บทที่ 166 ใครมันบังอาจมาวางยาพวกเรากัน

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

สวนสมุนไพรของเผ่ามนุษย์อสรพิษกว้างใหญ่ไพศาลมาก แม้รอบนอกจะถูกล้อมไว้ด้วยรั้วไม้ไผ่อย่างง่าย แต่ภายในเป็นสวนสมุนไพรครบวงจร

อาหนี่เลื้อยตามหยูฟู่และมนุษย์อสรพิษหญิงตนอื่นๆ ไป สายตากวาดมองไปยังบรรดาสมุนไพรรอบตัวที่พร้อมใจกันปล่อยพลังปราณเข้มข้นออกมาอย่างต่อเนื่อง ดวงตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ

สมุนไพรเหล่านี้ปลูกอยู่ในบริเวณที่จัดผังเอาไว้อย่างเคร่งครัด อาหนี่รู้สึกได้ว่าสมุนไพรทุกต้นในสวนถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ

หยู่ฟู่และมนุษย์อสรพิษหญิงตนอื่นๆ ทำหน้าที่เป็นผู้ปลูกสมุนไพรพลังปราณประจำเผ่า พวกนางทำงานจนคุ้นเคยกับประเภทของสมุนไพรแต่ละชนิดเป็นอย่างดี และได้รับการอบรมส่งต่อภูมิปัญญาจากผู้ปลูกรุ่นเก่าๆ ของเผ่า

“ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งนั้นเป็นสมุนไพรระดับเจ็ดที่มีค่าหาที่เปรียบไม่ได้ ทุกส่วนของสมุนไพรชนิดนี้นำไปใช้งานได้หมด และเต็มไปด้วยพลังปราณระดับสูงจนน่ากลัว ส่วนเมล็ดนั้นจัดเป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูงสุดเลยทีเดียว นอกจากนี้รสชาติและรสสัมผัสยังดีมากอีกด้วย สมุนไพรชนิดนี้ไม่ได้เป็นเพียงสมุนไพร แต่เป็นวัตถุดิบที่ยอดเยี่ยมในการทำอาหารด้วยเช่นกัน” หยูฟู่อธิบายขณะเลื้อยไปข้างหน้า ทำให้สะโพกของนางส่ายไปมา

อาจารย์ของหยูฟู่เคยบอกนางว่าสมุนไพรระดับเจ็ดอย่างดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งนั้น ไม่ได้มีดีแค่มูลค่า แต่มีประโยชน์มากมายนานับประการด้วย

“ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งนั้นล้ำค่าหาที่เปรียบมิได้ ใครกันจะบ้าเอาไปใช้ทำอาหาร เสียของชะมัด” อาหนี่พูดสิ่งที่คิดออกมา จากมุมมองของเขาบางอย่างก็เป็นสิ่งที่กินได้ ส่วนบางอย่างก็ล้ำค่าเกินกว่าจะนำไปทำเป็นอาหาร

คณะมนุษย์อสรพิษพากันเข้าไปลึกในสวนสมุนไพร จนมาถึงตรงกลางของสวนในที่สุด ที่ใจกลางของสวนเต็มไปด้วยสมุนไพรระดับห้าและระดับหกมากมายซึ่งปลูกเอาไว้จนงอกงาม

ต่อให้ไม่นับดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็ง สมุนไพรเหล่านี้ก็จัดว่ามีค่ามาก

“นั่นคือดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็ง ตอนนี้มันยังโตไม่เต็มที่ พอโตเต็มที่แล้วดอกตูมจะคลี่กลีบออก ตัวข้าเองก็ไม่เคยเห็นดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งที่เบ่งบานเต็มที่เช่นกัน จึงไม่รู้ว่ามันจะสวยถึงเพียงใดเมื่อแย้มบาน” หยูฟู่เอ่ย

ไกลออกไประยะหนึ่งมีสระน้ำเล็กๆ ที่ล้อมด้วยรั้วไม้ไผ่ตั้งอยู่ น้ำในสระนั้นใสสะอาดเหมือนกระจกแก้ว ไม่มีแม้กระทั่งสาหร่ายหรือตะไคร่น้ำลอยอยู่ น้ำสะอาดบริสุทธิ์ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกมา

ดอกบัวตูมสีฟ้าอ่อนดูบอบบางอวดโฉมอยู่ที่ใจกลางสระ โดยมีใบบัวสองสามใบกระจายอยู่รอบๆ เมื่อดูจากระยะไกล ดอกบัวตูมนั้นดูเหมือนจะซ่อนอยู่เบื้องหลังม่านหมอก ลวดลายบนดอกบัวพร่ามัวจนแทบดูไม่ออก

ส่วนใบบัวก็มีสีเขียวเข้ม และดูคล้ำกว่าความเป็นจริงเนื่องจากมีลวดลายลึกลับสลักอยู่บนพื้นผิว

อาหนี่ยืนอยู่ข้างสระน้ำพร้อมสูดหายใจลึก เขารู้สึกได้ถึงพลังปราณปริมาณมากที่หลังไหล่เข้าโพรงจมูก จนอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความทึ่ง “ช่างสวยงามอะไรเช่นนี้… นี่น่ะหรือดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็ง”

“ใช่แล้ว ไม่มีใครต้านทานความงามของดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งได้อย่างแน่นอน เมื่อเบ่งบานเต็มที่แล้ว ดอกไม้นี้จะสวยงามยิ่งขึ้นไปอีก น่าเสียดายที่ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งนั้นบานได้ไม่นานนัก ท่านอาจารย์ของข้าบอกว่าเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น” ใบหน้างดงามของหยูฟู่ดูอาวรณ์และเสียดาย

มุมปากของอาหนี่ยกขึ้นขณะกวาดสายตามองไปรอบๆ เขาพูดพลางยิ้มออกมา “ยังเหลือเวลาอีกครึ่งวันก่อนที่ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งจะบานเต็มที่ เมื่อเวลานั้นมาถึง พวกมนุษย์จะปรากฏตัวขึ้นอย่างแน่นอน พวกเราต้องปกป้องดอกบัวนี้เอาไว้ให้ดี”

หยูฟู่หันไปมองหน้าอาหนี่แล้วเอ่ยตอบ “แน่นอนอยู่แล้ว พวกเราเฝ้ารอมานานเพื่อให้ดอกบัวนี้บานเต็มที่ แล้วเราจะปล่อยให้มนุษย์มาฉกชิงเอาไปง่ายๆ ได้อย่างไรกัน ยิ่งไปกว่านั้น… ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งนี้เมื่อบานแล้วจะปล่อยพลังปราณปริมาณมากออกมา บรรดาอสูรเวทที่อยู่รายรอบจะต้องพากันมาแย่งชิงดอกไม้นี้เป็นแน่ ในหมู่พวกมันอาจมีอสูรเวทที่ทรงพลังอยู่ด้วย เจ้าเองก็ต้องระวังพวกมันเอาไว้เช่นกัน”

“ไม่มีอะไรต้องกลัวไป มีข้าอยู่ทั้งคน รับรองไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!” อาหนี่เอามือตบหน้าอกตนเองด้วยความมั่นใจ

นายน้อยอู๋และผู้ติดตามเข้าไปประชิดรั้วไม้ไผ่ได้อย่างง่ายดาย การป้องกันที่มนุษย์อสรพิษสร้างขึ้นมานั้นไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง ลำพังแค่รั้วไม้ไผ่คงหยุดใครไม่ได้แน่

“หืม ดูเหมือนว่าพวกมนุษย์อสรพิษจะมีพิษสงอยู่บ้างเหมือนกันนะ สวนแต่ละเขตมีวงแหวนปราณปกป้องอยู่ หากใครพยายามขโมยสมุนไพรเหล่านี้ วงแหวนปราณกันขโมยจะทำงาน แล้วพวกนั้นก็จะกรูกันเข้ามาทันที ไม่แปลกใจเลยที่แค่กั้นรั้วไม้ไผ่เอาไว้” นายน้อยอู๋พึมพำกับตนเอง พร้อมมุ่นคิ้วเรียวสวยเข้าหากัน

