ตอนที่ 609 ลากอวนกับชั่วขณะ

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

น่าเสียดายที่หลี่เจียโชคไม่ค่อยดี มาเจอกับผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวสุดๆอย่างเย่เสียวอวี่ การรักษาคงล่าช้าไปอีก ถึงเสี่ยวเชี่ยนไม่คิดจะรับรักษาเคสนี้ แต่เธอคิดว่าตัวเองจำเป็นต้องไปคุยกับพ่อหลี่เจีย 

 

 

“ถึงจะไม่เข้าใจสิ่งที่พี่พูด แต่ก็รู้สึกว่ามีเหตุผล” อวี๋หลิวเหมยมองเสี่ยวเชี่ยนอย่างชื่นชม “ถ้าพี่สะใภ้เป็นผู้ชายนะฉันตามจีบแน่ นางฟ้าสุดเพอร์เฟค!” 

 

 

“นั่นก็เพราะมีคนติงต๊องคนหนึ่งยอมให้โอกาสพี่ตอนที่อาการของพี่กำเริบ เธอถึงได้เห็นพี่เป็นแบบนี้ในตอนนี้ไงล่ะ” 

 

 

“ฉันว่าพี่สะใภ้เหมือนนางฟ้าเหมาะกับพี่หลางมากเลยจริงๆนะ” 

 

 

อวี๋หลิวเหมยฝึกศิลปะป้องกันตัวมาหลายปี มีบ้างที่ได้ประลองฝีมือกับพี่น้องในตระกูลอวี๋ บางครั้งเอาชนะได้แม้แต่อวี๋หมิงอี้ แต่ไม่เคยชนะอวี๋หมิงหลาง ดังนั้นอวี๋หมิงหลางจึงเป็นเหมือนเทพในสายตาของเธอ 

 

 

ความรู้สึกที่ออกมาจากใจจริงนี้เห็นได้ชัดว่าทำให้เสี่ยวเชี่ยนพอใจ 

 

 

“เดี๋ยวพี่เลี้ยงข้าวร้านเด็ดเป็นไง มีอยู่ร้านนึงทำหมูน้ำแดงอร่อยมาก” 

 

 

“พี่เป็นคนดี! แต่พี่สะใภ้พาฉันไปก็พอ ให้ฉันเลี้ยงบ้าง ให้พี่ดูแลบ่อยๆฉันเกรงใจ” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนยิ้มกว้างให้อวี๋หลิวเหมย 

 

 

“จริงสิ เธอชอบหลงทางไม่ใช่เหรอ ทำไมหาที่นี่เจอล่ะ?” 

 

 

เมื่อกี้ถ้าไม่ได้อวี๋หลิวเหมยมาช่วยไว้ได้ทัน เธอคงซวยเพราะยัยสมองกลวงเย่เสียวอวี่ไปแล้ว 

 

 

อันที่จริงอวี๋หลิวเหมยไม่ค่อยกล้าบอกเสี่ยวเชี่ยน เธอลงมาจะหาโซนขายอุปกรณ์กีฬา แต่ปรากฏว่าเดินวนไปเวียนมาก็ไปถึงทางหนีไฟ คิดจะออกไปแล้วกลับเข้ามาใหม่ ปรากฏว่าพอเปิดประตูก็มาเจอร้านกาแฟเห็นเสี่ยวเชี่ยนที่กำลังเหมือนเกิดเรื่องอยู่ 

 

 

ถึงได้มาช่วยเอาไว้ได้ทัน 

 

 

“ฉันพึ่งพาได้เหมือนกับพี่หลางจริงๆนะพี่สะใภ้ ฉันไม่โก๊ะเวลาถึงช่วงสำคัญ” 

 

 

“งั้นคนสวยไม่โก๊ะ รู้ไหมจ๊ะว่าจากตรงนี้ออกไปยังไง?” 

 

 

“เอ่อ…ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำคัญ ดังนั้น…” อวี๋หลิวเหมยยิ้มแหยๆให้เสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนเข้าใจทันที 

 

 

มีส่วนคล้ายอวี๋หมิงหลางอยู่นะ พอไม่ใช่ช่วงสำคัญเครื่องช็อตตลอด 

 

 

ตอนเย็นเสี่ยวเชี่ยนไปทำงานที่สถานีวิทยุ อวี๋หลิวเหมยคอยเฝ้าเสี่ยวเชี่ยนอยู่หน้าห้องจัดรายการ เสี่ยวเชี่ยนตอบคำถามผู้ฟังตามปกติคล้ายกับว่าไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก่อน 

 

 

รายการดำเนินไปได้ครึ่งทางอวี๋หมิงหลางก็โทรหาอวี๋หลิวเหมย 

 

 

หลังจากได้ฟังคำสั่งของอวี๋หมิงหลางเธอก็หันไปทำสัญญาณมือให้เสี่ยวเชี่ยนที่อยู่ในห้อง เสี่ยวเชี่ยนจึงเปิดโฆษณาแล้วเดินออกมา 

 

 

“มีอะไรเหรอ?” 

