บทที่ 171: ทักทายกันก่อนสิ
ภายในห้องรับรองของเรือ เด็ก ๆ ทั้งสองที่เพิ่งรอดพ้นจากอันตรายกำลังกอดกันแน่น เมื่อได้ยินการตัดสินใจของโรเอลว่าเขาจะไล่ตามศัตรูต่อ ชาร์ล็อตก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่สบายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเธอเพิ่งได้เผชิญกับความน่าสะพรึงกลัวของศัตรูเป็นการส่วนตัว
“ข้างนอกเป็นทะเลนะ สัตว์ประหลาดตัวนั้นจะได้เปรียบในสนามรบ เพราะร่างกายของมันเป็นของเหลว”
“เธอพูดถูก แต่มันจะเปลี่ยนไปแน่ เมื่อฉันไปที่นั่น”
“แต่ว่า…”
“ความสามารถของเขาทำให้เขาสามารถซ่อนตัวภายในจิตวิญญาณทองคำได้ เห็นได้ชัดว่าเขาถูกส่งมาที่นี่เพื่อลอบสังหารเธอและอิซาเบลลาโดยเฉพาะ เขาต้องตาย และคนเดียวที่จะฆ่าเขาได้มีแค่ฉัน”
โรเอลวางมือบนใบหน้าของชาร์ล็อตพร้อมมองเข้าไปในดวงตาอันสั่นเทาของเธอ ภายใต้ผลกระทบจากความสามารถของเขา เด็กชายนั้นมีท่าทางอันเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ทว่าคำพูดของเขานั้นกลับอ่อนโยน
“ฟังฉัน รออยู่ที่นี่นะ”
“… ได้”
ด้วยสายตาของโรเอลที่จ้องมองมา ชาร์ล็อตจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าด้วยความลนลาน เธอเปิดใช้งานอัญมณีพลังเวทเจ็ดสีในมือ ขณะที่โรเอลกระโดดขึ้นไปด้านบน หายตัวไปท่ามกลางหิมะอันหนาวเหน็บ…
ปืนใหญ่ ลูกธนู และเสียงร้องของสงครามดั่งไปทั่วสนามรบ
ทั้งสองฝ่ายต่างทุ่มกันสุดตัว การต่อสู้ระหว่างกองเรือทองคำและกองเรือของกอร์ดอนทวีความรุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ ในทุกขณะ ลูกเรือที่บาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตร่วงหล่นตกลงไปในทะเล ย้อมผิวน้ำด้วยเลือดสีแดงสด
สนามรบอันวุ่นวาย และพื้นที่น้ำทะเลน่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับดอยล์ที่มีรูปร่างเป็นสัตว์ประหลาดกึ่งของเหลว ทว่าเขานั้นได้สูญเสียความมั่นใจและความสุขุมผ่อนคลายตามปกติไปแล้ว
นั่นเป็นเพราะตอนนี้ นักล่าตามธรรมชาติที่แข็งแกร่งกว่ากำลังไล่ตามเขาอยู่
ความเย็นเป็นศัตรูโดยธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตที่มีร่างเป็นของเหลวอย่างดอยล์ นอกจากนี้เขายังถูกจับตามองอยู่ เขาไม่รู้ว่าอะไรเป็นตัวการที่ทำให้อีกฝ่ายสังเกตเห็นเขา ทั้ง ๆ ที่สนามรบนั้นถูกล้อมรอบด้วยน้ำทะเลแท้ ๆ แต่ศัตรูของเขาก็ยังคงสามารถติดตามดอยล์มาได้
สำหรับดอยล์ โรเอลเป็นดั่งผู้คร่าวิญญาณในตำนาน ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวของเด็กชายนั้นช่างน่าพิศวง ไม่ว่าจะเป็นพละกำลังที่พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างกะทันหัน ดวงตาสีทองคู่นั้นที่สามารถตามหาเขาได้ไม่ว่าหลบจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหน อีกทั้งยังมีพลังเวทเย็นยะเยือกอันน่าสะพรึงกลัวเปล่งออกมาอีก ปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้ทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก
สัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายมนุษย์คงไม่คาดคิดว่า จริง ๆ แล้ว สิ่งต่าง ๆ ไม่ได้ซับซ้อนอะไรขนาดนั้น
【หุ่นกระบอกสัตว์ประหลาดของเหลว: ดอยล์ ร็อดริค】
นี่คือสิ่งที่โรเอลเห็น
ตั้งแต่ตอนที่หุ่นกระบอกดอยล์แอบขึ้นไปบนเรือ คาถาเวทภัยพิบัติแห่งการนองเลือดของโรเอลก็ได้ถูกเปิดใช้งาน ทำให้เขามองเห็นสัตว์ประหลาดที่เคลื่อนตัวผ่านดาดฟ้าไหลเข้าไปในเรือได้อย่างชัดเจน เมื่อรู้ว่าชาร์ล็อตอาจตกเป็นเป้าหมายได้ เด็กชายจึงรีบวิ่งตามไปโดยไม่ลังเล
ทว่าท้ายที่สุดโรเอลก็ยังประมาทเกินไป แม้ว่าเขาจะใช้ทั้งพลังเวทอันเย็นยะเยือกประกอบกับร่างจำแลงของยักษ์โครงกระดูก แต่ความแตกต่างในพลังที่ห่างชั้นเกินไปก็เกือบทำให้เขาต้องร่วงหล่นลงสู่ประตูนรก โชคดีที่โรเอลนั้นยังเหลือไพ่ตายอยู่ในมือ
พรของเปตรา
แม้ว่าความสามารถนี้จะใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียว แต่ความสามารถของมันนั้นเหนือจินตนาการของโรเอลไปไกลมาก และแม้ว่ามันจะมีเวลาจำกัด แต่ผลของมันก็ได้เพิ่มความแข็งแกร่งของโรเอลขึ้นไปจนถึงระดับแก่นแท้ 3 เนื่องด้วยพลังพื้นฐานของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูง โรเอลจึงสามารถดึงเอาความแข็งแกร่งที่แท้จริงของคาถาต่าง ๆ ออกมาได้มากขึ้น และพลิกมาเป็นฝ่ายที่เหนือกว่าศัตรูของเขา
เด็กชายโบยบินไปในอากาศอย่างรวดเร็วราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการไล่ตามนักฆ่าที่หลบหนีภายใต้การปกปิดของน้ำทะเล เขาร่อนลงจากท้องฟ้าไปยังน้ำทะเลเบื้องล่าง แต่ก่อนที่ปลายเท้าของเขาจะได้สัมผัสกับน้ำ พลังเวทอันเย็นยะเยือกของโรเอลก็แผ่ออกมาสร้างเป็นจุดลงจอดสีขาวสำหรับเขา
ทว่าน้ำแข็งเท่านี้ยังไม่เพียงพอสำหรับโรเอล
“สัมผัสแห่งธารน้ำแข็ง”
เสียงอันเย็นชาดังขึ้น ส่งผลให้คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดมงกุฎรวบรวมพลังของภัยพิบัติแห่งความเยือกเย็น เริ่มรุกล้ำเข้าสู่น้ำทะเลใต้เท้าของโรเอล ทันใดนั้นพื้นที่สีขาวก็แผ่กระจายออกไปท่ามกลางกองเรือทั้งสองฝ่าย
เป็นดั่งพรแห่งธารน้ำแข็งชั่วนิรันดร์ คำอวยพรจากเทพแห่งความตาย
สัมผัสแห่งธารน้ำแข็งเปลี่ยนไปจากเดิมด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นของโรเอล น้ำแข็งหลั่งไหลออกมาราวกับภูเขาไฟระเบิด แผ่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วราวกับคลื่นสึนามิ ขยายอาณาเขตไปทุกทิศทาง
ส่งผลให้ทะเลทั้งหมดในแถบนี้กลายเป็นธารน้ำแข็ง และคลื่นก็เงียบสงบลง นกทะเลบนท้องฟ้าตกลงสู่แผ่นน้ำแข็งเบื้องล่างอย่างเงียบ ๆ เปลี่ยนทุกอย่างให้อยู่ในความเงียบงัน
ปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์ที่เยือกแข็งทะเลนี้ ทำให้ทุกคนในสนามรบต่างประหลาดใจ ปืนใหญ่จากเรือรบหยุดลงในทันที และนักธนูที่มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างจากในมุมสูงก็เริ่มตะโกนด้วยความตกตะลึง แม้แต่นักรบบนดาดฟ้าเรือก็ยังสับสน นักประดาน้ำในท้องทะเลเองก็กระจัดกระจายกันออกไปอย่างรวดเร็วราวกับปลาที่ตื่นตระหนก ว่ายหนีเอาชีวิตรอด
