เสี่ยวเชี่ยนยังคงคุยกับผู้ชายโรคจิตที่โทรเข้ามาไปเรื่อยๆ
“รู้ไหมจ๊ะว่าพี่จะทำอะไรกับน้อง? พี่อยากจะกรีดหน้าน้อง น้องจะได้ร้องดิ้นทุรนทุรายอยู่ใต้ร่างพี่ หึหึหึ!” ผู้ชายโรคจิตใช้มือข้างหนึ่งชักว่าว ส่วนมืออีกข้างถือโทรศัพท์
“อืม แล้วไงต่ออีก?” เสี่ยวเชี่ยนคอยถ่วงเวลาตามที่อวี๋หมิงหลางบอก ไม่ได้มีอาการลนลานเลยแม้แต่น้อย สายตาของเธอมองไปด้านนอกที่เต็มไปด้วยแสงไฟยามราตรีของเมืองใหญ่ เธอมองไม่เห็นว่าสถานการณ์ด้านนอกเป็นอย่างไร แต่ในใจกลับรู้สึกหมดห่วง
เพราะเธอรู้ว่าในจุดที่เธอมองไม่เห็นมีผู้ชายคนหนึ่งปกป้องเธออยู่ ความรักของเขาไม่เคยห่างไปไหน
ปกติเวลามีคนโรคจิตโทรเข้ามาจะถูกตัดสายทิ้ง
แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ ชายโรคจิตกำลังจินตนาการถึงนางฟ้าที่อยู่ปลายสาย ภาษาที่ใช้ก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“พี่จะกรีดหน้าน้องให้เลือดไหลมาลงน้องชายพี่ กลัวหรือยังล่ะ ร้องอ้อนวอนสิ!” ชายโรคจิตอารมณ์ขึ้นมากว่าเดิม เขาพูดเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ
เสี่ยวเชี่ยนหยิบน้ำผลไม้ที่วางอยู่ข้างๆมาดื่มพลางทำหน้าดูถูกไม่อยากแยแส
ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยลอยมาจากในโทรศัพท์
“เสียวเหม่ย ผมจัดการมันได้แล้ว!”
อวี๋หมิงหลางไปถึงแล้ว
ผู้ต้องสงสัยคนนี้ยังไม่ทันจะรู้ตัวก็รู้สึกเหมือนถูกบางอย่างมาทำให้ขยับตัวไม่ได้ พอหันไปก็เกือบเป็นลม ไม่รู้ว่ามีคนมารุมล้อมรอบตัวเขาตั้งแต่เมื่อไร ผู้ชายคนที่เป็นหัวหน้าถึงจะใส่หมวกคลุมหน้าไว้แต่ก็ยากที่จะกลบแรงอาฆาตที่แผ่ซ่านออกมาได้
ชายโรคจิตแค่หันไปมองแวบเดียวก็รู้สึกว่าสิ่งที่อยู่ในมือจากแข็งก็อ่อนยวบ
“แก แก พวกแกจะทำอะไร!”
อวี๋หมิงหลางหรี่ตา ทำไมเขารู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายโรคจิตคนนี้ที่โทรไปก่อกวนเสียวเหม่ยบ่อยๆจัง?
บอกตามตรงเลยว่า เขาไม่คิดว่าผู้ชายโรคจิตที่ก่อกวนเสี่ยวเชี่ยนจะหน้าตาเป็นแบบนี้
เขาคิดว่าคนที่ทำเรื่องแบบนี้ได้จะต้องสติไม่ดี แค่เห็นก็ต้องให้ความรู้สึกขยะแขยง
ถ้าไม่จับได้คาหนังคาเขาแบบนี้ ไปเจอกันข้างนอก อวี๋หมิงหลางไม่มีทางจินตนาการออกเลยว่าผู้ชายคนนี้คือคนเดียวกับชายโรคจิตที่โทรก่อกวนเสี่ยวเชี่ยนบ่อยๆ
ผู้ชายคนนี้สวมแว่นตา หน้าเหลี่ยมๆใหญ่ๆ แต่งตัวสุภาพ ดูแล้วเหมือนคนที่ทำงานในออฟฟิศมานาน ประมาณว่าเป็นระดับหัวหน้าแล้ว ถ้าในมือถือเอกสารยืนอยู่บนเวทีกล่าวรายงานล่ะก็ ให้ความรู้สึกเหมือนนักข่าวเลยทีเดียว ว่าแต่ทำไมหน้าคุ้นๆ—นึกออกแล้ว!
