เสี่ยวเชี่ยนเดินข้ามถนนมา แล้วยืนตรงหน้าเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ความผิดเข็มขัดงั้นเหรอ?”
“ใช่! มันหลุดออกมาเอง ผมจับมันไว้กำลังจะผูก บังเอิญมีลมพัดมามันเลยแกว่งไปถูกตัวคนอื่นเข้า ความจริงเป็นแบบนี้นี่แหละ”
เธอมองอักษรHตัวใหญ่ที่อยู่บนเข็มขัดที่เพียงพอเป็นที่สะดุดตาของเขา แอร์เมสคุณภาพไม่ดีงั้นเหรอ…ก็ได้ นายชนะ
ในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งรอว่าที่พี่สะใภ้แฉหัวหน้ากลางอยู่นั้น ก็เห็นเสี่ยวเชี่ยนยื่นมือขาวๆออกไปจับใบหน้าของอวี๋หมิงหลาง
“ใช่ คุณภาพมันแย่ เดี๋ยวคราวหน้าเปลี่ยนยี่ห้อ”
โวะ! เหล่าพี่ทหารเห็นภาพบาดตา
“ลำบากทุกคนแย่เลยนะคะ ไปกินมื้อดึกด้วยกันเถอะค่ะ ให้เขาเลี้ยง” เสี่ยวเชี่ยนเห็นการแต่งตัวของพวกเขาก็รู้ว่าใช้เวลาพักผ่อนมาช่วยพิทักษ์ความสงบสุขของราษฎร์กัน
ข้อเสนอของเธอเรียกเสียงเฮได้จากทุกคน
“พี่เชี่ยน ไปกินอาหารทะเลได้ไหม?” หวางย่าเฟยพูดจบก็เตรียมวิ่ง ด้วยนิสัยของอวี๋หมิงหลาง เขาต้องเตะแน่
แต่ที่คาดไม่ถึงก็คือ อวี๋หมิงหลางตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
“ร้านอาหารทะเลยังมีระดับไม่พอหรอก ไปร้านซุ่นฟาที่หรูหราที่สุดในเมืองเลย เดี๋ยวเรียกพี่น้องคนอื่นๆในทีมมาด้วย กินหลายโต๊ะหน่อยฉันเลี้ยงเอง”
พอเขาพูดไปแบบนั้นคนอื่นๆต่างเงียบ พากันมองหน้า
“ลูกพี่ งั้นไม่ต้องหรอก มันแพง…”
กินที่นั่นโต๊ะนึงราคาเท่ากับเงินเดือน2-3เดือน เล่นใหญ่ไปแล้ว
“ไม่เป็นไร วันนี้ทุกคนต่างลำบาก—ว่าที่พี่สะใภ้เอาบัตรเครดิตมาหรือเปล่าจ๊ะ?” อวี๋หมิงหลางถามเสี่ยวเชี่ยน
น้อยครั้งที่เขาจะเสนอเรื่องที่เกินกำลังจ่ายของเขา เงินเดือนทั้งหมดก็เอาไปให้เสี่ยวเชี่ยนจัดการ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาขออะไรขึ้นมา เสี่ยวเชี่ยนจึงรู้สึกแปลกๆ
แต่ก็ตอบตกลงเออออไปกับเขา
“เอามาแล้ว งั้นก็ไปร้านซุ่นฟากัน ทุกคนไปกินด้วยกันนะคะไม่ต้องเกรงใจ เจ้าของร้านนั้นเป็นลูกค้าฉันเอง ลดราคาได้”
ลดแป๊ะอะไรล่ะ ไม่ได้รู้จักกันเล้ย พูดให้สบายใจล้วนๆ
ตามคาด ทุกคนเฮกันขึ้นมาอีกรอบ
ชายโรคจิตที่ถูกผูกไว้กับต้นไม้ ปากก็ถูกยัดด้วยถุงเท้าของใครก็ไม่รู้ กำลังส่งเสียงอู้อี้
