บทที่ 163 การเคลื่อนย้ายครั้งที่สอง หนองน้ำปราณมายา

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

“รสชาติเต่าถุยรึ!”

ใบหน้าของเจวี้ยนเอ๋อร์เหมือนดวงอาทิตย์ที่อับแสงลงเรื่อยๆ หลังจากได้ยินคำประเมินของปู้ฟาง ราวกับกระจกที่แตกร้าวกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยคำพูดเดียว

ปู้ฟางไม่ได้พยายามพูดเอาใจหรือสนใจความรู้สึกของเจวี้ยนเอ๋อร์แม้แต่น้อย จนหลัวซานเหนียนเองก็ไปต่อไม่ถูก

เซียวเยียนอวี่และเซียวเสี่ยวหลงรู้สึกประหลาดใจเป็นอันมาก จากประสบการณ์ที่ผ่านมา พวกเขารู้ว่าปกติปู้ฟางจะเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ทุกข้อผิดพลาดในอาหารจานนั้นอย่างเผ็ดร้อน แต่คราวนี้กลับหยุดหลังจากเอ่ยออกมาสองคำได้อย่างไรกัน

รสชาติเต่าถุยรึ ปกติพวกเขาเองก็ไม่เคยได้ยินปู้ฟางชมอาหารจานอื่นๆ ว่าอร่อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว…

“ไอ้ผีบ้านี่ พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน เจวี้ยนเอ่อร์อุตส่าห์ตั้งใจทำทาร์ตไข่นี่อย่างเอาเป็นเอาตายจนไม่ได้นอนเลยทั้งคืน อย่างน้อยก็พูดอะไรดีๆ ถนอมน้ำใจกันบ้างไม่ได้รึ” หลัวซานเหนียนพูดด้วยความไม่สบอารมณ์เป็นอันมาก

ปู้ฟางเหลือบตามองหลัวซานเหนียนที่กำลังเดือดแล้วเอ่ยตอบ “ข้าจะถนอมน้ำใจไปเพื่ออะไร การถนอมน้ำใจจะทำให้นางพัฒนาฝีมือขึ้นได้หรือ”

หลัวซานเหนียนหน้าเก้อไปทันที นางตอบไม่ถูกเลยทีเดียว เป็นเรื่องจริงเสียด้วยที่ใครๆ ก็พูดอะไรดีๆ ถนอมน้ำใจกันได้ แต่การถนอมน้ำใจนั้นรังแต่จะทำให้ผู้ได้ยินเข้าใจผิด จนพึงพอใจในผลงานของตนเองและมองไม่เห็นข้อผิดพลาด แล้วหากไม่รู้ข้อผิดพลาดของตนเอง จะพัฒนาสิ่งที่ทำให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไร

“ไม่มีอะไรให้ประเมิน ทาร์ตไข่ของเจ้ารสชาติแย่ หรือก็คือ… มันกินไม่ได้” ปู้ฟางเอ่ย เขามองเจวี้ยนเอ๋อร์ด้วยสายตาแหลมคมเหมือนหอกที่พุ่งเข้าปักกลางใจของนาง ทำให้จิตใจของนางสั่นคลอนด้วยความเจ็บปวด

“ข้า… ข้า…” เจวี้ยนเอ๋อร์ถูกทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรง ดวงตาของนางพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง การที่ผลงานของตนเองโดนต่อว่าอย่างไร้ความปรานีหลังจากตรากตรำทำทั้งคืนเช่นนี้ นางจะไปทนฟังอย่างมีความสุขอยู่ได้อย่างไร

“ใจเย็นๆ ให้ข้าพูดให้จบก่อน” ปู้ฟางพูดพร้อมรอยยิ้ม ดวงตาของเขาอ่อนลงเล็กน้อย

“หากเจ้าอยากทำทาร์ตไข่ที่รสชาติอร่อยจริงๆ ข้าจะให้โอกาสเจ้าแก้มืออีกสองครั้ง จงนำทาร์ตไข่ที่เจ้าคิดว่าดีที่สุดมาให้ข้าประเมิน หากเจ้าทำให้ข้ายอมรับในฝีมือได้ ข้าก็จะบอกให้ว่าทาร์ตไข่ของเจ้ามีอะไรต้องปรับปรุงบ้าง มิเช่นนั้น… ก็ลืมเรื่องนี้ไปเสีย” ชายหนุ่มเอ่ย