ผู้ชายที่ดูสุภาพคนนั้นนั่นเอง ตอนนี้ชายคนนี้ยังไม่ได้รูดซิปกางเกง มือยังจับตรงนั้นอยู่…ใบหน้าแดงกล่ำ ถ้าไม่ติดว่าพาคนมาด้วย อวี๋หมิงหลางคง…หึหึไปแล้ว
“ทำอะไรน่ะ? ฉันมาพิทักษ์สันติราษฎร์แล้ว! แกนี่มันเก่งนะ กล้าโทรไปป่วนถึงสถานีวิทยุครั้งแล้วครั้งเล่า แถมยังจะพูดจาในทางนั้นกับเหม่ยเหวย?”
“ฉัน ฉัน ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น!” ชายโรคจิตแถ
เขาตกใจปล่อยหูโทรศัพท์ในมือจนห้อยต่องแต่ง อวี๋หมิงหลางคว้าหูโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเอาไปแนบหูชายโรคจิต
“ขอโทษเดี๋ยวนี้!”
“ฉันไม่—โอ๊ย!”
ทางนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างเสี่ยวเชี่ยนไม่รู้เลย
แต่ได้ยินเสียงแบบนี้ก็คงเดาไม่ยาก เสี่ยวเฉียงของเธอจะต้องใช้วิธีรุนแรงกับคนๆนี้แน่นอน
เสี่ยวเชี่ยนยิ้มมุมปาก เธอยกแก้วชาขึ้นมาจิบ ความหอมของชาหลงจิ่งที่เก็บก่อนฝนตกลอยมาเตะจมูก รสชาติยังคงอยู่ในปาก ให้ความรู้สึกเหมือนฟ้าหลังฝน
เธอไม่แคร์หรอกว่าชายโรคจิตคนนี้จะขอโทษหรือไม่ แต่เธอรู้ว่าเสี่ยวเฉียงของเธอถือสาเรื่องนี้
เขากลัวเธอจะเกิดเงามืดในจิตใจอย่างนั้นเหรอ?
ถึงเขาจะประเมินความสามารถในการแบกรับสิ่งต่างๆของจิตใจเสี่ยวเชี่ยนต่ำ สำหรับเสี่ยวเชี่ยนนอกจากอวี๋หมิงหลางกับคนในครอบครัวเธอก็ไม่มีใครมีอิทธิพลต่อจิตใจของเธอได้ คนที่ทำอะไรน่าเบื่อแบบนี้ประธานเชี่ยนมองอย่างดูถูกหมด คำพูดโรคจิตเมื่อกี้ของผู้ชายผิดปกติคนนี้ไม่ได้สร้างความสะเทือนใจให้ประธานเชี่ยนเลยแม้แต่น้อย
แต่เธอกลับดีใจกับท่าทีที่อวี๋หมิงหลางบังคับให้คนร้ายขอโทษเธอ
นี่สิถึงจะเป็นวิธีทำให้มีความสุขอย่างถูกต้อง มองข้ามพฤติกรรมทุกอย่างของคนที่เธอไม่แคร์ มีความสุขในสิ่งที่คนที่เราแคร์ทำให้ แล้วจะรู้สึกว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความรัก
“ขอโทษ…” ผู้ชายโรคจิตพูดด้วยเสียงสั่นๆ
อวัยวะระหว่างขาสองข้างของเขาเจ็บปวดประหนึ่งถูกลาวาหลอมละลาย เมื่อกี้อวี๋หมิงหลางถีบมันอย่างแรง
พอนึกว่าคนหน้าไม่อายคนนี้จิตนาการว่าทำเรื่องอย่างว่ากับผู้หญิงของเขา อวี๋หมิงหลางก็แทบอยากเอาให้สูญพันธุ์
ตอนนี้เขาไม่ได้ทำภารกิจ เขาระบายอารมณ์แทนผู้หญิงของตัวเองด้วยสถานะส่วนตัว เพราะตอนนี้เป็นช่วงเวลาพักของเขา
ส่วนพี่น้องทหารที่ตามเขามา ทุกคนก็อยู่ในช่วงหยุด
คำขอโทษที่ไม่จริงใจก็สร้างความพอใจให้อวี๋หมิงหลางไม่ได้ เขายื่นมือไปดึงหัวชายโรคจิต ออกแรงนิดหน่อยหัวของชายคนนี้ก็ไปกระแทกกับตู้โทรศัพท์
เล่นเอามึนจนเห็นดาวเห็นเดือน ส่วนน้องชายที่ยังไม่ทันได้เก็บให้ดีก็แกว่งไปมาตามแรงเหวี่ยง พี่น้องทหารที่ใส่หมวกคลุมหน้าพากันเบ้ปาก
อันแค่นี้ยังจะมีหน้าโทรไปเซ็กซ์โฟน?