กัปตันของกองเรือทั้งสองได้สั่งการให้ลูกเรือหันเรือ หลบหนีปรากฏการณ์นี้โดยเร็ว แม้ว่าเรือของศัตรูที่โชคไม่ดี ได้เข้าใกล้ธารน้ำแข็งที่กำลังขยายตัวออกจนถูกแช่แข็งไปแล้วก็ตาม ลูกเรือที่พยายามจะกระโดดออกจากเรือต่างถูกแช่แข็งไว้กลางอากาศ ติดอยู่ตรงนั้น ก่อนจะตกลงมากระทบกับธารน้ำแข็งแตกออกเป็นน้ำแข็งสีเลือดหลายชิ้นจนนับไม่ถ้วน
ภาพอันน่าสยดสยองนี้ทำให้ทุกคนในเรือรบต่างสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว
“ดอยล์ ฉันรู้ว่าแกอยู่ที่นี่”
“ผู้เชิดหุ่นกระบอก หรือจะพูดให้ถูกก็คือสมาชิกของภาคีผู้เชิดหุ่นกระบอก นั่นคือวิธีที่คนอื่นเรียกพวกนายใช่มั้ย?”
โรเอลนึกถึงภาคีแห่งปัญญาทั้งหมดในอาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนลทั้งหมดที่เขารู้จัก และอนุมานว่าอีกฝ่ายเป็นสมาชิกของภาคีที่มีแนวโน้มจะเหมาะสมกับเกณฑ์มากที่สุด อย่างภาคีผู้เชิดหุ่นกระบอก พวกเขาเป็นภาคีที่ไม่ได้เน้นไปที่การเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง แต่เน้นไปที่การควบคุมหุ่นเชิดทุกประเภทเพื่อต่อสู้แทนผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ พวกเขาเชื่อว่าร่างกายมนุษย์นั้นมีขีดจำกัด ในขณะที่หุ่นเชิดที่พวกเขาควบคุมสามารถปรับให้เข้ากันกับทุก ๆ สถานการณ์ได้
ความสามารถหลัก ๆ ของผู้เชิดหุ่นกระบอกก็คือ พวกเขาสามารถเปลี่ยนรูปแบบและคุณลักษณะของหุ่นเชิด เพื่อตอบโต้ศัตรูได้ นอกจากนี้พวกเขายังสามารถทำพิธีกรรมราคาแพง เพื่อใส่คุณสมบัติพิเศษลงในหุ่นเชิดของพวกเขาได้ และเพิ่มรูปแบบในการโจมตี เช่นการโจมตีเปิดของดอยด์ที่ได้รับการเสริมพลังจนพังเกราะเวทได้
แน่นอนว่าผู้เชิดหุ่นเองก็มีข้อบกพร่องอยู่เช่นกัน ในขณะที่หุ่นเชิดนั้นทั้งแข็งแกร่งและยืดหยุ่น แต่ผู้เชิดนั้นกลับอ่อนแอกว่าปกติ พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวอย่างอิสระได้ในขณะที่ควบคุมหุ่น และตัวหุ่นนั้นก็ไม่สามารถมีระดับแก่นแท้สูงกว่าตัวผู้เชิดได้
หุ่นกระบอกสัตว์ประหลาดของเหลว เป็นสัตว์ประหลาดโดยแท้จริงเมื่อมันอยู่ในทะเล ซึ่งมันถูกควบคุมโดยผู้เชิดหุ่นชื่อว่า ดอยล์ หากพิจารณาจากระดับของหุ่นเชิดแล้ว ดอยล์นั้นน่าจะมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ระดับแก่นแท้ 2 มิฉะนั้นเขาคงจะเชิดหุ่นที่แข็งแกร่งกว่านี้ออกมาสู้กับพวกโรเอลแล้ว
“หุ่นเชิดทุกตัวมีแก่นหลักในการขับเคลื่อนและรักษาความเชื่อมโยงต่อผู้เชิดหุ่น แม้ว่าหุ่นเชิดของแกอาจจะมีรูปแบบที่ผิดแปลกประหลาด แต่ก็ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับกฎนี้เช่นกัน”
ดวงตาสีทองของโรเอลมองผ่านชั้นน้ำแข็งหนา ๆ ลงไปใต้ฝ่าเท้าจ้องมองตรงไปที่ดอยล์
“แกนหุ่นของแกน่าจะเป็นของเหลวใช่ไหม?”
