เงียบกริบ…

หลายคนเห็นฟางเจิ้งอึ้งไปแบบนี้ ไม่สงบเหมือนอี้หัง จึงพลันลดคะแนนฟางเจิ้งลงไม่น้อย แต่พอนึกถึงความสามารถของฟางเจิ้งแล้วก็ไม่มีกล้าดูถูกเขา

แน่นอนว่าก็มีคนแอบตั้งตารอให้ฟางเจิ้งล้มไม่เป็นท่า ไม่มีความแค้นต่อกัน เพียงแค่หมั่นไส้เท่านั้น

หลวงจีนไป๋อวิ๋นไม่โกรธ แต่ยิ้มเอ่ย “เจ้าอาวาสฟางเจิ้ง ปีนี้ท่านอายุยังไม่ถึงยี่สิบ แถมอยู่ในหมู่ดาวเด่นพอดี วัดเอกดรรชนีไม่เคยเข้าร่วมพิธีของวัดเมฆาขาวมาก่อน มีหลายเรื่องที่ยังไม่รู้ ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้ลงชื่อก็มีเหตุผล ดังนั้นอาตมาเลยอยากถามความเห็นของท่าน ท่านยินยอมเข้าร่วมการประชันดาวเด่นเพื่ออภิปรายแทนลูกศิษย์พุทธศาสนาทุกคนไหม?”

พูดจบแววตาทุกคนเปลี่ยนไป สายตาที่มองฟางเจิ้งแปลกๆ

แม้อยากเห็นฟางเจิ้งพลาดท่า แต่ทุกคนเข้าใจว่าต้นกกข้ามฟากนั่นมากพอจะส่งเจ้าอาวาสที่อายุน้อยที่สุดคนนี้ขึ้นบัลลังก์ราชาดาวเด่น! แม้อี้หังจะเป็นอัจฉริยะ แต่ต่อให้อัจฉริยะกว่านี้ก็แค่ได้ยินเขาเล่าลือมา จะไปเทียบกับต้นกกข้ามฟากที่เห็นด้วยตาตัวเองได้อย่างไร?

ในที่สุดอี้หังก็ขมวดคิ้วแล้ว เห็นฟางเจิ้งเงียบก็อดใจไม่ไหว ชิงเอ่ยก่อน “หลวงจีนไป๋อวิ๋นครับ ตามกฎวัดท่านแล้วถ้าเกินเวลาจะถือเป็นโมฆะ ถึงเจ้าอาวาสฟางเจิ้งจะไม่รู้ แต่นี่ก็ไม่ควรใช่เหตุผลที่จะทำลายกฎนะครับ”

พูดจบ ทุกคนต่างส่งเสียงดังอื้ออึง!

หงจินที่นั่งอยู่ข้างอี้หังตกใจจนแทบจะกระโดดขึ้นมารั้งไว้! ทว่าสุดท้ายก็อดกลั้นไว้ได้ แต่สีหน้ากลับร้อนใจมาก ขบคิดอย่างหนักว่าจะช่วยอี้หังให้พ้นจากความผิดยังไง

หลวงจีนไป๋อวิ๋นเป็นใคร

พระอาจารย์หมายเลขหนึ่งของเมืองเฮยซาน!

พิธีสวดมนต์เพื่อสิริมงคลต้อนรับฤดูใบไม้ผลิก็ดี การโต้วาทีตอนนี้ก็ดี หลวงจีนไป๋อวิ๋นเป็นเจ้าภาพทั้งหมด! พูดได้ว่าเป็นบุคคลหมายเลขหนึ่งในพุทธศาสนาของทั้งพื้นที่เมืองเฮยซาน คำพูดเดียวมีอำนาจสูงสุด!

การสงสัยหลวงจีนไป๋อวิ๋นต่อหน้าคนมากขนาดนี้หรือ ไม่เคยมีใครทำแบบนี้มาก่อน!

หงจินไม่กล้า แต่ไม่คาดคิดเลยว่าศิษย์ของเขาจะทำ! หงจินอยากร้องไห้ ดีไม่ดีเจ้านี่จะถูกเตะออกไปง่ายๆ เลย!

คนอื่นเงียบ ทว่านัยน์ตาบางคนกลับมีความกังวล บ้างก็ดีใจที่เห็นคนอื่นเป็นทุกข์

ทุกอย่างอยู่ในสายตาอี้หัง แต่ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหมดกำลังใจ อายุน้อยมักจะเลือดร้อน อี้หังที่อยู่ในวัยต่อต้านคิดว่าตนถูก พูดถูก มีอะไรผิดอย่างนั้นเหรอ? ดังนั้นเลยเชิดหน้ายืดอกขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว!