ในขณะที่ทุกคนกำลังปรึกษาว่าจะไปกินอะไรอยู่นั้น อวี๋หลิวเหมยก็ไม่ได้อยู่ว่าง เดินวนซ้ายวนขวารอบตัวชายโรคจิต
“แกน่ะเหรอที่โทรเข้าไปป่วนพี่สะใภ้ฉัน? จึ๊ๆ!” เธอล้วงกระเป๋าหยิบถุงมือสีขาวออกมาใส่ จากนั้นก็พับแขนเสื้อขึ้น แล้วเริ่มตบหน้าไม่ยั้ง
ตบได้อย่างหนักแน่น แรงดีไม่มีตก ไร้ซึ่งความปราณี อวี๋หมิงหลางกับเสี่ยวเชี่ยน รวมถึงทหารคนอื่นๆแสร้งทำเป็นไม่เห็นการกระทำของอวี๋หลิวเหมย หวางย่าเฟยยังแอบยกนิ้วให้ ผู้หญิงคนนี้สุดยอดไปเลย~
รถของตำรวจสืบสวนพิเศษมาถึงแล้ว แต่ไม่ได้ขับตรงเข้ามา จอดไว้ที่ไกลๆ หลินเจ๋อกว่างพอเห็นอวี๋หลิวเหมยตบคนอยู่ก็ผิวปากใส่
“สาวน้อยบ้านไหน ถูกใจเสียจริง~”
“หัวหน้า ดูเหมือนเธอจะเป็นน้องสาวของหัวหน้ากลางนะครับ” มีคนเข้ามารายงาน หลินเจ๋อกว่างหยุดผิวปากทันที ในสมองจินตนาการภาพอวี๋หมิงหลางมัดผมเปีย
โอ่ย ช่างเถอะ หน้าตาแบบอวี๋หมิงหลางสยองเกินไป
“บอกพวกเขาพอได้แล้ว พวกเราไปเอาตัวมา!”
ครั้นแล้วลูกน้องจึงเปิดไฟฉายส่องไปทางนั้น คนอื่นอาจมองไม่ออก แต่คนเหล่านี้เข้าใจทันที นี่เป็นโค้ดลับของพวกเขา
“ลูกพี่ ทางนั้นถามว่าพวกเราเสร็จหรือยังครับ?”
“บอกพวกเขาว่าเสร็จแล้ว” อวี๋หมิงหลางทำมือเป็นสัญญาณให้ถอย ทุกคนจึงทยอยกันไปขึ้นรถพร้อมกับถอดหมวกคลุมหัวออก เป็นอันเสร็จงาน
หลินเจ๋อกว่างรอพวกอวี๋หมิงหลางถอยออกไปถึงเข้าไปจับคนร้าย
เขาดึงถุงเท้าออกจากปาก ชายโรคจิตร้องอ้อนวอนขอความเห็นใจ
“คุณตำรวจต้องช่วยผมด้วยนะครับ เมื่อกี้มีใครที่ไหนก็ไม่รู้มารุมทำร้ายผม ผมเป็นถึงหัวหน้าแผนกในบริษัท เพิ่งจะเลิกงานกะกลางคืนก็ถูกคนทำร้าย”
“หืม? หัวหน้าเหรอ?” หลินเจ๋อกว่างทนเห็นพวกแสร้งทำเป็นคนดีไม่ไหว จึงเดินเข้าไปแล้วฮุกหมัดเข้าใส่ท้องชายโรคจิตไปหนึ่งที
“ต่อยผมทำไม!”
“ใครเห็นบ้าง? พวกนายเห็นเหรอ?” หลินเจ๋อกว่างหันหน้าไปถาม ลูกน้องของเขาพากันส่ายหน้า
“ผมจะฟ้องพวกคุณ จะเอาให้หมดตัวเลยคอยดู ผมก็แค่โทรไปแกล้งเล่นนิดๆหน่อยๆ มากสุดก็แค่ถูกขังไม่กี่วัน พวกคุณทำร้ายผมขนาดนี้ ผมจะฟ้องให้หมด!” ชายโรคจิตตะโกน
หลินเจ๋อกว่างส่งเสียง หึหึ ออกมา ชี้หน้าชายโรคจิตพลางหันไปถามลูกน้อง
“เขาพูดออกมาเองบันทึกไว้หรือเปล่า?”