 

 

“พี่สะใภ้ พี่หลางบอกให้พี่ทำอย่างนี้…” อวี๋หลิวเหมยกระซิบข้างหูเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนฟังไปพยักหน้าไป 

 

 

ถึงเสี่ยวเฉียงจะไม่อยู่ด้วย แต่เหมือนเขาปกป้องเธออยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกปลอดภัยนี้ทำให้จิตใจของเธออบอุ่น 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนกลับเข้าไปจัดรายการต่อ ในใจเธอคิดถึงแต่อวี๋หมิงหลาง ในสายตาของเขานั้นก็มีแค่เธอ 

 

 

บนตึกสูงที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีวิทยุโทรทัศน์ อวี๋หมิงหลางใช้กล้องส่องทางไกลของทหารส่องไปที่เสี่ยวเชี่ยนที่นั่งอยู่ในห้องกระจก เธอสวมหูฟังกำลังตอบคำถามผู้ฟังที่โทรเข้ามา 

 

 

กล้องส่องทางไกลคุณภาพสูงนี้ทำให้เหมือนเธออยู่ใกล้แค่เอื้อม แม้แต่ไฝคนงามที่อยู่บนหน้าผากอย่างเห็นชัดแจ๋ว 

 

 

“หัวหน้ากลางครับ ทางตำรวจสืบสวนพิเศษส่งข่าวมาบอกว่าหวางจือหมิงไม่ยอมรับว่าตัวเขาเคยไปที่ห้างนั้นครับ นับตั้งแต่ถูกจับตัวมาเขาก็เอาแต่เอามือปิดหน้าตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ผลตรวจจากห้องแลปของตำรวจอาชญากรรมออกมาแล้วว่า รอยเลือดที่อยู่ในที่เกิดเหตุตรงกับเลือดของหวางจือหมิง จากคำให้การของพ่อแม่เขา ผู้ต้องสงสัยหวางจือหมิงได้ลงจากเขามาซื้อของเข้าบ้านในวันเกิดเหตุจริง—นี่มันเรื่องอะไรกันครับ?” หวางย่าเฟยมาทำภารกิจร่วมกับอวี๋หมิงหลางด้วย 

 

 

หลังจากที่อวี๋หมิงหลางพบเบาะแสเขาก็รีบสั่งคนไปจับหวางจือหมิงมา เดิมคิดว่าเขาเป็นแค่พยานในเหตุการณ์ แต่นึกไม่ถึงว่ารอยเลือดที่อยู่ในที่เกิดเหตุจะเป็นของเขา 

 

 

เหยื่อเป็นผู้หญิงตัวอ้วนสูงแรงเยอะ จากการวิเคราะห์จากรอยเลือดที่สู้กันในที่เกิดเหตุ ผู้ต้องสงสัยล็อคคอเหยื่อจากทางด้านหลัง แต่ด้วยความที่เหยื่อแรงเยอะพยายามขัดขืน มีดของผู้ต้องสงสัยจึงไปบาดตัวเองเข้า ทำให้มีรอยเลือดอื่นนอกจากของเหยื่ออีก 

 

 

“เรื่องสอบสวนไม่ใช่หน้าที่ของพวกเรา แต่แนะนำให้เขาเชิญนิติจิตเวชจากสำนักงานตุลาการวินิจฉัยโรคประสาทมาแล้วกัน” นิติจิตเวชที่อวี๋หมิงหลางพูดถึงก็คือคนที่ทำงานแบบเลี่ยวฟู่กุ้ย 

 

 

“หัวหน้ากลางสงสัยว่าหวางจือหมิง…เป็นโรคประสาทเหรอครับ?” หวางย่าเฟยตกใจ 

 

 

“ก็แค่การคาดเดา รายละเอียดต้องรอนิติจิตเวชมาวินิจฉัยอีกที ผมก็แค่สันนิษฐาน ปู่ของหวางจือหมิงมีประวัติเป็นโรคประสาท ยังไม่ตัดความเป็นไปได้ที่เขาจะเป็นกรรมพันธุ์” 

 

 

“งั้นก็พิลึกมาก…โรคประสาทอะไรกัน ก่อคดีแล้วกลับจำอะไรไม่ได้เลย อีกทั้งยังทำตัวเหมือนคนขี้ขลาด ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนที่กล้าก่อเหตุ” 

 

 

“รอว่าที่พี่สะใภ้ของพวกนายเลิกงานก่อนจะให้เขามาอธิบายว่าโรคอะไรที่มีความเป็นไปได้แบบนี้” 

