ตอนที่เสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางขึ้นเขาไปเที่ยวกัน ด้วยความหมั่นไส้เสี่ยวเชี่ยนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เย่เสียวอวี่จึงไปขอร้องกับทางสถานีให้เธอทำแทนเสี่ยวเชี่ยน อยากพิสูจน์ตัวเองว่าเรื่องที่เหม่ยเหวยทำได้เธอก็ทำได้
นึกไม่ถึงว่าเย่เสียวอวี่จะจัดรายการไม่ได้เรื่อง ความรู้สึกแย่ๆกองอยู่เต็มสมองเธอ ทำให้อารมณ์ทั้งหมดไประเบิดกับหลี่เจียที่กำลังตามตื๊อจีบเธออยู่ทุกวัน ปรากฏว่านึกไม่ถึงว่าหลี่เจียจะเป็นผู้ป่วยภาวะบุคลิกผิดปกติชนิดก้ำกึ่ง
โรคชนิดนี้ตอนอารมณ์ดีก็ดีจนใจหาย แต่เรื่องอารมณ์พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือนั้นเกิดได้แค่เสี้ยววินาที ตอนที่เขาดีสามารถยกใจให้เธอทั้งดวง แต่พอร้ายก็เปลี่ยนเป็นอยากกินหัวเธอในชั่วพริบตา
พ่อของหลี่เจียเป็นเศรษฐีแนวหน้าของเมือง ตอนนี้หลี่เจียกำลังตามจีบเย่เสียวอวี่อย่างบ้าคลั่ง ถึงแม้เย่เสียวอวี่จะไม่ชอบเขา—อย่างไรเสียในใจของเธอก็มีผู้ชายดั่งเทพบุตรซ่อนอยู่หลายปี แต่พอถูกอวี๋หมิงหลางใช้วิธีปฏิเสธทางอ้อม เธอก็เก็บกดอยากพิสูจน์ว่าตัวเองก็เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์จึงคบกับหลี่เจีย
หลี่เจียไม่ได้เพิ่งมาตามจีบเย่เสียวอวี่ได้วันสองวัน เย่เสียวอวี่ทำทีเล่นทีจริงกับเขามาตลอด ดีบ้างร้ายบ้างให้เขาได้เห็นแต่ห้ามแตะต้อง เวลาได้ของขวัญแพงๆจากเขาก็ทำเป็นดีด้วย แต่พอหมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่งหันไปคิดหาวิธีเข้าหาอวี๋หมิงหลาง หลังจากที่ถูกอวี๋หมิงหลางปฏิเสธ ด้วยความโมโหจึงไปคบกับหลี่เจีย
ปรากฏว่าดีกันอยู่ได้ไม่กี่วันเธอก็โมโหอาละวาดใส่หลี่เจียจนอาการเขากำเริบตบหน้าเธอไปหนึ่งที เย่เสียวอวี่จึงโวยวายบอกเลิก หลี่เจียคุกเข่าพร้อมทั้งเอามีดจี้คอตัวเองขู่ฆ่าตัวตาย ครอบครัวของหลี่เจียมีเขาเป็นลูกชายคนเดียว พ่อของเขามีบารมีมากจึงใช้อิทธิพลกดดันเย่เสียวอวี่
ทั้งซื้อบ้านให้ทั้งขู่ว่าถ้าเลิกจะทำให้ตกงาน อีกทั้งยังรับรองว่าจะหาจิตแพทย์เก่งๆมารักษาหลี่เจียให้ได้ ต่อไปไม่มีทางเป็นแบบนี้อีกแน่นอน เย่เสียวอวี่เห็นแก่เงินกับอำนาจจึงยอมมาด้วยวันนี้
กลับนึกไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่น่าอายแบบนี้
ใครจะไปคิดว่าเหม่ยเหวยที่เธอแสนเกลียดจะเป็นสุดยอดจิตแพทย์ที่พ่อหลี่เจียพูดถึง?