เจวี้ยนเอ๋อร์และหลัวซานเหนียนประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยินเป็นอันมาก พวกนางไม่ได้คาดคิดว่าปู้ฟางจะพูดอะไรเช่นนี้ออกมา เขาหมายความว่าอย่างไรกัน แปลว่าปู้ฟางจะช่วยบอกเคล็ดลับให้เจวี้ยนเอ๋อร์พัฒนาฝีมือตนเองเช่นนั้นหรือ

เซียวเยียนอวี่และเซียวเสี่ยวหลงเองก็ประหลาดใจเช่นกัน

ปู้ฟางลุกขึ้นยืนแล้วสูดลมหายใจเข้า พลางหันหน้าไปหาบรรดาแขกในร้านแล้วเอ่ย “เอาละ วันนี้หมดเวลาทำการแล้ว เชิญทุกคนออกไปได้”

จากนั้นชายหนุ่มก็หันไปมองเจวี้ยนเอ๋อร์อีกครั้ง “จำไว้ให้ดี เจ้ามีโอกาสเพียงสองครั้งเท่านั้น หากเจ้าทำให้ข้ายอมรับไม่ได้… ก็คงไม่มีอะไรต้องพูดอีกนอกจากขออภัย”

พอพูดจบเขาก็หันหลังเดินกลับเข้าครัวไป

ทุกคนในร้านหันมามองหน้ากัน แล้วก็เดินออกไปทีละคนสองคน

เจวี้ยนเอ๋อร์ยังคงไม่หายจากอาการตกใจ ปู้ฟางบอกให้นางทำทาร์ตไข่มาให้เขาชิมจริงๆ น่ะหรือ แปลว่าหากนางทำทาร์ตไข่ที่เขายอมรับได้ เขาจะสอนวิธีการทำทาร์ตไข่ที่แท้จริงให้นางเช่นนั้นหรือ

ความรู้สึกเจ็บปวดที่ได้รับจากตอนที่ปู้ฟางชำแหละทาร์ตไข่ของนางด้วยฝีปากมลายหายไปหมดสิ้น

หากนางได้รับคำชี้แนะจากปู้ฟาง นางมั่นใจว่าตนเองจะทำทาร์ตไข่ที่ทั้งอร่อยและสวยงามได้อย่างแน่นอน

“ขอบพระคุณเถ้าแก่ปู้เจ้าค่ะ ข้าสัญญาว่าจะตั้งใจทำสุดชีวิตเพื่อให้เถ้าแก่ปู้ยอมรับในตัวข้า!” เจวี้ยนเอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง พร้อมโค้งคำนับเป็นมุมฉาก

จากนั้นเจวี้ยนเอ๋อร์ก็ลากหลัวซานเหนียนออกจากร้านไป นางรีบกลับไปที่ตำหนักขุนศึกด้วยความตื่นเต้น และเริ่มเตรียมการทำทาร์ตไข่ทันที นางตั้งใจจะทำทาร์ตไข่ที่ได้รับการยอมรับจากเถ้าแก่ปู้ให้จงได้

ในค่ำคืนอันหนาวเหน็บของฤดูหนาว ดวงจันทร์คู่ส่องแสงสว่างเจิดจ้าลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า แผ่แสงสีเงินเย็นเข้าปกคลุมพื้นผิวโลกเอาไว้เหมือนม่านหมอก

ปู้ฟางเดินกลับไปที่ห้องหลังจากฝึกทักษะการใช้มีดและการแกะสลัก รวมถึงหมักสุราหัวใจหยกเยือกแข็งถังใหม่เตรียมไว้สำหรับขายเสร็จเรียบร้อย เขาล้างเนื้อล้างตัว จากนั้นก็ขึ้นเตียงไปนั่งพิงหัวเตียง

