บทที่ 164 ชนเผ่ามนุษย์อสรพิษแห่งหนองน้ำปราณมายา

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

ณ หนองน้ำปราณมายาอันกว้างใหญ่ไพศาลที่ส่องประกายระยิบระยับล้อแสงแดด ฝูงนกกำลังบินแตกกระจายวุ่เพราะตกใจเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นของพายุ

ปู้ฟางเลิกคิ้วขึ้นแล้วก้าวไปบนพื้นที่ชื้นแฉะยวบยาบ

“ข้าอยู่ที่ใดกัน” สีหน้าของชายหนุ่มมืดลงเล็กน้อยเมื่อเขารู้สึกตัวว่าตนเองไม่ได้อยู่ที่ดินแดนป่ารกชัฏเหมือนคราวก่อน แต่กลับมาโผล่ยังสถานที่ที่ไม่คุ้ยเคย เขามองไปรอบๆ แล้วก็พบว่ารอบตัวมีแต่น้ำและหญ้ารกสุดลูกหูลูกตา

ปู้ฟางก้าวเดินไปข้างหน้า พื้นยวบยาบทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ชายหนุ่มประเมินได้ว่าตนเองน่าจะอยู่ตรงบริเวณที่เป็นหนองน้ำ หลุมบ่อเจิ่งนองและพงหญ้ารกหนารอบกายนั้นไม่เหมือนดินแดนป่ารกชัฏที่เขาเคยไปเยือนเลยแม้แต่น้อย…

นี่ระบบเอาเขา… มาทิ้งไว้ที่ใดกัน!

แล้วที่แบบนี้มันจะไปมีสมุนไพรพลังปราณได้อย่างไร หรือว่าระบบจะรวนกันนะ เลยนำเขามาส่งผิดที่โดยไม่ได้ตั้งใจ

ปู้ฟางส่งพลังปราณออกไปห่อหุ้มฝ่าเท้าของตัวเองเอาไว้ แล้วก็พบว่าเดินเหินสะดวกขึ้นมากในดินแดนที่ยวบยาบเป็นหลุมเป็นบ่อเช่นนี้ เขาถูกหนองน้ำสุดลูกหูลูกตาล้อมเอาไว้อย่างสิ้นเชิง รอบตัวมีแต่ดินโคลนทุกย่างก้าว ปู้ฟางมั่นใจว่าหากไม่ได้ใช้พลังปราณช่วย เขาคงจมลงหนองน้ำมิดภายในไม่กี่ก้าวอย่างแน่นอน

การเป็นผู้ฝึกตนระดับห้าขั้นราชันยุทธการทำให้เขามีพลังปราณปริมาณมากอยู่ในกาย ดังนั้นการใช้พลังปราณเที่ยงแท้ห่อหุ้มฝ่าเท้าเพื่อให้เดินบนน้ำได้จึงไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด ผู้ฝึกตนระดับห้าคนใดก็ทำได้ทั้งสิ้น ปู้ฟางมีความสามารถในการควบคุมปริมาณพลังปราณได้ดีกว่าขั้นราชันยุทธการทั่วไป จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะทำเช่นนี้ได้

เสียงเหยียบน้ำจ๋อมแจ๋มดังขึ้นตามฝีเท้าของปู้ฟางที่เหยียบลงไปบนพื้นเฉอะแฉะ ดังสะท้อนไปทั่วพื้นที่เปิดโล่งกว้างขวางของหนองน้ำ

เสียงที่ดังออกจากหนองน้ำเรื่อยๆ นั้นทำให้ปู้ฟางขมวดคิ้ว ชายหนุ่มรู้สึกระแวดระวังตัวขึ้นมาทันที

“ข้าควรรีบหาสมุนไพรให้เสร็จโดยเร็วและรีบกลับให้ไวที่สุด… บรรยากาศเช่นนี้ข้ารู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย” ปู้ฟางพึมพำกับตนเอง จากนั้นก็เดินหน้าต่อไป

