ตอนที่ 197 ถูกจับ

แม่สาวเข็มเงิน

สุดท้าย เจียงป่าวชิงก็หัวเราะเยาะไปพลาง ทายาให้เกิ่งจื่อเจียงไปพลาง  ตลอดการทายาจวบจนทาเสร็จ เกิ่งจื่อเจียงตัวแดงราวกับกุ้งสุก เขาฝังใบหน้าลงในหมอน ตัวก็แข็งทื่อไม่กล้าขยับแม้เพียงน้อยนิด

เจียงป่าวชิงตั้งใจทายาให้เขา เมื่อทาเสร็จแล้วนางถึงจะพูดกับเขาว่า “หมอเกิ่ง ข้าเกรงว่าหมอเกิ่งคงลืมไปแล้วว่าข้าเองก็ถือเป็นหมออยู่ครึ่งหนึ่งเช่นกัน ในสายตาของหมอมีแต่ผู้ป่วยเท่านั้น มีการแบ่งแยกหญิงชายที่ไหนกันเล่า ?”

เกิ่งจื่อเจียงส่งเสียงอุทานอย่างเข้าใจทันที เสียงหงอย ๆ ของเขาถูกพูดออกมาด้วยความละอายใจอย่างต่อเนื่อง “อืม ข้าคิดมากไปเอง เจ้า… เจ้าก็ไม่เตือนข้าให้เร็วกว่านี้หนิ”

เจียงป่าวชิงพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ให้เป็นบทเรียนกับหมอเกิ่งเถอะ แบบนี้หมอจะได้จำได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้นไง”

เกิ่งจื่อเจียงนอนคว่ำอยู่บนเตียง เขาหันกลับมามองเจียงป่าวชิงอย่างแค้นใจ

ทว่าเจียงป่าวชิงไม่สนใจเขาเลย นางไปล้างมือที่กะละมังล้างหน้าข้าง ๆ เพราะยาทาผิวหนังของที่บ้านเกิ่งจื่อเจียงมีส่วนผสมที่ถือว่าไม่ได้ดีเท่าไหร่ ทั้งกลิ่นยังฉุนอีก แต่เจียงป่าวชิงไม่มีเวลาผสมยาให้เขา  อีกอย่าง แผลที่เกิดจากการถูกตีก้นนี้มันค่อนข้างรุนแรง จะมามัวล่าช้าไม่ได้ ดังนั้น มีทางเดียวคือใช้ยานี้ทาแก้ขัดไปก่อน

ถึงแม้ประสิทธิผลของมันจะไม่ได้ดีมากนัก แต่มันไม่มีผลเสียต่อร่างกาย เรียกได้ว่ามีประสิทธิผลน้อยดีกว่าไม่มีเลย

ในเมื่อทายาเสร็จแล้ว ก็ถือว่าได้ทำให้อาการทุเลาลง เจียงป่าวชิงขออนุญาตเกิ่งจื่อเจียงเพื่อออกไปที่ร้านยาตรงหน้าบ้านและเลือกยาจำนวนมากมา นางตั้งใจจะนำไปทำยาต้มให้เกิ่งจื่อเจียงดื่ม

เกิ่งจื่อเจียงที่เพิ่งดื่มยาเสร็จรู้สึกขมจนอวัยวะบนใบหน้าเบียดรวมกันไปหมด “แม่นางเจียง เจ้าคงไม่ได้มีความแค้นส่วนตัวกับข้าแล้วมาแก้แค้นหรอกใช่ไหม ? ทำไมถึงได้ขมขนาดนี้ล่ะ ?”

เจียงป่าวชิงพูดอย่างเย็นชา “ยาดีก็ต้องขมปากสิ หมอเกิ่งเป็นหมอแต่กลับไม่รู้เรื่องนี้เนี่ยนะ ?”