มีคนยกกล้องขนาดเล็กขึ้นมา “เรียบร้อยครับ”
“แกนี่น่าสนใจดีนะ มีงานมั่นคงให้ทำยังจะรนหาที่ตาย ครั้งนี้ได้ตกงานแน่ ไม่รู้ว่าเมียแกจะอดทนไม่หย่าไหวหรือเปล่า ส่วนเรื่องที่แกพูดว่ามากสุดก็แค่ถูกขังไม่กี่วัน เรื่องนี้ทำการบ้านมาดีนี่ ใช่ โทรเข้าไปก่อกวนก็แค่ถูกขังไม่กี่วัน แต่โทรไปก่อกวนสถานีวิทยุที่เป็นสื่อสาธารณะแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ตำรวจจะจับปรับเท่าไรแล้ว แต่แกเล่นถึงโทษหนักแล้ว”
หา…หัวหน้าหน่วยคนนี้หน้าถอดสี ในที่สุดก็มีสีหน้าสำนึกผิด แต่หลินเจ๋อกว่างไม่สงสารคนแบบนี้
เขาโบกมือให้ลูกน้องมาเอาตัวไป
เดิมคิดว่าโรคจิตที่โทรไปก่อกวนเสี่ยวเชี่ยนก็คือคนร้ายที่เอามีดกรีดหน้าเหยื่อ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นคนละคน
อีกทั้งสองคนนี้ยังมีลักษณะเด่นที่เหมือนกัน
ดูจากรูปร่างลักษณะภายนอกไม่เหมือนคนที่ทำเรื่องแบบนี้
ผู้ชายที่โทรป่วนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น อวี๋หมิงหลางกับเสี่ยวเชี่ยนเคยเจอเขามาก่อน
ตอนนั้นหลังจากที่พวกเขาไปทำสวนสาธารณะสั่นสะเทือนเสร็จ อวี๋หมิงหลางได้ไปจับโจรที่กำลังขึ้นบ้านคนอื่น โจรโง่คนนั้นขโมยชุดชั้นในของเมียเจ้าข้องบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเจ้าของบ้านได้ออกมาคุยกับตำรวจสืบสวนพิเศษในตอนหลัง ตอนนั้นอวี๋หมิงหลางถึงได้รู้สึกว่าน้ำเสียงของเขาคุ้นๆ แต่ด้วยความที่รีบกลับบ้านเลยฟังได้แค่ประโยคเดียว ไม่ได้นึกถึงเรื่องคนที่โทรไปป่วน
ถึงตอนนั้นเซ้นส์ของอวี๋หมิงหลางจะบอกว่าผู้ชายหน้าเหลี่ยมคนนี้จะไม่ใช่คนดี แต่ก็นึกไม่ถึงว่า คนที่มีตำแหน่งค่อนข้างสูงการงานมั่นคงแบบนี้จะโทรเซ็กซ์โฟนได้
และเรื่องที่ทำให้คนคาดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือ คนที่กรีดใบหน้าเหยื่ออย่างโหดร้ายกลับเป็นเด็กวัยรุ่นที่ดูซื่อๆมาจากบนเขา
คนร้ายสองคดีนี้ต่างมีใบหน้าลักษณะภายนอกที่สามารถหลอกคนอื่นได้ แต่ทั้งคู่กลับทำผิดอย่างที่ไม่อาจอภัย
ระหว่างทางไปร้านอาหาร หวางย่าเฟยเป็นตัวแทนทุกคนถามเสี่ยวเชี่ยน
“ผู้ชายคนนั้นโทรไปก่อกวนได้ยังไงกัน ถ้าผมเจอคนแบบนี้ข้างนอกนะต้องคิดว่าเป็นคนดีแน่ๆ”
ในความคิดแบบคนสมัยก่อน ผู้ชายหน้าเหลี่ยมใส่แว่นท่าทางสุภาพมักจะเป็นคนดี เอาการเอางาน ใครจะไปคิดว่าดึกๆดื่นๆจะโทรไปเล่นเซ็กซ์โฟน
“เขาทำงานอะไรเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนถามอวี๋หมิงหลาง
วันนี้อวี๋หมิงหลางดูเงียบขรึมมากกว่าปกติ เขาก้มหน้าไม่พูดอะไร เสี่ยวเชี่ยนถามอยู่สองรอบเขาถึงรู้สึกตัว มองหน้าเสี่ยวเชี่ยนอย่างงงๆ เสี่ยวเชี่ยนเก็บความสงสัยที่มีต่อท่าทางแปลกๆของเขาในวันนี้ แล้วถามคำถามซ้ำอีกครั้ง