“!”
คำถามอันเรียบเฉยแต่ดังและชัดเจนของโรเอล สร้างความสยดสยองขึ้นมาในใจของดอยล์ที่อยู่บนเรือรบอันห่างไกล ชายหนุ่มหลับตาลงตัวสั่นเทาไปด้วยความตื่นตระหนก เขาใช้เวลาเพียงชั่วครู่ก่อนจะเข้าใจความตั้งใจของโรเอล
บ้าเอ๊ย! มันคิดที่จะแช่แข็งพื้นที่นี้ทั้งหมด!
หุ่นกระบอกสัตว์ประหลาดของเหลวใช้พลังเวททั้งหมดของมันทุบผ่านชั้นน้ำแข็งที่ห่อหุ้มตัวมันไว้ ก่อนจะพุ่งหนีออกจากทะเลที่กำลังกลายเป็นน้ำแข็ง ดอยล์ไม่กล้าเข้าใกล้โรเอล ซึ่งถูกปกคลุมอยู่ด้วยพลังเวทอันเย็นยะเยือก ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะบีบอัดพลังเวทของตนให้แน่นและปล่อยมันออกมาในทันที ทำให้เกิดเป็นระเบิดแสงสีเงินขนาดมหึมา
“ตกนรกไปซะ!”
เสียงคำรามอันโกรธเกรี้ยวของดอยล์ดังก้องกังวานไปพร้อมกับพลังเวทสีเงินที่พุ่งออกไปทุกทิศทุกทาง การบีบอัดพลังเวทบริสุทธิ์ ทำให้เกิดประกายแสงส่องสว่างเทียบเท่ากับดวงอาทิตย์ เรียกได้ว่าไม่มีข้อกังขาเกี่ยวกับพลังทำลายของมัน เสียงกรีดร้องตกตะลึง และเสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดดังไปทั่วทั้งบริเวณ สร้างความตื่นตระหนกให้ทั้งอิซาเบลลาและกอร์ดอน
“ไม่ดีแล้ว!”
“นั่นมัน…”
ทั้งสองฝ่ายต่างเรียกจิตวิญญาณทองคำออกมาอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างเกราะป้องกันรอบตัวพวกเขา กัปตันบนเรือรบลำอื่น ๆ ต่างสั่งการให้ลูกเรือเปิดใช้งานระบบป้องกัน เสียงหึ่ง ๆ ดังขึ้นมาจากเรือรอบ ๆ ทั้งหมดพร้อม ๆ กัน
ทว่า เด็กชายผมดำที่อยู่ใกล้กับพลังทำลายล้างซึ่งเปรียบได้กับดวงอาทิตย์สีเงิน กลับยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่แสดงปฏิกิริยาใด ๆ ออกมาเลย
บนท้องฟ้า สัตว์ประหลาดผู้ชั่วร้ายดอยล์หัวเราะเยาะเย้ยอย่างเยือกเย็น แม้พลังเวทอันเย็นยะเยือกจะน่ากลัว แต่ก็ไม่ใช่วิธีป้องกันพลังเวทระเบิดที่มีประสิทธิภาพ แม้ว่าโรเอลจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ไม่มีทางที่เด็กชายจะสามารถป้องกันแสงแห่งการลืมเลือนที่เขาร่ายด้วยพลังเวททั้งหมดได้แน่
ความอิ่มเอมใจของดอยล์คงอยู่ครู่ใหญ่ ๆ จนกระทั่งเขาหรี่ตาลงและสบตาเข้ากับเด็กชายผมสีดำ
“!”
