บทที่ 165 สวนสมุนไพรของเผ่ามนุษย์อสรพิษ

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

“พี่ใหญ่อาหนี่!”

“พี่ใหญ่อาหนี่ สวัสดีขอรับ! มาตรวจดูสวนสมุนไพรหรือขอรับ”

“ขั้นปราณของพี่ใหญ่อาหนี่นี่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เลย! พลังปราณของเขาช่างน่าประทับใจจริงๆ!”

อาหนี่ยืดอกเลื้อยอาดๆ ผ่านพื้นชื้นแฉะของหนองน้ำ ท่อนบนของเขาเปลือยเปล่า เผยให้เห็นมัดกล้ามแข็งแกร่ง และรอยสักแสนประหลาดที่ทำให้เขาดูดุร้ายขึ้นอีกเล็กน้อย

บรรดามนุษย์อสรพิษตนอื่นๆ ทำความเคารพอาหนี่ด้วยความยกย่องขณะที่เขาเลื้อยผ่าน หลายคนมีสีหน้านบนอบ แต่หลายคนก็มีแววอิจฉาอยู่ในดวงตา อาหนี่ไม่ใช่คนที่มีขั้นปราณสูงสุดในเผ่ามนุษย์อสรพิษนี้ แต่หัวหน้าเผ่าและผู้อาวุโสต่างมองว่าเขาเป็นผู้ที่มีศักยภาพสูงสุดที่จะเติบใหญ่ในอนาคต

ด้วยพลังปราณระดับหกขั้นจักรพรรดิยุทธการ อาหนี่มักออกล่าจระเข้หางวิญญาณที่เป็นอสูรเวทระดับห้าเสมอ และสามารถฉีกมันเป็นชิ้นๆ ได้ด้วยมือเปล่า ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องน่ายกย่องในหมู่มนุษย์อสรพิษด้วยกันเอง

ด้วยความที่มนุษย์อสรพิษสามารถสร้างสังคมขึ้นในสถานที่อันตรายอย่างหนองน้ำปราณมายาได้แม้จะถูกอสูรเวทที่ทรงพลังมากมายระรานอยู่เสมอ พวกเขาจึงมีกฎความอยู่รอดภายในหมู่มนุษย์อสรพิษด้วยกันเอง

การที่พวกเขาจะมีชีวิตรอดอยู่ได้ในสภาวะแวดล้อมที่อันตรายถึงชีวิตเช่นนี้ อย่างแรกจะต้องจัดการกับอสูรเวทให้เป็นเสียก่อน ด้วยเหตุนี้เหล่ามนุษย์อสรพิษจึงใช้ความสามารถในการฆ่าจระเข้หางวิญญาณเป็นมาตรวัดความแข็งแกร่งในหมู่พวกเขาด้วยกันเอง เนื่องจากอสูรเวทชนิดนี้เป็นอันตรายต่อตัวพวกเขามากที่สุด

มนุษย์อสรพิษตนใดที่สามารถสังหารจระเข้หางวิญญาณได้ จะถือว่าเป็นนักรบตัวจริงในชนเผ่านี้

ชนเผ่าของอาหนี่ถือเป็นเผ่าขนาดเล็ก แต่กลับมีประชากรอยู่มากจนน่าประหลาดใจ หากเทียบกับสังคมมนุษย์ปกติแล้ว ถือว่ามากพอๆ กับจำนวนคนในเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งเลยทีเดียว

แม้บ้านช่องของพวกเขาจะสร้างขึ้นมาหยาบๆ แต่ก็ยังถือเป็นที่อยู่อาศัยได้ บ้านเรือนที่เรียงรายกันเป็นแถวนั้นดูเหมือนเมืองเล็กๆ ไม่มีผิด

อาหนี่เคยได้ยินจากผู้อาวุโสว่า มีเมืองขนาดใหญ่ที่สร้างโดยมนุษย์อสรพิษอยู่ที่ไหนสักแห่งในหนองน้ำปราณมายาแห่งนี้เช่นกัน เมืองนั้นมีตึกรามบ้านช่องตั้งเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ การก่อสร้างก็เป็นไปอย่างประณีตทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ต่างอะไรจากเมืองที่มนุษย์เป็นคนสร้างเลยแม้แต่น้อย มนุษย์อสรพิษที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้น สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุขภายใต้การปกครองของประมุขอสรพิษ