หนองน้ำปราณมายาเป็นถึงหนึ่งในสี่สถานที่อันตรายที่สุดในทวีปมังกรซ่อนเร้น แล้วจะไม่มีสมุนไพรพลังปราณได้อย่างไร ปู้ฟางเดินย่ำไปข้างหน้าพร้อมสอดส่ายสายตาไปรอบๆ เพื่อมองหาสมุนไพรพลังปราณ

ขณะที่กำลังก้าวเดิน ทันใดนั้นชายหนุ่มก็เห็นว่าพื้นน้ำเริ่มมีฟองอากาศผุดขึ้นมา ปู้ฟางจากนั้นบางอย่างก็กระโจนขึ้นมาจากผืนน้ำ ทำเอาโคลนสาดกระจายไปทั่ว

สิ่งนั้นเป็นอสูรเวทหน้าตาน่าเกลียดเป็นที่สุด มันไม่ได้มีขนาดใหญ่ แต่การที่จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้ ก็ทำให้ปู้ฟางถึงกับต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย

ร่างของมันดูเหมือนคางคง ทั้งตัวเกรอะกรังไปด้วยชั้นดินเหนียวหนาสีดำ กลิ่นเหม็นคละคลุ้งชวนสยอง มันจ้องมาที่ปู้ฟางพร้อมพองถุงลมที่อยู่รอบคอ

“ดูจากพลังปราณจางๆ ที่ไหลออกจากร่าง น่าจะเป็นอสูรเวทระดับสาม” ชายหนุ่มพึมพำกับตนเองขณะมองอสูรตรงหน้าด้วยสายตาไร้อารมณ์ เขาในตอนนี้อยู่ในระดับที่ไม่ต้องกังวลเรื่องอสูรเวทระดับสามแม้แต่น้อย

แม้ตัวเขาเองจะต่อสู้ไม่เก่งนัก แต่การจัดการอสูรเวทระดับสามนั้นก็จัดว่าง่ายพอตัว

ปู้ฟางดีดนิ้วเพื่อส่งกระสุนพลังปราณให้พุ่งตรงไปหาคางคกตรงหน้า มันทำเสียงประหลาด ก่อนพ่นโคลนเหม็นเน่าออกจากปาก เพื่อสกัดกระสุนพลังปราณของปู้ฟาง

สำหรับขั้นราชันยุทธการ การจัดการกับอสูรเวทระดับสามเป็นเรื่องง่ายมาก แม้ปู้ฟางจะสู้ไม่เก่ง แต่ความแตกต่างด้านพลังปราณระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้นเรียกได้ว่าถมเท่าไรก็ถมไม่เต็ม เขาสามารถจัดการอสูรเวทตัวนี้ได้ด้วยการใช้พลังปราณเที่ยงแท้เพียงอย่างเดียว

ปัง! กระสุนพลังปราณเจาะทะลุขาของคางคก มันส่งเสียงกรีดร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็ผุดกลับลงหนองน้ำไป ส่งดินโคลนให้สาดกระจายไปทั่ว แล้วหายตัวไปในพริบตา

ปู้ฟางไม่ได้ออกไล่ล่า หรือหากพูดให้ถูกคือเขาไม่ได้สนใจจะทำต่างหาก เนื่องจากไม่ได้มีความรู้สึกอยากเอาอสูรเวทหน้าตาเหมือนคางคกตัวนี้ไปทำอาหารแม้แต่น้อย

ด้วยเหตุนี้ปู้ฟางจึงไม่ได้สนใจอสูรเวทตัวนี้อีก เขาย่ำลงบนน้ำเพื่อเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ

ชนเผ่ามนุษย์อสรพิษเป็นชนเผ่าที่พบเจอได้บ่อยที่สุดในหนองน้ำปราณมายา ชนเผ่านี้มีหน้าตาคล้ายมนุษย์ แต่ก็มีหลายส่วนที่แตกต่างออกไปเช่นกัน