นัยน์ตาสีทองอันงดงามของเด็กชายเปล่งประกายอย่างน่าพิศวง ทำให้ร่างของดอยล์แข็งทื่อ ความรู้สึกหนาวเหน็บอันน่าสะพรึงกลัวเริ่มปรากฏขึ้นมาจากส่วนลึกของหัวใจ
พลังอันแวววาวนี้เป็นของขวัญที่เปตรามอบให้เขาในการพบกันครั้งก่อน
【นัยน์ตาแห่งศิลา
ทุกชีวิตต้องกลับคืนสู่ผืนดิน ทุกสรรพสิ่งสักวันก็ต้องเงียบลง มีเพียงรูปปั้นเท่านั้นที่เป็นนิรันดร์】
นี่คือพลังที่ดูเหมือนจะสามารถควบคุมอำนาจของธรรมชาติได้ เป็นพลังที่โรเอลไม่เคยเห็นมาก่อน แม้ว่าจะไม่มีการไหลเวียนใด ๆ ของพลังเวท เมื่อเขาเปิดใช้งานนัยน์ตาแห่งศิลา แต่เด็กชายก็สัมผัสได้ว่าพลังเวทของเขาค่อย ๆ ซ้อนทับกันในดวงตาของเขา
“ห หา?”
เสียงอุทานอย่างงุนงงหลุดออกมาจากปากของดอยล์ เขาสัมผัสได้ว่าตนเองสูญเสียการควบคุมหุ่นกระบอกของเขาไปแล้วบางส่วน แต่มีบางอย่างที่น่าตกใจยิ่งกว่ารอเขาอยู่ ความมึนงงเข้าจู่โจมแก่นของหุ่นก่อนจะข้ามมิติอากาศราวกับยาพิษอันรุนแรงเข้ามาทำร้ายเขา
“อ้ากกก—!”
ชายชุดขาวบนเรือเอสเอส เซนต์มาร์ติน ร้องออกมาอย่างน่าสังเวช ขณะที่เขากำแขนอันเจ็บปวด ด้วยความสะพรึงที่สะท้อนอยู่ภายในดวงตาของเขา
กลายเป็นหิน
แขนของเขากลายเป็นหินไปแล้ว!!
“นี่มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน? มีคาถาเวทระดับนี้หลงเหลืออยู่ในโลกอีกได้ยังไง?!”
“!”
เสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งดังมาจากดอยล์ จากนั้นหุ่นกระบอกสัตว์ประหลาดของเหลวก็ระเบิดออกราวกับดอกไม้ไฟ ร่างกายของมันสลายไปราวกับกระสุนที่แตกออกรอบทิศทาง โรเอลยกมือขึ้นสร้างเกราะพลังเวทคล้ายเกล็ดสีเหลืองเข้มขึ้นตรงหน้าเขา กลืนกินกระสุนสีเงินที่พุ่งเข้ามาทั้งหมด
แม้ว่ามันจะเป็นการโจมตีเต็มกำลังจากหุ่นกระบอกสัตว์ประหลาดของเหลว แต่มันก็ไม่สามารถทำร้ายโรเอลได้เลย เมื่อเห็นสิ่งนี้ ดอยล์ก็อาศัยจังหวะของความโกลาหลที่เกิดจากการระเบิด เพื่อดึงแก่นของเขาออกจากหุ่นเชิด หลบหนีไปยังกองเรือของกอร์ดอน
ต้องหนีแล้ว ต้องหนีออกไปเดี๋ยวนี้!