พ่อของหลี่เจียก็เป็นนักธุรกิจ มีพบปะกับทังต้าเย่พ่อของทังสุ่ยเซียนอยู่บ้าง วงการนี้ไม่ใหญ่ ใครๆต่างรู้ว่าทังต้าเย่รู้จักกับจิตแพทย์ที่ฝีมือเก่งกาจ ถึงราคาจะไม่ใช่ถูกๆ แต่โรคจิตเวชที่หมอภายในประเทศรักษาไม่หายหมอคนนี้เอาอยู่หมด
“ที่รักคะ นี่เป็นคุณหมอนะ คุณทำอะไรน่ะ?” หลี่เจียไม่เข้าใจว่าทำไมแฟนตัวเองมีปฏิกิริยาแบบนี้
เย่เสียวอวี่ผลักมือเขาออกอย่างไม่พอใจ มาทำตัวสนิทกับผู้ชายอื่นต่อหน้าเหม่ยเหวยแบบนี้เธอรู้สึกขายหน้า โดยเฉพาะสายตาของเหม่ยเหวยที่ถึงจะดูนิ่งเฉยแต่กลับเหมือนมองทุกอย่างออกหมด ทำให้เธอยิ่งหงุดหงิด
“ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนดี! ถ้าคุณให้เขารักษา ต่อไปก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก!” เย่เสียวอวี่ยื่นคำขาด
เสี่ยวเชี่ยนทำเสียง หึ อย่างไม่แคร์ ไร้สาระ
“ที่รักคะ อย่าโกรธนะ ผมไม่รักษาแล้ว ผมไม่รักษาแล้วโอเคไหม อย่าไปจากผมเลยนะ!”
เมื่อกี้หลี่เจียสภาพอารมณ์ยังปกติอยู่ แต่ทันใดนั้นเขาก็น้ำตาไหลพราก จนสุดท้ายลงไปคุกเข่ากับพื้น
ท่าทางแบบนี้เป็นลักษณะเด่นของภาวะบุคลิกผิดปกติชนิดก้ำกึ่ง ผู้ป่วยจะอารมณ์ดีร้ายโศกเศร้าไม่แน่นอน สภาพอารมณ์เปลี่ยนแปลงได้ง่าย คุยๆกันอยู่อารมณ์หนึ่งวินาทีถัดมากลับเป็นอีกอารมณ์หนึ่ง
คนปกติมีความสามารถในการควบคุมอารมณ์เมื่อเจอกับเรื่องต่างๆ แต่ผู้ป่วยภาวะบุคลิกผิดปกติชนิดก้ำกึ่งไม่มี แค่เรื่องเล็กๆก็สามารถทำให้พวกเขาอารมณ์เปลี่ยนขั้นรุนแรง ในทางการแพทย์เรียกโรคนี้ว่า BPD(Borderline Personality Disorder)
พลังโจมตีและพลังทำลายล้างของโรคนี้รุนแรงมาก เมื่อเทียบกับโรคหวาดกลัวการแต่งงานกับโรคย้ำคิดย้ำทำที่เสี่ยวเชี่ยนเป็นคงเปรียบได้กับช้างกับมด
“ขอโทษด้วยนะครับหมอเฉิน ผมคงรักษากับคุณไม่ได้แล้ว คุณรีบไปเถอะครับอย่าทำให้ที่รักของผมโกรธเลย!” น้ำเสียงของหลี่เจียทำให้คนแถวนั้นที่ไม่รู้เรื่องอาจจะคิดว่าเสี่ยวเชี่ยนทำเรื่องอะไรไม่ดีลงไป
เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่านี่เป็นอาการของโรคจึงไม่ได้โมโห เมื่ออยู่กับผู้ป่วยเธอจะใจเย็นและรักษาระยะห่างเสมอ
“คุณไม่ให้ฉันรักษาก็ได้ค่ะ แต่ฉันขอแนะนำให้คุณรีบไปต่างประเทศ โรคนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ” จรรยาบรรณแพทย์ของเสี่ยวเชี่ยนทำให้เธอต้องพูดแบบนั้น
“ผมไม่ได้ป่วย ที่รักอย่าไปจากผมนะ!” หลี่เจียกอดขาเย่เสียวอวี่
เย่เสียวอวี่สังเกตได้ว่าคนจำนวนมากกำลังมองอยู่ ใบหน้าเธอเริ่มร้อนผ่าว โดยเฉพาะต้องมาขายหน้าต่อหน้าเสี่ยวเชี่ยน ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวผลักหลี่เจียออกแล้วเดินออกไป
หลี่เจียพอเห็นเย่เสียวอวี่ไปแล้ว อารมณ์ร้องไห้ขี้มูกโป่งเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นหัวร้อน เขารีบลุกขึ้นคว้าแก้วที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาคิดจะปาใส่เย่เสียวอวี่ เสี่ยวเชี่ยนยืนอยู่ด้านข้างพอดี หลี่เจียเล็งเฉียดไปทำให้แก้วนั้นพุ่งมาทางเสี่ยวเชี่ยน
“เพล้ง!”