อย่างแรกก็คือวิธีการสืบพันธุ์ของมนุษย์อสรพิษนั้นแตกต่างจากมนุษย์ธรรมดาทั่วไป ปกติมนุษย์จะคลอดลูก แต่มนุษย์อสรพิษวางไข่เพื่อสืบพันธุ์ อาจเป็นเพราะช่วงล่างของมนุษย์อสรพิษนั้นเป็นงู

ในหมู่ชนเผ่ามนุษย์อสรพิษมีนักรบที่เก่งกล้ามากมาย ทุกคนล้วนเกิดมาเพื่อเป็นนักรบโดยกำเนิด เนื่องจากหนองน้ำปราณมายาเป็นสถานที่ที่มีเพียงผู้ซึ่งแข็งแกร่งกว่าเท่านั้นจึงจะอยู่รอด คนที่อ่อนแอจะถูกอสูรเวทที่ซ่อนตัวอยู่ตามหนองน้ำกลืนกินจนสิ้นชีวิตไป

เหล่ามนุษย์อสรพิษมีผู้ปกครองเช่นเดียวกับมนุษย์ปกติ แม้ระบบสังคมจะอยู่กันเป็นชนเผ่า แต่ทุกเผ่าก็รวมกันเป็นหนึ่งเดียวภายใต้ผู้ปกครองอาณาจักร ในหนองน้ำปราณมายานี้มีชนเผ่ามนุษย์อสรพิษน้อยใหญ่กระจายอยู่ทั่วไป แต่ละเผ่ามีผู้อาวุโสที่สามารถใช้วงแหวนปราณเพื่อสื่อสารกับผู้ปกครองอาณาจักรได้

สมาชิกของแต่ละชนเผ่าใช้ชีวิตตามปกติสุขอย่างที่ควรจะเป็น พร้อมโบกสะบัดหางงูสีสันเจิดจ้าไปด้วย

พวกเขามีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างปกติเหมือนมนุษย์ทั่วไป และมีบ้านที่ใช้อยู่อาศัย แต่บ้านของพวกเขานั้นสร้างอยู่บนหนองน้ำจึงออกจะหยาบไปเสียหน่อย กระนั้นก็ยังถือว่าเป็นบ้าน และเป็นสถานที่ที่มีความหมายกับมนุษย์อสรพิษทุกตนมากเสียจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้

ผู้อาวุโสมนุษย์อสรพิษร่างผอมแห้งที่ท่อนบนเปลือยเปล่ากำลังเลื้อยตัดหนองน้ำพร้อมสะบัดหางงูของตนเองไปด้วย เขากำลังพูดกับมนุษย์อสรพิษหนุ่มที่มีกล้ามแข็งแรง ผู้ซึ่งยืนอยู่ระยะไกล “อาหนี่! ส่งทหารยามแข็งแรงกำยำไปเฝ้าสวนสมุนไพรที เกือบใกล้ฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว เราจะปล่อยให้เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นไม่ได้เป็นอันขาด ปีที่แล้วเผ่าเราถูกท่านประมุขว่ามาแล้ว ปีนี้เราต้องทำให้ดีให้ได้”

มนุษย์อสรพิษผู้มีชื่อเสียงเรียงนามว่าอาหนี่ฉีกยิ้มกว้างออกมาทันที เผยให้เห็นเขี้ยวคมกริบ “ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เลยขอรับ! ผู้อาวุโสไม่ต้องห่วงไป ปีนี้เราจะเก็บเกี่ยวได้อย่างเต็มที่แน่นอน มีสมุนไพรพลังปราณหลายชนิดที่พร้อมเก็บเกี่ยวแล้ว โดยเฉพาะดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งที่กำลังจะบานพอดี เมื่อเวลานั้นมาถึง รับรองว่าท่านประมุขจะต้องชื่นชมเผ่าเราแน่นอน หากเราส่งสมุนไพรที่เก็บเกี่ยวได้ไปพร้อมดอกบัวดอกนั้น!”