หุ่นกระบอกสัตว์ประหลาดของเหลวของดอยล์ได้ฆ่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติไปแล้วมากมาย แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคาถาอันน่าสะพรึงกลัวในโลกนี้ที่สามารถยับยั้งเขาได้อย่างสมบูรณ์ ดอยล์นั้นรู้จักคาถาเวทที่สามารถทำให้คนอื่นกลายเป็นหินได้ด้วยการมองเห็น แต่ผลของมันมักจะเกิดขึ้นในอัตราที่ช้ามาก ทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้ในการต่อสู้
ทว่าหุ่นเชิดของดอยล์และแขนที่แท้จริงของเขา กลับกลายเป็นหินภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
มันได้ก้าวข้ามความเข้าใจของผู้บริหารหนุ่มจากภาคีแห่งนักบุญ สิ่งหนึ่งที่เขารู้ก็คือเขาต้องรีบหนีจากเด็กคนนี้ไปให้ไกลที่สุด
เมื่อสังเกตเห็นว่าแก่นของหุ่นกระบอกสัตว์ประหลาดของเหลวพุ่งไปยังทิศทางของกองเรือศัตรู สายตาของโรเอลก็เปลี่ยนไปอย่างแข็งกร้าว เขาไม่คิดที่จะปล่อยให้ดอยล์รอดไปได้
【133, 132, 131…】
โรเอลจำได้อย่างชัดเจนว่าดอยล์เหวี่ยงใบมีดเพชฌฆาตทำร้ายชาร์ล็อตอย่างไร สิ่งนี้ช่วยยืนยันความตั้งใจของเขาที่จะสังหารผู้เชิดหุ่นกระบอก เด็กชายห่อหุ้มร่างกายของตนด้วยพลังเวทอันเย็นยะเยือกพร้อมเร่งความเร็วไล่ตามอีกฝ่ายไปอย่างรวดเร็ว
“หยุดเขา! หาทางหยุดเขาให้ได้ เร็วเข้า!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงโรเอลที่กำลังใกล้เข้ามา ดอยล์ผู้หวาดกลัวก็ตะโกนสั่งไปที่ลูกเรือเขา ในขณะที่เขาเคลื่อนแก่นของหุ่นเชิดไปยังเรือรบที่ใกล้ที่สุด เมื่อได้รับคำสั่ง เรือรบก็เล็งปืนใหญ่ไปที่โรเอลยิงลำแสงสีทองทำลายล้างใส่เด็กชาย
ทว่าต่อหน้าภัยคุกคามที่พุ่งเข้ามา โรเอลก็ไม่คิดที่จะถอยหลังหรือหลบเลี่ยง เขาเปล่งพลังเวทสีแดงออกมา ราวกับประกายไฟที่ลุกโชนบนธารน้ำแข็งอันเย็นยะเยือก จากนั้นโครงกระดูกขนาดมหึมาก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางแสงสีแดงเข้มและหมอก
หมัดสีแดงเข้มพุ่งออกไปด้วยแรงมหาศาลจนน่าตกใจ ชั่วขณะหนึ่งโลกทั้งใบดูเหมือนจะมืดลง โดยไร้การต้านทานใด ๆ ลำแสงสีทองกระจายออกไปด้วยแรงกระแทกของหมัดอันทรงพลัง หมัดยังคงพุ่งไปข้างหน้าด้วยแรงกระแทกที่เพิ่มขึ้น ทุบผ่านสิ่งกีดขวางทั้งหมดที่ขวางทาง ก่อนที่จะทุบลงบนเรือรบ
ตูม!
เรือรบระเบิดออกกระจายเป็นเสี่ยง ด้วยการทำลายล้างเกิดขึ้นรอบ ๆ โครงกระดูกสีแดงเข้มขนาดมหึมาดูเหมือนดั่งตัวตนแห่งความหายนะ ความน่าสะพรึงกลัวนี้ทำให้ความเงียบสงบกระจายไปทั่วสนามรบชั่วขณะหนึ่ง เหล่าพันธมิตรของโรเอลที่มองเห็นเหตุการณ์จากที่อันห่างไกลต่างก็ยกดาบขึ้น ส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี ส่วนศัตรูเองก็เริ่มกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าในช่วงเวลาอันน่าทึ่งนี้ กลุ่มของเหลวที่เป็นแก่นของหุ่นเชิดสามารถแอบหลบหนีไปยังระยะไกลได้ หัวของดอยล์เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ แต่รอยยิ้มเล็ก ๆ ได้กลับมาที่ใบหน้าของเขาอีกครั้ง
ในที่สุดเราก็หนีรอดออกมาได้แล้ว
พลังที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันของไอ้เด็กเหลือขอนั้นน่าจะมีเวลาจำกัด เราอาจจะยังมีโอกาสโจมตีสวนกลับมันได้ในภายหลัง ตราบใดที่เราซ่อนตัวให้ดีและรอคอยจังหวะล่ะก็… เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมเรือถึงเย็นขนาดนี้กัน?
ขณะที่ดอยล์กำลังวางแผนการ จู่ ๆ เขาก็สังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติรอบ ๆ ตัว และหลุดออกมาจากภวังค์ความคิด ขณะเดียวกันเสียงทักทายอันเย็นชาก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของเขา
“อรุณสวัสดิ์ คุณดอยล์”
มันเป็นเสียงของเด็กชายผมดำนั่นเอง