 

 

“หัวหน้ากลางยังขอแต่งงานไม่สำเร็จอีกเหรอครับ?” หวางย่าเฟยเพิ่งจะรู้ว่าช่วงที่ผ่านมาหัวหน้ากลางไปทำอะไรมา เขาอุตส่าห์รอกินลูกอมมงคล แต่ปรากฏว่าหัวหน้ากลางก็ยังคงเรียกว่า ‘ว่าที่พี่สะใภ้’ 

 

 

อวี๋หมิงหลางถอนหายใจแล้วเลื่อนกล้องส่องทางไกลออกจากทิศทางที่หันไปทางเสี่ยวเชี่ยนด้วยความอาลัยอาวรณ์ จากนั้นก็มองลงไปข้างล่าง 

 

 

“ฉันแสดงออกไม่เก่ง ชอบทำให้เขาโมโห ไม่เจอแนวทางขอแต่งงานที่โดนใจเขาสักที” 

 

 

ตำแหน่งที่เขาเลือกนี้ใช้ได้ สามารถมองลงไปเห็นตู้โทรศัพท์สาธารณะหลายจุด 

 

 

ตอนนี้ผู้ต้องสงสัยที่กรีดใบหน้าเหยื่ออย่างโหดร้ายได้ถูกคุมตัวไว้แล้ว ภารกิจของเขากำลังจะใกล้ถึงตอนจบ ในขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังสอบสวนหวางจือหมิงอยู่นั้น เขาก็ปลีกตัวออกมาช่วยเสียวเหม่ยตามหาโรคจิตที่โทรศัพท์เข้าไปก่อกวน 

 

 

ขณะที่อวี๋หมิงหลางกำลังสังเกตการณ์ หวางย่าเฟยก็แอบคิด 

 

 

หัวหน้ากลางเป็นถึงผู้ชายที่เก่งขั้นเทพ คดีคนร้ายกรีดใบหน้าที่ซับซ้อนแบบนี้พอเขาออกโรงก็คืบหน้าทันที แต่ทำไมแค่เรื่องเล็กๆอย่างเรื่องขอแต่งงานกลับทำไม่ได้? 

 

 

อวี๋หมิงหลางคอยจับตามองจากบนที่สูง ส่วนเสี่ยวเชี่ยนก็ช่วยผู้ฟังแก้ปัญหาต่อ 

 

 

เมื่อถึงช่วงท้ายรายการ อยู่ๆสายที่โทรเข้ามาก็หัวเราะร่าพร้อมกับมีเสียงลมหายใจถี่ๆ 

 

 

“เหม่ยเหวยจ๋า เหม่ยเหวย~” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนคุ้นกับเสียงนี้ มาแล้ว! 

 

 

เธอรีบตัดเข้าโฆษณา แต่ไม่ได้ตัดสายทิ้ง นั่นก็หมายความว่าตอนนี้มีแค่เธอกับคนๆนี้ที่ได้ยินกันและกัน 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนทำมือ OK ให้อวี๋หลิวเหมย อวี๋หลิวเหมยอยากจะไปช่วยตามจับไอ้คนโรคจิตด้วยอีกแรง แต่พี่ชายเธอมอบหมายหน้าที่ให้คุ้มกันพี่สะใภ้ เธอจึงต้องอดทนไว้! 

 

 

ขณะเดียวกันอวี๋หมิงหลางที่จับตามองอยู่บนที่สูงก็ยิ้มมุมปาก กล้องส่องทางไกลของเขาได้ส่องไปยังตู้โทรศัพท์จุดหนึ่ง ติดกับแล้ว! 

 

 

เขาสวมถุงมือพิเศษ ดึงหมวกคลุมหน้าลงแล้วหยิบหูฟังมาออกคำสั่ง 

 

 

“เบอร์สามลากอวนได้!” 

 

 

เขาจัดการวางอุปกรณ์พิเศษให้มั่น อวี๋หมิงหลางไม่ได้ใช้ลิฟท์แต่ไต่เชือกลงไป 

 

 

ระหว่างนั้นเสี่ยวเชี่ยนก็ชวนโรคจิตคนนั้นคุยไปเรื่อยๆ 

 

 

ต่อมาผู้ชายโรคจิตก็ปลดกางเกงเลื่อนซิปลงแล้วทำในสิ่งที่ชวนขยะแขยงพลางพูดจาข่มเสี่ยวเชี่ยน 

 

 

อวี๋หมิงหลางใช้ความมืดอำพรางไต่ลงจากตึกสูง 

 

 

ชั่วเวลาแค่ไม่กี่วินาทีสามารถมีเรื่องราวเกิดขึ้นได้มากมาย จะสำเร็จหรือล้มเหลวก็อยู่ที่ตอนนี้นี่แหละ