“เหล้าสูตรใหม่ที่ข้าจะคิดค้นขึ้นมานี้ ต้องใช้ผลตื่นรู้ทางสามสายเป็นวัตถุดิบหลัก ส่วนสมุนไพรโลหิตปักษาเพลิงและสมุนไพรชนิดอื่นๆ ควรเป็นวัตถุดิบเสริม หากก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้ใช้สมุนไพรโลหิตปักษาเพลิงในการช่วยชีวิตจีเฉิงเสวี่ย คงจะนำมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักไปแล้ว” ปุฟ่างพึมพำกับตนเอง

แต่นอกจากผลตื่นรู้ทางสามสายและสมุนไพรโลหิตปักษาเพลิงแล้ว ปู้ฟางยังไม่มีสมุนไพรพลังปราณอื่นที่เหมาะจะใช้เพื่อการนี้ เขาจึงต้องเริ่มคิดหาวิธีออกไปเก็บสมุนไพรมาเพิ่มเติม

คุณสมบัติขั้นต่ำของสมุนไพรอื่นๆ ที่จะนำมาใช้นั้นไม่จำเป็นต้องสูงลิ่ว แต่… ก็ไม่ควรต่ำเกินไปเช่นกัน เนื่องจากหนี่หยันเคยบอกไว้ว่าลมหายใจมังกรนั้นใช้สมุนไพรระดับสูงที่มีค่ามากมายในการปรุง ทั้งยังหมักทิ้งเอาไว้ที่ก้นทะเลสาบปราณเป็นเวลาหลายปี ผลลัพธ์ที่ได้คือสุราคุณภาพเยี่ยมยากหาสิ่งใดเทียบเทียม

“ระบบ ช่วยพาข้าไปที่ใดก็ได้ที่สามารถเก็บสมุนไพรพลังปราณมาใช้ที สมุนไพรพลังปราณเองก็ถือเป็นวัตถุดิบชนิดหนึ่งเช่นกัน แปลว่าข้าควรมีสิทธิ์ออกไปเก็บได้” ปู้ฟางเรียกระบบในใจ

ระบบเงียบอยู่เป็นเวลานานก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นายท่านอยากเคลื่อนย้ายเพื่อออกไปตามหาวัตถุดิบหรือ”

“ใช่” ชายหนุ่มตอบเสียงจริงจัง

จากนั้นระบบก็เงียบเสียงลงอีกครั้ง หลังจากผ่านไปนาน เสียงเตือนก็ดังขึ้น “ตั้งพิกัดเรียบร้อยแล้ว การเคลื่อนย้ายจะเริ่มขึ้นในอีกหนึ่งชั่วยาม… ระหว่างนี้นายท่านโปรดเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทาง”

“หนึ่งชั่วยามรึ” ปู้ฟางพยักหน้าตอบรับ หนึ่งชั่วยามถือว่าไม่นานนัก แต่ก็เพียงพอให้เขาเตรียมตัวได้จนพร้อม

ความจริงก็ไม่มีอะไรที่เขาต้องเตรียมมากนัก เขาแค่ต้องนอนให้พอ ส่วนข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ส่วนมากมีอยู่ในกระเป๋าคลังเก็บอยู่แล้ว

ด้วยเหตุนี้ปู้ฟางจึงเดินกลับเข้าครัว หยิบโหลเครื่องปรุงที่ต้องการใช้ใส่เพิ่มเข้าไปในกระเป๋า ก่อนจะเดินกลับมาที่ห้อง ปีนขึ้นเตียงแล้วผล็อยหลับไป

เขานอนไปหนึ่งชั่วยามเต็ม

ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเสียงระบบดังเตือนในหัว จุดแสงสีขาวสว่างปรากฏขึ้นบนศีรษะของเขา แล้วลอยวนไปมาอย่างรวดเร็วเพื่อก่อตัวเป็นวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายแสนลึกลับ

ด้วยความที่เขาเคยผ่านการเคลื่อนย้ายมาก่อน ปู้ฟางจึงไม่ได้รู้สึกว่าต้องรีบร้อนอะไร เขากลับทำตัวสบายๆ ด้วยซ้ำไป ชายหนุ่มสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย มัดผมด้วยเชือกขนสัตว์ พอแต่งตัวล้างหน้าล้างตาเสร็จ วงแหวนปราณเคลื่อนย้ายก็ก่อตัวใกล้เสร็จพอดี

