ตอนที่ 198 ข้าไม่ร้อนใจ

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่เจียงป่าวชิงถือเงินไปยังที่ว่าการ ก็ทันเวลาที่ทางศาลาว่าการเปิดคดีพอดี เดิมทีเป็นเพียงข้อพิพาทเล็ก ๆ น้อย ๆ เสมือนเป็นเรื่องไข่ไก่ไม่กี่ฟอง เหล่าผู้คนที่มามุงดูมีไม่มากเท่าไรนัก เจียงป่าวชิงจึงฉวยโอกาสเข้าไปในศาลาว่าการเพื่อยืนฟังพวกเขาถกเถียงกันอยู่ด้านข้างอย่างเงียบ ๆ

นางสังเกตขุนนางอำเภอที่มาใหม่  ดูเหมือนเขาจะยังอายุไม่มาก น่าจะสักสี่สิบปีโดยประมาณ ในวัยขนาดนี้แต่ยังมาเป็นข้าราชการ ณ ชนบทห่างไกลความเจริญมันก็ดูแปลก ๆ  เขาคงจะถูกให้มาปฏิบัติงานที่นี่ และคาดว่าเขาคงไม่ค่อยประสบผลสำเร็จในชนชั้นข้าราชการสักเท่าไหร่

ทว่าดูจากสีหน้าที่อ่อนโยนไม่ใจร้อนนั้นแล้ว แม้ประชาชนสองครอบครัวข้างล่างจะทะเลาะกันว่าใครเริ่มลงมือกับไข่ไก่ก่อน เขากลับไม่โกรธและฟังอย่างอดทน

ได้ยินว่าขุนนางอำเภอคนใหม่คนนี้แซ่จู้ หลังจากที่ขุนนางอำเภอฉือถูกจับไปแล้ว เขาก็ขึ้นดำรงตำแหน่งต่อโดยไม่รอช้า ขุนนางอำเภอคนใหม่ทำเรื่องโด่งดังสามเรื่อง เรื่องที่หนึ่งคือยกเลิกระบบการเก็บค่าธรรมเนียมเข้าเมือง  หลังจากที่ตัดระบบการเก็บค่าธรรมเนียมเข้าเมืองแล้ว ผู้คนที่มาในอำเภอมีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และยังเห็นได้ชัดมากอีกว่านี่เป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจด้วย

ดังนั้น ณ ตอนนี้ขุนนางอำเภอจู้จึงมีชื่อเสียงในทางที่ดีในหมู่ประชาชน

ยิ่งเปรียบเทียบกับขุนนางอำเภอฉือคนก่อนหน้านี้แล้ว เหล่าประชาชนพากันคิดว่าขุนนางอำเภอจู้คนนี้เป็นขุนนางที่ดีกว่าคนเก่ามากนัก

ผลสรุปที่ประชาชนคิดว่าขุนนางอำเภอจู้เป็นขุนนางที่ดีคือสามารถหยิบยกเอาเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ มาชี้ขาดกับขุนนางอำเภอจู้ได้

ถึงอย่างไร เขาก็เป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์นี่นา

เจียงป่าวชิงไตร่ตรองอยู่ในใจ มือน้อย ๆ แอบดึงชายเสื้อของเจ้าหน้าที่ยืนเวรที่ยืนเก็บข่มสีหน้าเบื่อหน่ายอยู่ด้านข้าง

“ใครน่ะ ?” เจ้าหน้าที่หันหน้ากลับมามอง เมื่อเขาเห็นว่าเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม สีหน้าเขาถึงจะผ่อนคลายลงเล็กน้อยแต่ยังคงพูดเตือน “สาวน้อย ที่แห่งนี้เป็นสถานที่สำคัญ ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาเล่นได้ รีบกลับบ้านไปเถอะ”

เจียงป่าวชิงยิ้มไร้เดียงสาให้เจ้าหน้าที่ยืนเวร นางดึงมือเจ้าหน้าที่ ถือโอกาสยัดเศษเงินใส่ในมือของเขาด้วยสีหน้าราบเรียบ “ท่านลุงเจ้าคะ คือว่าแบบนี้เจ้าค่ะ เมื่อวานพี่ชายของข้าเข้ามาในเมืองและยังไม่กลับบ้านเลย ข้าเป็นห่วงเขามาก ได้ยินว่าเหมือนมีคนเห็นเขาที่นี่ ข้าจึงมาสืบข่าวจากท่านลุงว่าพี่ชายของข้าเขาทำผิดเรื่องอะไรเจ้าค่ะ”