เกิ่งจื่อเจียงพูดขึ้น “ไม่ใช่ เพราะข้ารู้ไงถึงได้กินสมุนไพรนี้อย่างคนเป็นใบ้เลยทีเดียวเชียว นี่ข้าก็รู้สึกขมจนพูดไม่ออกแล้วด้วย”

เจียงป่าวชิงยิ้มยียวน นางเห็นว่าอารมณ์ของเกิ่งจื่อเจียงดีขึ้นมากพอสมควรจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เอ้อ เมื่อวานหมอเกิ่งได้ยินว่ามีใครถูกจับตัวไปส่งที่ที่ว่าการอำเภอหรือเปล่า ?”

เกิ่งจื่อเจียงรู้สึกงุนงงคำถามของเจียงป่าวชิง  เขาหวนรำลึกเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากพูดออกมาด้วยใบหน้าขมขื่น “ไม่ได้ยินนะ เมื่อวานข้าเก็บของให้คุณหนูฉือทั้งวันเพื่อเตรียมพานางออกจากอำเภอ และนั่งรถไปบ้านญาติที่อยู่ไกล ๆ ของข้า แต่ใครจะไปคิดว่า…”

ในความเป็นจริง เมื่อวานฉือเชียนเชียนเอาแต่ก่อความวุ่นวายทั้งวัน นางโมโหเพราะคิดว่าเกิ่งจื่อเจียงเบื่อนาง ถึงได้ต้องการพานางไปส่งที่บ้านญาติแบบนั้น  เกิ่งจื่อเจียงเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมสิ่งที่ตัวเขาวางแผนเพื่อคุณหนูฉือคนนี้กลับกลายเป็นความผิดของเขาไปได้ เมื่อวานเขาเหนื่อยทั้งวัน ถึงขนาดไม่เปิดร้านยาจึงไม่ทราบข่าวสารอะไรเลย

แต่เขาไม่คิดเลยว่าเรื่องบังเอิญจะเกิดขึ้น เขาเสียแรงและเวลากว่าจะกล่อมคุณหนูฉือเพื่อให้นางตกลงไปหลบอยู่ที่บ้านญาติของเขาสักพักได้  แต่แล้วอย่างไรเล่า ? วันนี้พวกเขายังไม่ทันได้ออกเดินทางก็ถูกอดีตสาวใช้ของฉือเชียนเชียนรายงานเรื่องพวกเขาต่อทางการ เขากับคุณหนูฉือจึงถูกจับไปยังที่ว่าการด้วยกันทั้งอย่างนั้น

เกิ่งจื่อเจียงทำได้เพียงทอดถอนใจ…

ชีวิตมันไม่เที่ยงแท้จริง ๆ บอกว่าเป็นสุขก็มี แต่ถ้าบอกว่าเป็นทุกข์ก็มีเช่นกัน ถึงอย่างไรการที่ได้ใช้เวลาร่วมกันมาหลายวัน ใครก็สามารถไร้ความเมตตาได้ทั้งนั้น แต่หากบอกว่ารู้สึกเจ็บในใจก็ยังไม่ถึงขนาดนั้น

เกิ่งจื่อเจียงยอมรับว่าเขาให้ความเมตตาต่อคุณหนูฉือจนถึงที่สุดแล้ว พวกเขาไม่ได้เป็นญาติกันด้วยซ้ำ และที่เขาทำแบบนี้ เขาก็คิดว่าตัวเองไม่ได้ทำสิ่งที่ต้องละอายใจแก่ใจตนเอง

เมื่อเจียงป่าวชิงเห็นเกิ่งจื่อเจียงพูดเช่นนี้ นางก็ไม่ได้รู้สึกผิดหวังอะไร เพราะถึงอย่างไรเกิ่งจื่อเจียงก็ประสบพบเจอกับเรื่องแบบนี้พอดีซึ่งถือว่าเขาโชคไม่ดีอยู่พอสมควร “เข้าใจแล้ว เจ้าพักผ่อนให้มาก ๆ ข้าจะออกไปไถ่ถามข่าวสารด้วยตัวเองสักครู่”

เมื่อเกิ่งจื่อเจียงเห็นเจียงป่าวชิงพูดมาเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”