สถานที่แห่งนั้นไม่มีจระเข้หางวิญญาณและอสูรเวทชนิดอื่นที่เป็นภัยคุกคามต่อชีวิตของพวกเขา บรรดาลูกหลานของคนเหล่านั้นหลังจากที่ฟักออกมาจากไข่ก็สามารถใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายไร้ซึ่งภัยอันตราย โดยไม่ต้องคอยกังวลเรื่องโลกภายนอกเลยแม้แต่น้อย… และนั่นคือโลกที่อาหนี่กับสมาชิกเผ่าคนอื่นๆ ต้องการ

ปัก! อาหนี่ใช้หางฟาดลงกับพื้น ทำให้น้ำเย็นสาดกระจายไปทั่ว

นักรบมนุษย์อสรพิษสองตนที่ถือหอกอยู่ในมือโค้งคำนับอาหนี่ด้วยท่าทางเคารพ

ทั้งสองตนนี้เป็นนักรบของเผ่า มีทำหน้าที่คุ้มกันพื้นที่ด้านหลังที่ล้อมเอาไว้ด้วยรั้วไม้ไผ่สร้างอย่างหยาบ นี่เป็นบริเวณที่สำคัญที่สุดของเผ่า เนื่องจากเป็นที่ตั้งของสวนสมุนไพร เบื้องหลังรั้วไม้ไผ่นี้มีสมุนไพรพลังปราณล้ำค่ามากมาย แม้ส่วนมากจะเป็นระดับสามหรือสี่ แต่ก็มีบ้างเช่นกันที่เป็นระดับห้าหรือหก มีแม้กระทั่งสมุนไพรระดับเจ็ดอย่างดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งที่กำลังจะเบ่งบานด้วย

“ทำหน้าที่ได้ดีมาก อย่าประมาทเชียวล่ะ คอยจับสังเกตอะไรก็ตามที่ดูเหมือนจะสร้างปัญหาให้สวนสมุนไพรไว้ ไอ้พวกมนุษย์ชั่วร้ายมันจมูกดีเหมือนหมา พอสมุนไพรเราโตเต็มที่พร้อมเก็บเกี่ยว พวกมันจะต้องวิ่งรี่เข้ามาเหมือนหมาตามกลิ่นแน่นอน เราจะปล่อยให้พวกมันมาทำนาบนหลังคนไม่ได้เป็นอันขาด” อาหนี่พูดพร้อมตบบ่าเหล่าทหารเฝ้าประตู

นักรบทั้งสองยืดอกขึ้นพร้อมพยักหน้าตอบรับทันที

มุมปากของอาหนี่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม เขาเลื้อยผ่านทหารทั้งสองเข้าไปในสวนสมุนไพร

เมื่ออาหนี่เหยียบเข้าไปในสวน กลิ่นหอมเข้มข้นของสมุนไพรที่อบอวลอยู่ในอากาศก็พุ่งเข้าโจมตีจมูกเขาทันที เขารู้สึกเหมือนถูกสะกดจิตอย่างไรอย่างนั้น

“อาหนี่ เจ้ากลับมาทำไมอีก”

ขณะที่อาหนี่กำลังสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเอากลิ่นสมุนไพรหอมๆ เข้าจมูก เสียงหวานไพเราะก็ลอยมาเข้าหู กลุ่มมนุษย์อสรพิษเพศหญิงเลื้อยออกจากส่วนลึกของสวนสมุนไพรตรงมาหาเขา

เหล่ามนุษย์อสรพิษเพศหญิงมีร่างกายท่อนล่างเป็นงูเหมือนอาหนี่ ส่วนร่างกายท่อนบนเหมือนมนุษย์เพศหญิงธรรมดาทั่วไป หน้าอกใหญ่โตของพวกนางถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าลินินที่ได้มาจากการซื้อขายแลกเปลี่ยนกับมนุษย์

ผู้นำของกลุ่มเป็นมนุษย์อสรพิษหญิงที่มีหน้าตางดงามเหมือนนางฟ้านางสวรรค์ ใบหน้าสมบูรณ์แบบราวถูกสลักด้วยฝีมือของพระผู้สร้าง อีกทั้งร่างกายยังโค้งเว้าได้สัดส่วน เรียกได้ว่าทิ้งห่างคนอื่นๆ ไปไกล

“หยูฟู่ เจ้านี่นับวันยิ่งสวยวันสวยคืนจริงๆ! วันหนึ่งเจ้าจะต้องมาเป็นภรรยาข้าแน่!” อาหนี่พูดพร้อมมองมนุษย์อสรพิษหญิงผู้นำกลุ่มด้วยสายตาเหมือนต้องมนต์