“พูดเบาแค่นั้นพูดให้ยุงฟังเหรอ? ดังๆหน่อย!” อวี๋หมิงหลางตะคอก
ผู้ชายที่ดูภายนอกท่าทางสุภาพคนนี้กลับทำเรื่องลามกอนาจาร เป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่าคนเราดูแค่หน้าตาไม่ได้เลยจริงๆ
ชายโรคจิตกลัวอวี๋หมิงหลางอัดรีบพูดขอโทษเสี่ยวเชี่ยนทันที
“ขอโทษนะเหม่ยเหวย!”
“ฉันไม่มีทางยกโทษให้” เสี่ยวเชี่ยนวางสายอย่างอารมณ์ดี แล้วตัดกลับเข้ารายการ เปิดดนตรีจบของรายการอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นก็เก็บของออกไป ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่ใช่ว่าคำขอโทษทุกคำจะได้รับการให้อภัย ที่เธออารมณ์ดีก็ไม่ใช่เพราะคนชั่วที่ไม่มีค่าให้พูดถึงคนนี้ แต่เป็นเพราะความเอาใจใส่และละเอียดอ่อนของเสี่ยวเฉียง
“ไอ๊หยา ฉันเพิ่งรู้สึกได้ว่าที่หัวหน้ากลางปฏิบัติกับเรานับว่าดีแล้ว ต่อไปจะไม่เรียกว่าปีศาจแล้ว” หวางย่าเฟยที่ใส่หมวกคลุมหน้าอยู่พูดกับเพื่อนที่อยู่ข้างๆด้วยความดีใจ
หัวหน้ากลางใกล้จะทำให้คนๆนี้เละเป็นโจ๊กแล้ว
อัดเสร็จก็เอาเชือกมัดไว้กับต้นไม้แล้วเอาเข็มขัดหนังฟาดต่อ
หลังจากที่อวี๋หมิงหลางระบายอารมณ์เสร็จแล้ว ขณะที่กำลังจะบอกลูกน้องให้ส่งข่าวไปบอกหลินเจ๋อกว่างให้มาจับคน พอเงยหน้าก็เห็นเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หลิวเหมยยืนอยู่อีกฝั่งถนน
เขาและเธอสบตากันท่ามกลางแสงไฟ สายลมพัดผมเธอให้ปลิวไสวเล็กน้อย เข็มขัดที่อยู่ในมืออวี๋หมิงหลางก็แกว่งไปตามลม…
เวลาหยุดนิ่ง
จากนั้นอวี๋หมิงหลางก็รู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว
แย่แล้ว เดิมเสี่ยวเชี่ยนก็กลัวการแต่งงานเป็นทุนเดิม นี่เขายังใช้กำลังให้เธอเห็นอีก ไม่ยิ่งทำให้เธอกลัวหรอกเหรอ?
ครั้นแล้วสติปัญญาอันชาญฉลาดของอวี๋เสี่ยวเฉียงก็ทำงาน เขามองเข็มขัดในมืออย่างสงสัย แล้วใช้ทักษะการแสดงขั้นเทพตะโกนพูดเสียงดัง
“พวกนายดูซิ เข็มขัดนี่สู้ของทหารไม่ได้เลย หัวเข็ดขัดชอบหลุดออกมา ทำฉันขายหน้าไปหมด!”
ใช่ เข็มขัดมันมีปัญหาก่อน ไม่เกี่ยวกับเขาเลย!
พี่น้องทหารของเขาพากันทำหน้าแหย นี่ลูกพี่ไร้ยางอายขนาดไหนกันเนี่ย?