ตอนที่ 260 ลูกสาวของเขารักเขามาก ไม่เสียแรงเปล่า
“อืม” ลูกสาวของเขารักเขามาก ไม่เสียแรงเปล่า
หยางหยางเองก็หันไปมองที่มือของเขา “ความแข็งแรงของพ่อจ๋าดูน่าเป็นห่วง พรุ่งนี้ไปฝึกกับผมไหมครับ?”
ช่วงนี้เขารู้สึกปวดหัว เหงื่อออกเหมือนฝนที่ตกอยู่ทุกวัน เขาเพิ่งจะรู้ว่าเมื่อก่อนแม่จ๋าดูแลเขาดีเกินไป สมรรถภาพทางร่างกายของเขาไม่ได้ดีขนาดนั้นจริง ๆ
เมื่อเทียบกับตอนพ่อจ๋าเด็ก ๆ แล้ว ความแตกต่างไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ
“หยางหยาง!” อันโหรวพูดด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม “พ่อจ๋าปกป้องแม่จ๋าไว้ถึงได้รับบาดเจ็บ ไม่ใช่แบบนั้นเข้าใจไหม?”
“ผมรู้ครับ เพราะงั้นจึงต้องยิ่งฝึกฝนอีกเยอะ จะได้ปกป้องแม่จ๋าได้ดีกว่านี้” ไม่อย่างนั้นเขาเองก็ไม่สบายใจที่จะฝากแม่จ๋าไว้กับเขา
อาจจะดีกว่าถ้าพวกเรากลับต่างประเทศ อย่างน้อยแม่จ๋าก็ไม่ต้องเจอเรื่องแบบนี้
เมื่อเทียบกับใบหน้าที่เย็นชาของอันโหรว จิ่งเป่ยเฉินกลับขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเผยรอยยิ้มบาง ๆ “ได้สิ พรุ่งนี้พ่อจ๋าจะไปด้วย”
“จิ่งเป่ยเฉิน ไม่!” เขาไม่ต้องการมือของตัวเองแล้วหรือไง!
“ที่รักไม่ต้องห่วงเลย จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก” เขาลุกขึ้นยืน “ลูก ๆ ไปเล่นกันก่อนนะ พ่อจ๋าขอตัวไปทำธุระก่อน”
“หยางหยาง หน่วนหน่วน ไปเล่นกันเองก่อนนะ! เดี๋ยวแม่จ๋าตามขึ้นไป” เธอสั่งกำชับและรีบเดินตามเขาไป
ในห้องหนังสือ จิ่งเป่ยเฉินเดินเข้าไปด้านในก่อน โดยมีอันโหรวถือถ้วยชาเดินตามเข้ามา
“วันนี้นายจะไม่พักผ่อนหน่อยเหรอ?” เธอมองดูเขาด้วยท่าทางไม่ค่อยพอใจ
หากเขาเข้าอินเทอร์เน็ตแล้วเห็นข่าวพวกนั้นละก็
จริง ๆ………
“ที่รักเป็นห่วงฉันขนาดนี้ ฉันก็จะเชื่อฟังเธอ” เขาเอื้อมมือไปเปิดคอมพิวเตอร์และเอนตัวลงอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะจ้องไปที่เธอ
“บอกว่าฟัง แต่นายก็ไม่ฟัง!” เธอหรี่ตามองเขาอย่างไม่พอใจ แทนที่จะให้เขารู้เอง หรือว่าควรจะบอกก่อนดี?
“มีบางเรื่องที่ฉันต้องบอกนายก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการที่นายอาจจะโกรธ นายต้องเตรียมใจเอาไว้นะ” เธอยื่นถ้วยชาไปให้เขา “ดื่มตอนอุ่น ๆ สิ”
“ขอแค่ไม่ใช่เรื่องหย่าและนอกใจ ฉันจะไม่โกรธ” เขารับถ้วยชามาแต่กลับไม่รีบดื่ม พลางมองไปที่เธออย่างรอฟัง
อันโหรวมองใบหน้าที่สงบและหล่อเหลาของเขา ก่อนจะสูดลมหายใจเข้า “เรื่องครอบครัวของเรา นายก็รู้ดี ดังนั้นตอนนี้ในโลกออนไลน์มีข่าวที่เกี่ยวกับฉันมากมาย ตระกูลอันที่หลอกลวง จอมปลอม ล้วนแล้วแต่ไม่น่าฟังเท่าไร แต่ว่าเรื่องนี้ในโลกออนไลน์แค่ฟังก็พอ ไม่ต้องเก็บมาคิดหรือใส่ใจ นายว่าไหม?”