ไม่กี่ลมหายใจต่อมาวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายก็เสร็จสมบูรณ์ แสงสว่างสาดสองลงมาจากวงแหวนปราณ ครอบตัวปู้ฟางเอาไว้ทั้งหมด

จากนั้นลมพายุรุนแรงก็พัดผ่านห้องนอนของเขาราวกับจะหอบทุกสิ่งให้หายวับไปกับตา

ไม่นานนักร่างของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ท่ามกลางสายลมโหมกระหน่ำก็ถูกโอบล้อมเอาไว้จนมิด แล้วอันตรธานหายไปในที่สุด

หนองน้ำปราณมายาเป็นดินแดนที่กว้างใหญ่ไพศาลจนราวกับไร้ที่สิ้นสุด ตั้งอยู่บริเวณตอนเหนือของดินแดนป่ารกชัฏและจักรวรรดิวายุแผ่ว

ในทวีปมังกรซ่อนเร้นนั้นมีสถานที่อันตรายอยู่สี่ที่ด้วยกัน ได้แก่ ดินแดนป่ารกชัฏ หนองน้ำปราณมายา แม่น้ำใหญ่ธารแสนสาย และเทือกเขาอู่เหลียง…

หนองน้ำปราณมายาเป็นสถานที่อันตรายที่ชื่อเสียงระบือไกลไม่แพ้ดินแดนป่ารกชัฏเลยทีเดียว เนื่องจากเต็มไปด้วยอสูรเวทมากมายหลากหลายชนิดที่ใช้ที่แห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัย แต่อสูรเวทที่นี่นั้นแตกต่างจากที่ดินแดนป่ารกชัฏพอตัว หลายชนิดเป็นอสูรเวทหนองน้ำ ซึ่งใช้พลังปราณจากภายในหนองน้ำในการเพิ่มระดับพลังปราณให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น

แม้หนองน้ำปราณมายาจะเป็นสถานที่อันตราย แต่ก็เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังปราณและน้ำมากมาย ซึ่งเอื้อต่อการเจริญเติบโตของสมุนไพรประเภทต่างๆ ได้ดีกว่าในดินแดนป่ารกชัฏ ทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยสมุนไพรพลังปราณที่ระดับสูงกว่านั่นเอง มีนักผจญภัยในทวีปมังกรซ่อนเร้นหลายคนที่เลือกเสี่ยงโชคในหนองน้ำปราณมายา หากหาสมุนไพรระดับหกมาได้… ก็ไม่ต่างอะไรกับส้มหล่นเลยทีเดียว

ด้วยเหตุนี้ใครหลายคนจึงพากันไปค้นหาความมั่งคั่งที่หนองน้ำปราณมายา

ไม่ว่าสถานที่เหล่านี้จะอันตรายเพียงใด หากมีโอกาสทำเงินได้ ก็ย่อมมีคนไปท้าทายเสมอ

ณ หนองน้ำปราณมายาอันสงบสุข จุดแสงสีขาวปรากฏขึ้นแล้ววิ่งวนเพื่อก่อร่างเป็นวงแหวนปราณในท้องฟ้า ไม่นานนักวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายสุดลึกลับก็ปรากฏขึ้นในสภาพสมบูรณ์กลางอากาศ

ลมกรรโชกแรงพัดหอบออกมาจากวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายพร้อมเสียงหวีดหวิว ทำให้น้ำในหนองน้ำกระจายปลิวว่อนไปในอากาศ

ความสงบสุขของดินแดนอันชื้นแฉะถูกทำลายลงทันที ฝูงนกที่อยู่ใกล้ๆ ต่างตื่นตกใจจนพากันกางปีกบินหายไปในท้องฟ้า

เมื่อลมพายุเริ่มสงบ หยดน้ำที่ลอยวนอยู่ในอากาศตามแรงลมก็ร่วงกลับลงบนพื้น

ร่างโปร่งปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่พายุร้ายสงบ