เมื่อรู้แล้วว่ามนุษย์อสรพิษวางกับดักอะไรไว้ นางก็เลิกสนใจสมุนไพรระดับต่ำทันที สำหรับนางแล้วสมุนไพรเหล่านี้ไม่ได้มีค่าเท่าไรนัก

เนื่องจากที่ตำหนักเมฆาขาวเองก็มีสมุนไพรระดับสี่และระดับห้ามากมายหลายชนิดจนนับไม่ถ้วน แถมสวนสมุนไพรก็ยังใหญ่กว่าสวนของมนุษย์อสรพิษนี้หลายเท่า หากไม่ใช่เพราะดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็ง นางคงไม่แม้แต่จะมาเยือนที่นี่ด้วยซ้ำ

“นายน้อยขอรับ ข้างหน้านี้มีพลังปราณปริมาณมากกระจุกอยู่ เราไปทางนั้นกันเถิดขอรับ” ผู้ติดตามพูดขึ้นหลังจากที่จับกระแสปราณเข้มข้นในอากาศได้

นายน้อยอู๋พยักหน้าแล้วกล่าวเตือนผู้ติดตามของตนให้ระวังยิ่งขึ้น เนื่องจากตอนนี้ทั้งสองกำลังรุกล้ำเข้ามาในดินแดนของมนุษย์อสรพิษ ด้วยความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีนักระหว่างสองเผ่าพันธุ์ หากพวกเขาถูกจับได้ จะต้องเกิดเรื่องขึ้นอย่างแน่นอน

หากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นจริง คงเป็นการยากที่นางจะได้ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งมาไว้ในครอบครอง

ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงกดพลังปราณของตนเองเอาไว้ แล้วค่อยๆ มุ่งหน้าไปยังทิศที่ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งอยู่

ปู้ฟางเดินอยู่นานสองนาน แม้บ้านเรือนข้างหน้าจะดูใกล้ แต่เมื่อต้องเดินเท้าจริงกลับไกลพอตัวกว่าเขาจะมาถึงรอบนอกของสวนสมุนไพร

“รั้วรึ ตลกดีแฮะ” ชายหนุ่มยิ้มขณะกระโดดข้ามรั้วไม้ไผ่

ดินบริเวณสวนสมุนไพรนี้แข็งกว่าหนองน้ำด้านนอก แม้จะยังอ่อนนุ่มกว่าดินปกติทั่วไป แต่ก็ไม่มีโคลนยุบที่พร้อมดูดคนสัญจรลงไปทุกเมื่อ

สวนสมุนไพรที่แยกชนิดสมุนไพรไว้เป็นระเบียบกระจายตัวอยู่ภายในรั้ว ปู้ฟางมองเห็นสมุนไพรหลากหลายชนิดละลานตา มีหลายชนิดที่มีค่า แต่ก็มีอีกหลายชนิดที่จัดว่าธรรมดา

หลังจากกวาดตาสำรวจบริเวณโดยรอบ แววมีความสุขก็ปรากฏขึ้นในดวงตาชายหนุ่ม เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะมีสวนสมุนไพรที่สร้างจากฝีมือมนุษย์อยู่ตรงนี้ จัดว่าเป็นเรื่องน่าประหลาดใจอย่างแท้จริง

แค่เดินมาเจอหมู่บ้านที่มีคนอาศัยอยู่ในหนองน้ำปราณมายาแสนเวิ้งว้างนี้ก็ถือเป็นปาฏิหาริย์แล้ว แต่นี่เขายังพบสวนสมุนไพรประจำหมู่บ้านอีก

“สมุนไพรระดับห้าก็มีค่าพอตัว! ปล่อยทิ้งเอาไว้เฉยๆ เช่นนี้เลยหรือนี่” ปู่ฟ่างมองสมุนไพรหน้าตาเหมือนผีเสื้อที่ถูกตรึงไว้ด้วยลำต้นด้วยสายตาสนเท่ห์ เขาหรี่ตามองพร้อมนั่งยองๆ ลงข้างๆ ต้นสมุนไพร

พลังปราณไหลออกจากสมุนไพรชนิดนี้อย่างต่อเนื่อง พร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่กระจายอยู่ในอากาศ