น้ำเสียงเธอค่อย ๆ ผ่อนคลายลงและยิ้มอย่างระมัดระวัง แต่ใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขายิ่งหนักขึ้น กลิ่นอายบนร่างกายที่เย็นชาของเขาปกคลุมไปทั่วสารทิศ
“ที่ฉันบอกนายเพื่อไม่ให้นายโกรธ ฉันไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย!” เธอไม่อยากจะจินตนาการถ้าหากเขารับรู้ด้วยตัวเอง คอมพิวเตอร์ตรงหน้าจะยังอยู่ที่เดิมหรือเปล่า?
เธอเอื้อมมือไปคว้าถ้วยชาในมือเขา ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะ ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอก้มไปที่หน้าของเขา ที่แท้เธอเลื่อนหน้าลงไปใกล้หน้าของเขาเพื่อจูบ “จูบที่รักจะไม่โกรธใช่ไหม? พวกชาวเน็ต! พวกเขาก็แค่ดูอย่างตื่นเต้น แบบนี้นายว่ามันไม่คุ้มค่าหรอก ใช่ไหม?”
มือทั้งสองกอดไปที่เอวของเธอ ตอนนี้เธอนั่งลงบนตักของเขา และตัวเธอก็แนบชิดกับเขา ท่าทางของทั้งสองคนนั้นดูคลุมเครือเป็นอย่างมาก
“สามีขา ประธานจิ่ง บิ๊กบอส ที่รัก….” เธอไม่อยากจะเชื่อว่าเขาดูไม่อยากกินเลยแม้แต่น้อย
“เลิกเล่นสักที!” เขาหลับตาลง ก่อนจะลืมตาและมองมาที่เธอ เขาค่อย ๆ คลายทุกข์ออก มือทั้งซ้ายขวาโอบไปที่หลังของเธอ “โหรวโหรว”
เธอพยักหน้าตอบรับอย่างเบา ๆ เขาที่บาดเจ็บมาเมื่อคืน เรื่องนี้เขาไม่เกี่ยวข้อง ตอนนี้ที่เธอสบายดีก็เป็นเพราะเขา เธอไม่อยากให้เขาโทษตัวเอง
“เป็นนายที่คอยปกป้องฉัน ฉัน……” เธอยังไม่ทันพูดจบ โทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น
“พูดต่อสิ” เขาไม่ได้สนใจที่จะรับสาย
“พูดอะไรเล่า!” เธอขยับตัวเล็กน้อย “นายรับโทรศัพท์ก่อนเถอะ ไม่แน่อาจจะเป็นเรื่องสำคัญก็ได้”
เมื่อก่อนที่พ่อของเธออยู่ในห้องหนังสือ รับโทรศัพท์ทีไรก็มักจะเป็นเรื่องสำคัญทั้งนั้น จิ่งเป่ยเฉินก็ไม่มีข้อยกเว้น
เขากอดเธอไว้อย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ
“คุณชายครับ คุณท่านกับคุณนายมาแล้ว” เสียงพ่อบ้านดังมาจากปลายสาย
เสียงของเขาไม่ดังหรือเบาเกินไป อันโหรวจึงได้ยินทุกคำอย่างชัดเจน
พวกเขามาแล้ว…..เร็วเสียจริง!
“สะใภ้อัปลักษณ์ต้องไปเจอแม่ย่าสินะ?” เธอลุกขึ้นจากตักเขา “นายดูสิ! ฉันบอกแล้วหลังจากที่ข่าวออกไปจะต้องมีปัญหาตามมาอีกเยอะแยะมากมาย”
“ก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง อย่างน้อยต่อจากนี้เธอก็ไม่ต้องแต่งหน้าอีกต่อไป” เขาเองก็ลุกขึ้น คอมพิวเตอร์ยังคงเปิดค้างอยู่แบบนั้น ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินออกไป
“จิ่งเป่ยเฉิน แม่ของนายต้องใช้สายตาพิฆาตมองฉันแน่ ๆ” ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุยกับซูรั่วหยา แต่ยังมีหยางหยางกับหน่วนหน่วนอีก เธอต้องอธิบายยังไง!