ทว่าสิ่งที่ทุกคนตกใจคือหลวงจีนไป๋อวิ๋นไม่โกรธ แต่พูดเหมือนกำลังคิดบางอย่าง “อี้หัง ที่ท่านพูดก็มีเหตุผล แต่ว่าท่านรู้ไหมว่าจุดประสงค์ในการจัดพิธีสวดมนต์เพื่อสิริมงคลต้อนรับใบไม้ผลิในตอนแรกคืออะไร?”

อี้หังตอบกลับอย่างไม่ลังเล “ส่งเสริมพระธรรมให้เจริญก้าวหน้า แสดงความรุ่งโรจน์ของพุทธศาสนา!” พูดจบอี้หังกลับตะลึงค้างทันควัน

หลวงจีนไป๋อวิ๋นได้ยินดังนั้นก็ยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ว่าอะไร

อี้หังถอนหายใจ ประนมสองมือแสดงความเคารพ “ศิษย์ยึดมั่นการเปรียบเทียบภายนอกมากเกินไป ศิษย์รู้ว่าคนที่จะมาอภิปรายล้วนตัดสินโดยท่าน แต่วันนี้ศิษย์มีเหตุผลที่ต้องแย่งมา ดังนั้นไม่ว่าใครเข้าร่วม ศิษย์ก็จะแข่งกับเขา!”

หงจินได้ยินดังนั้นใจก็สั่นไหว เขารู้นิสัยของอี้หัง เป็นคนหัวดื้อ แต่ไม่ใช่คนที่ชอบชิงดีชิงเด่น! วันนี้ทำถึงขนาดนี้ มีมากกว่าครึ่งเพราะทำเพื่อวัดและตัวเขาเอง! หงจินเกิดความร้อนใจแทบจะร้องไห้ แต่เขาก็ยังยืนขึ้นต่อว่า “แข่งอะไร? นักบวชไม่มีการแข่งขัน! อี้หังนั่งลง!”

จากนั้นหงจินประสานมือคารวะหลวงจีนไป๋อวิ๋น “เจ้าอาวาสไป๋อวิ๋น อี้หังยังเด็ก อย่าถือโทษเลยนะครับ”

ทว่าอี้หังไม่นั่งลง แต่จ้องหลวงจีนไป๋อวิ๋นตรงๆ “เจ้าอาวาสไป๋อวิ๋น อี้หังไม่ขออะไร แค่ขอความยุติธรรมเท่านั้น!”

“ความยุติธรรม? พระธรรมของเณรจะไปเทียบกับต้นกกข้ามฟากได้ยังไงกัน?” หงจินว่า

อี้หังส่ายหน้า “ต้นกกข้ามฟากเป็นอภินิหาร การบำเพ็ญเพียรและพระธรรมไม่อยู่ที่อภินิหาร! ถ้าเปรียบกันด้วยอภินิหาร นั่นหมายความว่าทุกท่านที่นี่สู้เจ้าอาวาสฟางเจิ้งไม่ได้อย่างนั้นใช่ไหมครับ?”

สิ้นเสียง หงจินพูดไม่ออก เขาเคยพูดอย่างนี้ไว้ตอนแรกสุดจริงๆ ตอนนี้ศิษย์ตนนำมาใช้ย้อนตน จึงไม่รู้ว่าจะค้านยังไงจริงๆ

ยามนี้เอง หลวงจีนไป๋อวิ๋นกล่าวขึ้น “เจ้าอาวาสหงจิน ขอแสดงความยินดีด้วยที่ได้ศิษย์ดี ในเมื่อยึดมั่นขนาดนี้ อย่างนั้นก็ประชันกันหน่อยเถอะ เจ้าอาวาสฟางเจิ้งว่ายังไง? จะร่วมอภิปรายในวันนี้ไหม? จะประชันพระธรรมกับอี้หังหรือเปล่า?”

ทุกคนมองไปที่ฟางเจิ้งอีกครั้ง แต่ในใจพวกเขาตัดสินชี้ขาดไปแล้ว โอกาสดีๆ แบบนี้ถ้าไม่คว้าไว้ก็โง่แล้ว! ไม่ต้องมองก็รู้ว่าฟางเจิ้งจะพยักหน้ายินยอมอย่างสุดชีวิต!

แต่…

ฟางเจิ้งกลับส่ายหน้ารัวๆ ราวกับกลองป๋องแป๋ง!