“ไม่เลวเลย เอาเจ้านี่ไปเป็นวัตถุดิบเสริมในสุราก็ยังได้ เข้าท่า” ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกาย ส่วนปากก็วาดเป็นรอยยิ้ม

นายน้อยอู๋กดพลังปราณของตนเองเอาไว้จนหมด ส่วนผู้ติดตามของนางก็ทำเช่นเดียวกัน นี่เป็นหนึ่งในวิชาลับของตำหนักเมฆาขาว เคล็ดเวทลมหายใจเต่า ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้วิชาสามารถสะกดพลังปราณของตนเองเอาไว้ได้อย่างหมดจด ถือเป็นวิชาที่มีประโยชน์พอตัวเลยทีเดียว

“ข้าจับสัมผัสดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งได้ข้างหน้านี่ แต่มีคนอยู่หลายคนเช่นกัน เราต้องระวังตัวไม่ให้ถูกจับได้… ยังพอเหลือเวลาอยู่ก่อนที่ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งจะบานเต็มที่ พอถึงเวลานั้นเราค่อยลงมือ” นายน้อยอู๋เอ่ย

ผู้ติดตามของนางพยักหน้ารับอย่างเคร่งขรึมจริงจัง ทั้งสองซ่อนตัวอยู่ในดงสมุนไพร สายตาจ้องไปยังสระน้ำที่ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งอวดโฉมอยู่ไกลๆ

“นั่นน่ะหรือดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็ง! เป็นอย่างที่คิดเลย… ช่างอัดแน่นไปด้วยพลังปราณอะไรเช่นนี้!” ผู้ติดตามของนางอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น

“เงียบปากเดี๋ยวนี้แล้วรออยู่เฉยๆ เสีย เจ้าจะทำให้พวกมันรู้สึกตัวหมดว่าเราอยู่ที่นี่” นายน้อยอู๋กระซิบด่าพร้อมเหลือบตามองผู้ติดตามเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ

สีหน้าของผู้ติดตามแข็งทื่อไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะรีบพยักหน้าตอบหงึกหงัก

ทันใดนั้นสวนสมุนไพรที่เคยสงบก็พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดคิด นายน้อยอู๋เห็นว่าจู่ๆ วงแหวนปราณที่ใต้เท้านางก็เริ่มทำงานขึ้นมา และกำลังเริ่มสร้างกรงขังขึ้นมาล้อมสวนสมุนไพรไว้ นางจึงรีบถอยหนีทันที

“เกิดอะไรขึ้นกัน เหตุใดวงแหวนปราณจึงทำงาน” นายน้อยอู๋หัวเสียเป็นอันมาก

“นั่นใครน่ะ!”

“ใครกันที่กล้าบุกรุกเข้ามาในสวนสมุนไพรของเผ่าเรา!”

“สามหาวสิ้นดี! รีบแสดงตัวออกมาเดี๋ยวนี้!”

อาหนี่ที่กำลังดื่มด่ำกับความงามของดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็ง สะดุ้งลืมตาขึ้นทันที เขาคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว พลังปราณระเบิดออกจากร่าง ส่วนดวงตาก็จับจ้องไปยังจุดที่นายน้อยอู๋และผู้ติดตามกำลังซ่อนตัวอยู่

เขาสัมผัสได้ถึงกระแสพลังปราณจากบริเวณนั้น มีคนซ่อนตัวอยู่ตรงนั้นอย่างแน่นอน!

อาหนี่โกรธเกรี้ยวจนแทบจะกินเลือดกินเนื้อคนได้ “ไอ้พวกมนุษย์ชั่วนี่… มันกล้าบุกเข้ามาในสวนสมุนไพรของเราเลยหรือ! ให้อภัยไม่ได้เด็ดขาด!”

แต่นายน้อยอู๋โกรธเกรี้ยวเสียยิ่งกว่าอาหนี่เสียอีก ใบหน้าสวยหมดจดของนางบูดเบี้ยวด้วยโทสะ

“ไอ้ฉิบหายเอ๊ย… ใครมันบังอาจมาวางยาพวกเรากัน!”