มนุษย์อสรพิษผู้อาวุโสกลอกตาใส่ชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยพลังงานเต็มเปี่ยม ก่อนพูดด้วยความหัวเสีย “อย่าประมาทไป จงตั้งใจเฝ้าไว้ให้ดี อย่าให้เกิดเหตุร้ายขึ้นเป็นอันขาด… อ๋อใช่แล้ว ไอ้พวกมนุษย์แสนเจ้าเล่ห์จากตำหนักเมฆาขาวจะต้องรู้แน่ว่าดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งกำลังจะบาน อย่าให้พวกมันมาสอดได้เป็นอันขาดเชียว”

“หากไอ้พวกมนุษย์เจ้าเล่ห์เพทุบายหน้าไหนกล้าปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าข้า ข้าจะฉีกมันให้เป็นชิ้นๆ เลย!” ดวงตาของอาหนี่เคลือบด้วยแววโหดร้ายกระหายเลือด เขากำหมัดแน่น ส่งให้กล้ามเนื้อบนตัวสั่นเล็กน้อย พลังปราณเที่ยงแท้ระเบิดออกจากกาย ระดับของพลังปราณที่แผ่ออกมานั้นเทียบเคียงได้กับผู้ฝึกตนระดับหกขั้นจักรพรรดิยุทธการทั่วไปเลยทีเดียว

มนุษย์อสรพิษชรายิ้มพลางส่ายหน้า หลังจากบอกลาผู้อาวุโส อาหนี่ก็เลื้อยไปที่สวนสมุนไพรพร้อมนำมนุษย์อสรพิษหนุ่มสองสามตนติดตามไปด้วย

ซ่า!

เรือลำน้อยที่ทำมาจากวัสดุไม่ทราบชนิดค่อยๆ ไหลผ่านทางน้ำของหนองน้ำปราณมายาอันแสนกว้างใหญ่ ที่ท้ายเรือมีวงแหวนปราณกะพริบแสงเจิดจ้าอยู่ วงแหวนปราณนี้เป็นตัวสร้างแรงผลักดันให้เรือเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้

เรือเช่นนี้ทำให้การเดินทางผ่านหนองน้ำเป็นเรื่องรวดเร็วและแสนสะดวกสบาย

ลายเมฆสีขาวแต่งแต้มอยู่ทั้งสองด้านของกาบเรือ ลายเมฆเหล่านั้นดูสมจริงมากจนเหมือนขยับได้จริง

บนเรือมีคนสามคนนั่งขัดสมาธิอยู่ พลังปราณที่สัมผัสได้จากตัวพวกเขานั้นแข็งแกร่งมาก จนทำให้หญ้ารอบกายลู่ลงกับพื้นจากแรงกดดัน

ทันใดนั้นชายหนุ่มผิวขาวที่นั่งอยู่ตรงกลางก็เปิดเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย เขามีหน้าตาหล่อเหลายากหาใครเทียบเทียม ผิวขาวอมชมพูทำให้ชายหนุ่มผู้นี้ดูมีเสน่ห์น่าดึงดูดใจเป็นอันมาก

ผมที่ปรกหน้าผากของชายหนุ่มโบกสะบัดไปตามสายลม

“แม่นาง… เอ่อ นายน้อยขอรับ เรากำลังจะถึงถิ่นที่อยู่ของชนเผ่ามนุษย์อสรพิษแล้ว ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งที่นายน้อยตามหาอยู่ในสวนสมุนไพรของชนเผ่านี้ขอรับ” ชายที่นั่งอยู่ด้านหน้าของหนุ่มหน้าตาดีคนนั้น หันหลังกลับมาพูดกับอีกฝ่าย

ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาลืมตาขึ้น รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก ดวงตามองไปยังตึกรามบ้านช่องที่สร้างอย่างหยาบๆ ซึ่งอยู่ไกลลิบจนเกือบมองไม่เห็น

“เราแวะแถวๆ ที่ตั้งเผ่านี้กันก่อนดีกว่า มาหาข้อมูลเกี่ยวกับสวนสมุนไพรนี้กันเสียหน่อย”