ทุกคนรู้สึกตาพร่ามัว หลายคนขยี้ตาเพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้ตาฝาดไป

สรุป ฟางเจิ้งกล่าวว่า “อาตมาไม่ยินยอม!”

“อะไรนะ?!” หงจินเบิกตาโตด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ!

หลวงจีนหงเหยียนก็ตะลึงไปเหมือนกัน อู้ซินงงเล็กน้อย หงเสียงตกใจ! คนอื่นๆ ตาค้างอ้าปากกว้าง ไม่มีใครคาดคิดว่าโอกาสดีๆ แบบนี้ โอกาสที่ทุกคนคิดหาทุกวิถีทางเพื่อแย่งมากลับไม่เป็นที่ต้องการของฟางเจิ้ง เขาปฏิเสธไปโดยทันที! โง่รึเปล่า หรือว่าปัญญาอ่อน?

อี้หังก็งงงวยเล็กน้อย ทว่านัยน์ตากลับมีประกายเข้าใจวูบผ่าน แววตาที่มองฟางเจิ้งไม่มีความซาบซึ้งใจ แต่กลับมีการเย้ยเยาะและเหยียดหยาม! พลางคิดในใจว่า ‘ถึงหลวงจีนนี่จะใช้ต้นกกข้ามฟากมา แต่ต้นกกข้ามฟากก็ใช้มายากลได้ ของพวกนี้ลวงหลอก มีแค่พระธรรมที่เป็นของจริง ก่อนหน้านี้ที่ขอคำแนะนำเขา ถึงจะตอบได้ก็เถอะ แต่กลับไม่ได้มาตรฐาน ตอนนี้มาดูๆ แล้วเขาไม่ได้เรื่องจริงๆ คงจะกลัวล่ะสิ! ต้นกกข้ามฟาก หลวงจีนปาฏิหาริย์ เจ้าอาวาสที่อายุน้อยที่สุด? หึ! วันนี้อาตมาจะเปิดหน้ากากลวงโลกของเขาออก!’

คิดดังนั้นแล้ว อี้หังเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตายังคงสงบนิ่ง ทว่าความมุ่งมั่นในการประชันภายในใจกลับดุเดือด

หลวงจีนไป๋อวิ๋นก็อึ้งงันเล็กน้อย ตลอดหลายปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เจอคนปฏิเสธเขา

หลวงจีนไป๋อวิ๋นคิดว่าฟางเจิ้งไม่เข้าใจเลยพูดต่อ “เจ้าอาวาสฟางเจิ้ง ท่านไม่อยากเข้าร่วมจริงๆ เหรอ?”

ฟางเจิ้งส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ “แน่นอนครับ หรือว่าอาตมายังพูดไม่ชัด? อาตมาไม่อยากเข้าร่วมจริงๆ”

หลวงจีนไป๋อวิ๋นขมวดคิ้ว “เจ้าอาวาสฟางเจิ้ง ท่านก็รู้นี่ว่าถ้าชนะการประชันครั้งนี้ จะให้อะไรกับวัดเอกดรรชนีของท่านบ้าง?”

มีคนเตือนฟางเจิ้งด้วยเจตนาดี “เจ้าอาวาสฟางเจิ้ง ถ้าได้เป็นราชาดาวเด่น วัดเอกดรรชนีจะมีชื่อเสียงโด่งดัง อย่างน้อยก็ไม่ไร้ชื่ออีก”

“ใช่ โอกาสแบบนี้ พวกเราอายุเยอะแล้ว ลูกศิษย์ก็ไม่มีความโดดเด่นพอ ไม่อย่างนั้นต้องให้ประชันแน่”

“ใช่แล้ว หลวงจีนไป๋อวิ๋นให้ท่านเข้าร่วมเป็นกรณีพิเศษเลยนะ ทำไมท่านต้องปฏิเสธด้วยล่ะ?”

“ถ้ามีความรู้ ลองแบ่งปันกันบ้างสิ แลกเปลี่ยนกันถึงจะพัฒนาไม่ใช่เหรอ”

………

ฟางเจิ้งยิ้มเฝื่อนในใจ ถ้าเขามีของที่เอาออกมาใช้ได้จริงๆ สักหน่อยก็จะขึ้นไปอยู่แหละ ตอนนั้นไม่ต้องให้ใครผลัก แค่อย่ารั้งไม่ให้เขาไปก็พอ ปัญหาคือไม่มีความรู้ตุนไว้เลยจะไปทำไม? น่าขายหน้าไหม?

………………