดงถึงพรที่เธอได้มอบให้แก่เขา
มันเป็นพลังมหาศาลที่ไม่สามารถอธิบายได้ โรเอลได้เห็นฉากอัศจรรย์ของธรรมชาติมากมายนับไม่ถ้วนผ่านนิมิตของเขา ไม่ว่าจะเป็นภูเขาสูงตระหง่าน ที่ราบอันไร้ขอบเขต ป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ หรือแม่น้ำที่กว้างใหญ่ เด็กชายรู้สึกเหมือนว่าร่างกายของเขาได้กลายเป็นเส้นขนานของโลกอันกว้างใหญ่ พลังเวทเริ่มเผาไหม้ เผาผลาญร่างกายของเขาราวกับลาวาอันร้อนระอุ
รอยแยกแนวตั้งปรากฏขึ้นในม่านตาสีทองทั้งสองข้างของโรเอล ทำให้ตาของเขาคล้ายกับแมวหรืองู ซี่โครงที่หักของเขาเริ่มซ่อมแซมตัวเอง พลังเวทอันร้อนแรงเหมือนแม็กม่าพุ่งสูงขึ้นราวกับภูเขาไฟที่ปะทุขึ้นมาบนพื้นดิน ปรากฏการณ์นี้ทำให้พลังระดับแก่นแท้ของโรเอลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ตายซะ!”
สัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายมนุษย์กึ่งของเหลวส่งเสียงร้องลั่น ขณะที่ฟาดฟันกรงเล็บอันแหลมคมลงไปที่คอของชาร์ล็อตอีกครั้ง เขาจ้องมองไปยังใบหน้าของเด็กสาวที่กำลังร้องไห้ด้วยความสิ้นหวัง ด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยบนริมฝีปากที่เบิกกว้างขึ้น ราวกับว่ากำลังเย้ยหยันความรักโง่ ๆ ของมนุษย์ผู้โง่เขลา
จากนั้นเสียงพึมพำเบา ๆ ก็ดังขึ้นที่ข้างหูของดอยล์
“สัมผัสแห่งธารน้ำแข็ง”
เสียงพึมพำของโรเอลที่ดังขึ้นไม่มีทั้งความเกลียดชังหรือความโกรธ คำพูดของเขาดูเหมือนจะเป็นเพียงการเล่าเรื่อง แต่เจตจำนงของเขาก็ได้ถูกแสดงออกมาผ่านความเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมา เขาโกรธมาก แต่ความโกรธของเขานั้นเดือดดาลดั่งน้ำนิ่งไหลลึก ราวกับว่าเสียงร้องอันน่าสังเวชของศัตรูกลายเป็นเพียงเครื่องระบายอารมณ์ที่ถูกกักอยู่ภายในตัวเขา
“อ้ากกกกกกก!”
เสียงร้องแหบแห้งเล็ดลอดออกมาจากสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ พลังเวทอันเย็นยะเยือกที่ระเบิดออกมาโดยกะทันหันได้แผ่ไปทั่วข้างในตัวเรือ ทำให้ดอยล์ถูกแช่แข็งจนหยุดนิ่งไปราวกับประติมากรรมน้ำแข็ง ชาร์ล็อตยกแขนขึ้นมาโดยสัญชาตญาณเพื่อปกป้องตัวเอง แต่พลังเวทอันเย็นยะเยือกที่แช่แข็งทุกสิ่งทุกอย่างนั้นกลับให้ความรู้สึกอบอุ่นราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิสำหรับเธอ
“โรเอล!”
ชาร์ล็อตตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะตะโกนเรียกชื่อเด็กชายทั้งน้ำตา แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่โรเอลจะมาปลอบใจเธอ เขาตรวจดูบริเวณโดยรอบอย่างรวดเร็ว และเมื่อเขาเห็นจิตวิญญาณทองคำที่ไหลไปตามผนังอย่างผิดวิสัย ดวงตาของเขาก็หรี่ลงทันที
“สัมผัสแห่งธารน้ำแข็ง!”
“บ้าเอ๊ย!”
ราวกับทหารที่ได้รับคำสั่ง พลังเวทอันเย็นยะเยือกพุ่งไปที่กำแพงตามคำสั่งของโรเอล ทำให้แก่นของสัตว์ประหลาดที่มีลักษณะเหมือนของเหลวที่รอดพ้นจากการโจมตีครั้งก่อนมาได้ รีบพุ่งออกจากของเหลวสีทองในทันที พลังเวทอันเย็นยะเยือกที่สามารถแช่แข็งได้แม้กระทั่งวิญญาณ ทำให้ดอยล์รู้สึกราวกับว่าศีรษะของเขาถูกวางไว้ใต้กิโยตินสังหาร ความคิดเดียวในใจตอนนี้ของเขาก็คือการหนีออกจากเรือลำนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ตูม!
เสียงระเบิดดังขึ้นจากด้านบน ตามด้วยเสียงของวัตถุที่ตกลงสู่ท้องทะเล โรเอลมองดูสัตว์ประหลาดเล็ดลอดผ่านรอยแยกของเรือไป ก่อนจะหันความสนใจกลับมาหาชาร์ล็อตที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเขาพลางเช็ดน้ำตาของเธอ จากนั้นโรเอลก็ดึงเธอเข้ามากอด
ชาร์ล็อตส่งเสียงร้องออกมากะทันหัน แต่เธอไม่ได้ตำหนิโรเอลสำหรับการกระทำของเขา เธอเพียงแต่เอื้อมมือออกไปโอบกอดเขาตอบกลับแทน
ความกลัวที่เกือบจะต้องสูญเสียกันและกันทำให้อารมณ์ของพวกเขาร้อนรุ่ม ไม่ว่าจะเป็นโรเอลหรือชาร์ล็อต ทั้งคู่ต่างก็ไม่อยากปล่อยมือออกในตอนนี้ แต่การนับถอยหลังของระบบได้เตือนให้โรเอลรู้ตัวว่าเขาต้องรีบดำเนินการโดยเร็ว
“เธอยังมีอุปกรณ์เวทสำหรับป้องกันตัวอยู่ไหม?”
“ม…มีสิ”
“เปิดใช้งานมันซะ อยู่ที่นี่แล้วอย่าไปไหนล่ะ”
“ล… แล้วเจ้าล่ะ?”
ชาร์ล็อตจับอัญมณีเจ็ดสีไว้แน่นพลางถามโรเอลอย่างกังวล เด็กชายเหลือบมองไปบนท้องฟ้าเบื้องบนด้วยความโกรธที่เดือดพล่านอยู่ในใจ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น
“เจ้านั่นต้องโทษประหาร ฉันจะต้องไปส่งมันลงนรก”