เจียงป่าวชิงถอนหายใจดังพรืด “เฮ้อ ฟังให้ดีนะหมอเกิ่ง ข้ามีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ลูกพี่ลูกน้องของเขาถูกจับไป เห็นฝ่ายนั้นบอกว่าจะจับเขาไปส่งยังที่ว่าการอำเภอ ดังนั้นเพื่อสืบข่าว เพื่อนของข้าจึงเดินมาอำเภอในคืนนั้น เขามีนิสัยซื่อ ๆ ข้าเลยกลัวว่าเขาจะถูกเอาเปรียบจึงมาดูเขาสักหน่อย”

เกิ่งจื่อเจียงได้ยินที่เจียงป่าวชิงพูด จู่ ๆ เขาก็ตบศีรษะตัวเอง แต่มันกลับสะเทือนไปถึงบาดแผลที่ก้น ทำให้เจ็บจนต้องเบะปากเลยก็ว่าได้

เจียงป่าวชิงไม่สนใจสีหน้าบู้บี้ของเกิ่งจื่อเจียง นางเอ่ยขึ้น “โตขนาดนี้แล้วยังทำอะไรตื่นเต้นแบบนี้อยู่อีกรึ ? กว่าจะทายาเสร็จไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และถ้าหากว่าแผลฉีกอีกครั้ง ข้าพร้อมรอดูเลยว่าเจ้าจะทำยังไง”

เกิ่งจื่อเจียงรู้สึกเจ็บจนเผลอสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดกับเจียงป่าวชิงด้วยสีหน้าเจ็บปวด “ไม่ใช่ พอเจ้าพูดถึงเพื่อนที่หมู่บ้านเจ้าคนนั้น ข้าก็นึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เมื่อสักครู่ ตอนที่ข้าถูกตีอยู่ที่ที่ว่าการอำเภอ ข้าเห็นคนคนหนึ่งซึ่งข้ารู้สึกคุ้นหน้าเขามาก แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอเขาที่ไหน แล้วยังคิดว่าเป็นผู้ป่วยของตัวเองอีกต่างหาก เมื่อสักครู่ พอได้ยินเจ้าพูดแบบนี้ข้าก็นึกออกแล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่พี่ชายเจ้าแขนหัก เจ้ากับคนคนนั้นเคยมาที่ร้านยาของข้า เขาคนนั้นมีใบหน้าซื่อ ๆ ใช่ไหม ?”

เจียงป่าวชิงได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเป็นปม “ที่ว่าการอำเภออย่างนั้นรึ ? พี่ต้าหูไปอยู่ที่นั่นได้ยังไงกัน ?”

เกิ่งจื่อเจียงหวนรำลึกถึงเรื่องที่ผ่านมา สีหน้าขมขื่นปรากฏผ่านใบหน้า “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แค่ตอนที่ถูกลากเข้าไปตี ข้าได้ยินพวกเขาบอกว่าเขาคนนั้นหลอกเอาเงินอะไรสักอย่าง ตอนนั้นข้ายังคิดอยู่เลยว่าคนเรามองคนที่ภายนอกไม่ได้จริง ๆ เขาดูเป็นเกษตรกรซื่อ ๆ ขนาดนั้น ใครจะคิดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีหลอกเอาเงินได้  หลังจากนั้นข้าก็ถูกลากออกไปเลยได้ยินไม่ชัดเท่าไหร่”

“หลอกเอาเงินอย่างนั้นรึ ?” เจียงป่าวชิงขมวดคิ้วมุ่นพลันรู้สึกได้อย่างราง ๆ ว่าสิ่งที่ตัวเองเป็นห่วงมันเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ

หากบอกว่าซุนต้าตงหลอกเอาเงิน นางจะไม่แปลกใจเลย แต่บอกว่าซุนต้าหูมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ สงสัยเขาคงจะถูกซุนต้าตงลากเข้าไปเกี่ยวพันอย่างแน่นอน

บางทีอาจเป็นตอนที่ซุนต้าหูกำลังสืบข่าว เขาอาจถูกคนอื่น ๆ คิดว่าเป็นพวกเดียวกับซุนต้าตงก็เป็นได้

เจียงป่าวชิงถอนหายใจเอือมระอา ไม่ว่าจะอย่างไร เห็นทีนางคงต้องไปดูสถานการณ์ที่ที่ว่าการอำเภอสักหน่อยแล้ว