เสียงแก้วแตกดังขึ้น มีแก้วใบหนึ่งถูกเขวี้ยงมาจากอีกด้าน ถูกแก้วที่จะพุ่งมาหาเสี่ยวเชี่ยนพอดีเป๊ะ แก้วเฉียดแขนเสื้อเสี่ยวเชี่ยนตกลงไปบนพื้น
เสี่ยวเชี่ยนเงยหน้ามองไป อวี๋หลิวเหมยยืนหอบอยู่ไม่ไกล เธอเป็นคนเขวี้ยงแก้วมาช่วยเอาไว้ได้ทัน
อวี๋หลิวเหมยรีบวิ่งมาขวางหน้าเสี่ยวเชี่ยนแล้วด่าหลี่เจียด้วยความโมโห
“ตาบอดเหรอ! อารมณ์ไม่ดีก็ไปวิ่งรอบสนามเซ่ มาระบายอารมณ์ใส่คนอื่นคิดว่าเก่งนักเหรอ?” นี่ถ้าเธอมาไม่ทันเวลาพี่สะใภ้ที่ดูอ่อนแอในสายตาเธอคงบาดเจ็บไปแล้ว
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้คิดจะทำเขา ผม—” หลี่เจียพูดได้แค่นั้นอารมณ์ก็เปลี่ยนอีก เขาเอามือปิดหน้าคุกเข่าร้องไห้ยกใหญ่
เสี่ยวเชี่ยนยกมือห้ามไม่ให้หลิวเหมยต่อว่าเขา
เธอเดินเข้าไปนั่งข้างหลี่เจียแล้วตบบ่าปลอบเขา “ไม่ต้องร้องนะ ฉันรู้ว่าคุณเสียใจ สำหรับผู้ป่วยBPDแล้ว เวลาที่คุณทำร้ายคนอื่นคุณกลับเป็นคนที่เสียใจที่สุด เทวดากับซาตานมันแค่ชั่วพริบตาเดียว ฉันเชื่อว่าคุณเป็นคนดี ไม่ต้องร้องนะคะ”
ไม่เคยมีใครพูดกับเขาแบบนี้มาก่อนเวลาที่อาการกำเริบ หลี่เจียมองเสี่ยวเชี่ยนทั้งน้ำตา “คุณเชื่อผมเหรอ?”
“ฉันเคยสัมผัสกับผู้ป่วยBPDมาเยอะค่ะ ฉันรู้ว่าคุณควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ คุณดันทุรัง คุณสมาธิสั้น แต่คุณไม่ได้เป็นโรคจิตเภท คุณรู้สึกว่างเปล่า คุณสงสัยถึงการมีตัวตนของตัวเอง ถึงขนาดที่ว่าคุณไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนยังไง แต่ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเชื่อว่าถ้าทำการรักษาคุณก็จะหายดี”
หลังจากที่ฟังเสี่ยวเชี่ยนปลอบในที่สุดสภาพอารมณ์ของหลี่เจียก็กลับมาเป็นปกติ เขาขอโทษเสี่ยวเชี่ยนแล้วออกไป
อวี๋หลิวเหมยมองด้วยความทึ่ง
“พี่สะใภ้สุดยอดเลย ทนคนแบบนี้ได้ด้วย พี่เป็นคนจิตใจดีจริงๆ!”
เสี่ยวเชี่ยนมองอวี๋หลิวเหมยที่ชื่นชมเธอ ในใจรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งหลอกเด็กไป
เธอก็แค่ทำหน้าที่ของจิตแพทย์ต่อหลี่เจีย ไม่เกี่ยวกับเรื่องทนได้หรือทนไม่ได้ ก็เหมือนกับเวลาคนไข้ไปหาหมอที่โรงพยาบาล หมอให้คนไข้อ้าปากเพื่อตรวจ ไม่ว่าคนไข้จะปากเหม็นหรือไม่เหม็นหมอก็ยังคงต้องตรวจในช่องปาก ไม่มีหมอคนไหนจะรังเกียจคนไข้ เพราะนี่คืองาน
อวี๋หลิวเหมยเห็นแต่ด้านดีของเสี่ยวเชี่ยน ไม่เคยเห็นตอนเสี่ยวเชี่ยนร้าย ดังนั้นในความทรงจำของเธอเสี่ยวเชี่ยนเป็นผู้หญิงที่ทั้งอ่อนโยนทั้งจิตใจดี
“ถึงภาวะบุคลิกผิดปกติชนิดก้ำกึ่งจะดูน่ากลัว ดูสุดโต่ง แต่ตัวผู้ป่วยเองก็ทุกข์ทรมาน ขอแค่คนรอบตัวเขาอดทน เข้าใจ บางทีก็อาจช่วยฉุดเขาขึ้นมาจากนรกได้”