หยูฟู่ขมวดคิ้ว นางมองอาหนี่ด้วยสายตาเย็นชาพลางเอ่ยถาม “วันนี้เจ้ามาเพื่ออะไรอีก สวนสมุนไพรอยู่ในเขตความรับผิดชอบของพวกข้า เจ้ากำลังปรามาสว่าพวกข้าทำงานได้ไม่ดีพอหรือ”

อาหนี่เลียริมฝีปากแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “หยูฟู่ โปรดอย่าเข้าใจผิดเลย ข้าไว้ใจเจ้าแน่อยู่แล้ว เพียงแต่ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งกำลังจะผลิบาน ท่านผู้อาวุโสจึงส่งข้ามาช่วยคุ้มกันอีกแรง เพื่อไม่ให้ไอ้พวกมนุษย์เจ้าเล่ห์มันมาชิงไปก็เท่านั้น”

ใบหน้าของหยูฟู่ดีขึ้นทันทีหลังจากที่ได้ยินคำตอบ นางพยักหน้าพลางเอ่ยรับ “ถ้าเช่นนั้นก็ตามข้ามา”

จากนั้นกลุ่มมนุษย์อสรพิษหญิงก็พากันเลื้อยนำทางไป อาหนี่มองหยูฟู่ด้วยใบหน้าเหมือนต้องมนต์สะกด จากนั้นก็รีบเช็ดน้ำลายที่ไหลย้อยตรงมุมปากแล้วรีบตามพวกนางไป

“อืม… สมุนไพรนี่แค่ระดับสามเอง น่าเสียดาย”

ปู้ฟางรวบรวมพลังปราณจำนวนมากเอาไว้ที่ฝ่าเท้า แล้วนั่งยองๆ ลงเพื่อเด็ดใบไม้สีเขียวอมน้ำเงินซึ่งงอกออกจากผืนดิน ใบไม้เรียวยาวนั้นมีลายเหมือนเส้นเลือดสีดำวิ่งผ่านพื้นผิว

ชายหนุ่มเดินท่องในหนองน้ำปราณมายาอันแสนกว้างใหญ่มาเกินครึ่งวันแล้ว ระหว่างทางเขาเจอสมุนไพรมากมายแต่ก็เป็นเพียงระดับสองหรือสามเท่านั้น นานๆ ทีจึงจะเจอสมุนไพรระดับสี่ แต่สมุนไพรเหล่านั้นก็ยังไม่มีค่าในสายตาปู้ฟาง

เขาต้องการสมุนไพรที่สามารถนำไปผสมกับสมุนไพรโลหิตปักษาเพลิงและผลตื่นรู้ทางสามสายได้ เพื่อหมักสุราชนิดใหม่ที่ไร้เทียมทาน การใช้แค่สมุนไพรระดับสี่… ไม่เพียงพอต่อการทำเป้าหมายดังกล่าวให้สำเร็จ

ปู้ฟางยืนอยู่เหนือพื้นน้ำด้วยความช่วยเหลือของพลังปราณเที่ยงแท้ที่ฝ่าเท้า กระนั้นทุกย่างก้าวของเขาบนผิวน้ำก็ยังทำให้เกิดเสียงจ๋อมแจ๋ม

เขาเดินไปเรื่อยๆ แล้วก็พบสมุนไพรระดับสี่อีกชนิดหนึ่งระหว่างทาง ชายหนุ่มจัดการสังหารอสูรเวทหน้าตาเหมือนงูที่ปกป้องสมุนไพรนั้นอยู่ แล้วเก็บสมุนไพรเข้ากระเป๋าด้วยทัศนคติที่ว่าดีกว่าไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือเลย

“หืม อะไรกันน่ะ” หลังจากที่เดินต่อไปอีกสักพัก ปู้ฟางก็มองเห็นกลุ่มเงาขนาดใหญ่ที่หน้าตาเหมือนตึกรามบ้านช่องอยู่ในระยะไกล

“มีบ้านคนอยู่แถวนี้ด้วยหรือ มีคนมาสร้างหมู่บ้านในหนองน้ำเฉอะแฉะเช่นนี้เนี่ยนะ” ปู้ฟางประหลาดใจเป็นอันมาก หากมองตามหลักความเป็นจริงแล้ว พื้นยวบยาบของหนองน้ำนี้ไม่เหมาะกับการสร้างสิ่งปลูกสร้างใดๆ เลย