เกิ่งจื่อเจียงเห็นเจียงป่าวชิงเตรียมจะออกจากบ้าน เขาก็เดาได้ว่านางจะไปที่ว่าการอำเภอ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือน “แม่นางเจียง ข้าว่าเจ้าไตร่ตรองอีกครั้งเถอะ ที่ว่าการอำเภอมันไม่ใช่สถานที่ที่ดีอะไรนักหรอก ถ้าหากว่าเรื่องเลวทรามเกี่ยวพันมาถึงเจ้า ร่างกายเนื้อนิ่มผิวบอบบางอย่างเจ้าคงจะรับน้ำหนักของไม้กระดานไม่ไหวนะ” เกิ่งจื่อเจียงพูดด้วยน้ำเสียงของคนที่ผ่านโลกมาก่อน

เจียงป่าวชิงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “เฮ้อ… เดิมทีข้าเองก็ไม่เต็มใจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรอก แต่ในยามปกติพี่ต้าหูเคยช่วยข้าไว้ก็ตั้งมาก อีกทั้งยังซื่อตรงและจริงใจต่อเราสองพี่น้องด้วย  ถ้าหากว่าข้านิ่งดูดายในตอนที่เขาประสบปัญหา ได้รับความทุกข์โศกโดยที่แท้จริงแล้วเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ แบบนั้นก็คงจะไม่เข้าท่าเอามาก ๆ เลยล่ะหมอเกิ่ง”

เกิ่งจื่อเจียงอยู่กับเจียงป่าวชิงมานาน เขารู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ ในยามปกติเห็นนางยิ้มแย้มและพูดจานุ่มนวลแบบนั้น แต่ความเป็นจริงนางเป็นคนดื้อรั้น เรื่องที่นางยอมรับแล้ว ไม่ว่าใครจะพูดเตือนปากเปียกปากแฉะอย่างไร แม้แต่วัวสิบตัวก็ยังลากนางกลับมาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

เกิ่งจื่อเจียงขมขื่นใจ “ก็ได้ ข้ารู้ว่าข้ากล่อมเจ้าไม่ได้  ข้าแค่อยากช่วยเจ้า แต่สภาพข้าในตอนนี้ไม่เป็นภาระให้เจ้าก็ดีเท่าไหร่แล้ว” เกิ่งจื่อเจียงครุ่นคิดสักครู่ จากนั้นเขาก็พูดต่อ “ลิ้นชักมุมล่างซ้ายของตู้ยาด้านหน้ามีเงินจากการทำกิจการในวันปกติอยู่ เจ้านำไปติดสินบนให้ที่ว่าการเถอะ ไม่มีเงินเกรงว่าคงไม่ได้ เจ้าเอาไปก่อน ข้ายังไม่คิดเงินปันผลของงวดนี้ อันที่จริงข้าต้องขอบคุณเจ้า ช่วงนี้กิจการดีมาก เงินปันผลก็คงจะเยอะตามมาด้วย แต่ถ้าเจ้าเกรงใจก็ถือซะว่าข้าจ่ายค่าเงินปันผลให้เจ้าก่อนล่วงหน้าก็แล้วกัน”

เจียงป่าวชิงรู้นิสัยของเกิ่งจื่อเจียง ถึงแม้เขาจะเป็นคนแข็งกระด้างไปหน่อย และมีเล่ห์เหลี่ยมบ้าง แต่เขาไม่ใช่คนที่แสร้งทำเป็นเกรงใจกับผู้อื่นอย่างแน่นอน ในเมื่อเขาพูดแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเขาจริงใจจริง ๆ

นางคิดว่าถ้าหากซุนต้าหูถูกจับไปยังที่ว่าการเพราะซุนต้าตงดึงเข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องเลว ๆ จริง ๆ ถึงแม้ว่าเงินอาจจะไม่สามารถจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้ทั้งหมด แต่การพกเงินติดตัวไว้ตอนสืบข่าว คงช่วยให้มีความมั่นใจอยู่ไม่น้อยเลย

.