“นายจะบอกพวกเขาได้ไหมว่าหยางหยางกับหน่วนหน่วนไม่ใช่ลูกนาย?” ปิดบังหลานตระกูลจิ่ง เธอกล้าดียังไงกัน!
“ฉันบอกไปตั้งนานแล้ว” คำพูดที่พูดออกไปแล้วคืนคำไม่ได้
เธอเม้มปากและไม่ได้พูดอะไรอีก มือซ้ายของจิ่งเป่ยเฉินที่ไม่ได้บาดเจ็บโอบเอวเธอไว้ เมื่อขึ้นไปชั้นบนก็เห็นซูรั่วหยาอุ้มหน่วนหน่วนอยู่ ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นยิ้มแย้มอย่างมีความสุข พร้อมพูดคุณย่า คุณย่า
ส่วนหยางหยางก็นั่งอยู่บนตักของจิ่งเซิง ดูท่าทางอย่างช่วยไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้มีสีหน้าที่บึ้งตึง แค่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเสียมากกว่า เธอได้ยินเสียงของจิ่งเซิงอย่างชัดเจน “นิสัยของหลานเหมือนเฉินเอ๋อร์ตอนเด็กอย่างกับแกะ มองแวบเดียวก็รู้เลย!”
เพราะงั้นถ้าเธอพูดว่าไม่ใช่ พวกเขาก็คงไม่เชื่อสินะ?
“พ่อ แม่”
“คุณลุง คุณป้า!”
ทั้งคู่ขานเรียกทักทายพร้อมกัน ซูรั่วหยาและจิ่งเซิงเงยหน้ามามองพวกเขา ใบหน้าและรูปร่างนี้เหมาะสมกับเฉินเอ๋อร์อย่างสมบูรณ์แบบ!
เมื่อก่อนปลอมตัวซะน่าเกลียดแบบนั้น! ทำเอาเธอตกอกตกใจหมด!
ซูรั่วหยาเอามือทาบอกเบา ๆ ความกังวลของเธอนั้นสูญเปล่า กลุ้มใจไปเปล่าประโยชน์
“เฉินเอ๋อร์ ลูกนี่เก็บความลับเก่งจริง ๆ ลูก ๆ ทั้งสองโตขนาดนี้! ลูกนี่รีบจริง ๆ เลยนะ!” หลังจากที่ซูรั่วหยาดีใจยกใหญ่ก็รู้สึกมีไฟขึ้นมา
ถ้าหากวันนี้เธอไม่พาจิ่งเซิงมาดูด้วยตาตัวเอง ก็ไม่รู้ว่าเขาจะปิดบังหลานสองคนนี้ไปอีกนานแค่ไหน!
“ดูน่าตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ?” จิ่งเป่ยเฉินตอบกลับอย่างเย็นชา
“น่าตกใจสิ! โชคดีที่ไม่หัวใจวายเอา ไม่อย่างนั้นได้ถูกทำให้ตกใจแน่!” เธอตบไปที่หน้าอกด้วยความหวาดกลัว ราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงแค่ความฝัน
เธอมีหลานแล้วจริง ๆ หนำซ้ำยังมีหลานที่น่ารักถึงสองคนอีกต่างหาก!
“คุณย่าอย่าตายนะคะ!” หน่วนหน่วนเงยหน้าขึ้นมองเธอ “หน่วนหน่วนทนไม่ได้ถ้าคุณย่าตาย”
ซูรั่วหยาได้ยินหน่วนหน่วนพูดแบบนั้น รอยย่นบนดวงตาก็ปรากฏขึ้น ก่อนจะก้มศีรษะลงกอดหลานตัวน้อยเอาไว้ “หลานสาวของย่า!”
ใบหน้าอันโหรวเต็มไปด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด หน่วนหน่วนมีทักษะในการอ่านใจผู้คนได้จนเก่งเกินไป เธอเองก็อดชื่นชมไม่ได้
“แล้วยังมีเรื่องอะไรอีกไหม?” จิ่งเป่ยเฉินเอ่ยถามอีกครั้ง ที่นี่ไม่ได้ดูเหมือนจะต้อนรับพวกเขา พวกเขามาเพื่อยืนยันเท่านั้น
คนที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือหน่วนหน่วนและหยางหยาง พวกเขาอยากได้หลานมากที่สุด!
“ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่บอกกันให้ชัดเจน พวกเธอคิดจะทำอะไรกันแน่ ปิดบังอะไรอยู่ แม่คอยช่วยเหลืออยู่แล้ว!” ซูรั่วหยารู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น