แม้ตัวเขาจะงุนงง แต่ก็ยังรู้สึกพอใจกับภาพที่เห็น อย่างน้อย… ก็ยังมีมนุษย์อยู่แถวนี้บ้าง

ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงเร่งฝีเท้าขึ้นเพื่อเดินไปยังทิศที่บ้านเรือนเหล่านั้นตั้งอยู่

ขณะเดินใกล้เข้าไปเรื่อยๆ เขาก็เห็นบางอย่างพุ่งตรงมาจากระยะไกล วืดผ่านตัวเขาไปด้วยความแรง ทำให้น้ำสาดกระจายขึ้นมาใส่ โชคดีที่ขั้นปราณของชายหนุ่มไม่ได้อ่อนแอมาก เกราะคุ้มกันที่สร้างจากพลังปราณจึงช่วยป้องกันไม่ให้ตัวเขาเปียกโชก

ปู้ฟางเหลือบตามองเรือไม้ที่แล่นผ่านไปด้วยสายตาไร้ความรู้สึก จากนั้นก็เม้มปาก

เหมือนอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด… มีคนอาศัยอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย ในที่สุดความมีชีวิตชีวาก็บังเกิดขึ้นในสถานที่เวิ้งว้างแห่งนี้เสียที

“ความจริงการเดินทางด้วยเรือก็สะดวกดีสำหรับพื้นที่ที่เป็นหนองน้ำเช่นนี้” ชายหนุ่มคิด

เรือไม้ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังปราณหยุดนิ่งลง จากนั้นร่างสามร่างก็ก้าวลงจากเรือ พวกเขาจัดการหุ้มฝ่าเท้าด้วยพลังปราณเที่ยงแท้ เพื่อให้ตัวเองยืนอยู่บนพื้นที่ชื้นแฉะได้อย่างมั่นคง

ชายหนุ่มใบหน้าขาวผ่องที่ยืนอยู่ตรงกลางโบกมือเพื่อเก็บเรือเข้ากระเป๋า

“นายน้อยอู๋ขอรับ… เมื่อกี้ไม่ได้มีคนยืนอยู่หรอกหรือ” ชายคนหนึ่งในกลุ่มอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา เมื่อนึกถึงภาพติดตาที่ตนเองเห็นตอนเรือพุ่งผ่าน ดูเหมือนว่าเขาจะจับสังเกตเห็นคนเดินย่ำอยู่ข้างทางได้

สตรีผู้ที่ถูกเรียกว่านายน้อยอู๋ ซึ่งความจริงเป็นหญิงสาวที่ปลอมตัวเป็นผู้ชาย… เหลือบมองชายผู้นั้นแล้วเอ่ย “ใครสนใจกันว่าจะมีคนอยู่ตรงนั้นหรือไม่ เป้าหมายของเราคือการนำดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งมาครอบครองให้ได้ ตราบใดที่หมอนั่นไม่เข้ามายุ่มย่ามเรื่องของเรา ก็ไม่จำเป็นจะต้องไปใส่ใจ อย่าลืมว่านี่ไม่ใช่ตำหนักเมฆาขาว แต่เป็นอาณาเขตของมนุษย์อสรพิษ”

ผู้ติดตามผู้นั้นพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง มนุษย์อสรพิษเป็นสิ่งมีชีวิตที่จะประมาทไม่ได้ และตัวเขาเองก็ไม่กล้าเลินเล่อเช่นกัน โดยเฉพาะขณะที่มีนายน้อยอยู่ข้างๆ นายน้อยนั้นเป็นคนสำคัญมาก หน้าที่ของเขาคือต้องพยายามอย่างเต็มที่ไม่ให้นางได้รับบาดเจ็บแม้แต่ปลายผม

“ไปกันเถิด เป้าหมายของเราอยู่ที่ส่วนท้ายของหมู่บ้านเผ่ามนุษย์อสรพิษ น่าจะเป็นจุดที่สวนสมุนไพรตั้งอยู่ เราต้องหาโอกาสแอบเข้าไปให้ได้” นายน้อยอู๋พูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย

ผู้ติดตามของนางทำได้เพียงยิ้มบูดเบี้ยวตอบรับ แล้วพยักหน้าแทนคำตอบ

นายน้อยอู๋และผู้ติดตามทิ้งคนเอาไว้ดูต้นทางหนึ่งคน จากนั้นก็พากันเดินไปยังทิศที่รั้วไม้ไผ่ทรุดโทรมตั้งอยู่

มันคือทางไปสวนสมุนไพรของเผ่ามนุษย์อสรพิษนั่นเอง