เจียงป่าวชิงหน้าตาน่ารัก ประกอบกับนางยังโตไม่เต็มที่  ใบหน้าเล็กยังมีลักษณะของสาวน้อยคงค้างอยู่ให้เห็น ตอนที่นางยิ้มนุ่มนวล มันดูน่ารักมากเสียจนลุงเจ้าหน้าที่ยังชะงักไป

ยิ่งเจียงป่าวชิงยัดเศษเงินใส่ในมือเจ้าหน้าที่ด้วยสีหน้าราบเรียบราวกับนางมั่นใจมากว่าเงินนี้เป็นอาวุธคมที่เปิดทางได้ดี เจ้าหน้าที่จึงรู้สึกถูกชะตาเจียงป่าวชิงเป็นอย่างยิ่ง

เจ้าหน้าที่ลอบสอดส่ายสายตามองไปรอบ ๆ  เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจ เขาก็กระแอมไอเบา ๆ “เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเจ้าเข้ามาตามหาพี่ชายถึงในอำเภอนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แล้วพี่ชายเจ้าชื่ออะไรรึ ?”

“ซุนต้าหูเจ้าค่ะ” เจียงป่าวชิงพูดเบา ๆ

สีหน้าของเจ้าหน้าที่เปลี่ยนไปทันที เขาส่งเสียงอุทานแล้วถอนหายใจ “เฮ้อสาวน้อย เรื่องของพี่ชายเจ้า ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าเข้าไปเกี่ยวข้องเลยจะดีกว่านะ”

เจียงป่าวชิงยัดเศษเงินที่หนักกว่าเมื่อสักครู่ใส่ในมือเจ้าหน้าที่อีกครั้ง

เจ้าหน้าที่เห็นว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ยังเล็ก แต่นางกลับมีจิตใจที่ห่วงพี่ชายมากจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม แต่เขากลับรีบอดกลั้นความโลภเอาไว้แล้วพูดขึ้นเสียงเบา “สาวน้อย ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นคนจริงใจและยังรักพี่รักพ้องของตน ข้าจะบอกเจ้าก็ได้ เรื่องที่พี่ชายเจ้ากระทำผิดนั้นไม่เบาเลย นั่นเป็นคดีหลอกเอาเงินคนอื่นเป็นจำนวนหลายร้อยตำลึงเชียวนะ! ข้าเตือนให้เจ้ารีบกลับไปเก็บของของพี่ชายเจ้าเถอะ คาดว่าเขาน่าจะต้องถูกขังคุกเป็นเวลาสิบกว่าปีเลยล่ะ”

เจียงป่าวชิงพูดขึ้น “จะเป็นไปได้ยังไงกันเจ้าคะ ?!  พี่ต้าหูเป็นคนซื่อ ๆ มาโดยตลอด ยามปกติเขาก็ทำอาชีพบังคับรถล่ออย่างระมัดระวัง แล้วยังคอยเอื้อเฟื้อต่อชาวบ้านในหมู่บ้านเดียวกันบ่อย ๆ อีกต่างหาก ทำไมคนอย่างเขาถึงต้องหลอกเงินคนอื่นเป็นจำนวนหลายร้อยตำลึงด้วยล่ะ ?”

เจ้าหน้าที่เม้มริมฝีปาก “ถ้าให้ข้าพูด ข้าว่าเขาต้องถูกคนอื่นยุยงอย่างแน่นอน”

เจียงป่าวชิงมีการคาดเดาในใจราง ๆ ทว่านางก็ลองถามออกไป “ ใครหรือเจ้าคะ ?”

“ลูกพี่ลูกน้องจากหมู่บ้านเดียวกันกับเขาไง ซุนต้าตง!”

เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ  ซุนต้าตงขว้างหม้อได้อย่างมีฝีมือมาก หึ!

เจียงป่าวชิงเดือดดาล ทว่านางกลับแค่นเสียงหัวเราะออกมาและคิดดูถูกอยู่ในใจ ‘เหอะ ๆ เกรงว่าซุนต้าตงคงจะวางแผนพลาดละสิท่า’

ถ้าหากว่าเป็นขุนนางอำเภอฉือที่มองทุกอย่างเป็นเงิน ก็ยากที่จะพูดได้ว่าคดีนี้จะออกมาในทิศทางไหน แต่เจียงป่าวชิงเห็นได้จากการที่ขุนนางอำเภอจู้ผู้ซึ่งเพิ่งดำรงตำแหน่งใหม่ทำ   ตั้งแต่ที่เขายกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียมเข้าเมือง  ไตร่ตรองการลดโทษแปดสิบไม้กระดานของเกิ่งจื่อเจียงให้เหลือห้าสิบไม้กระดาน  จนมาถึงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขาจัดการในวันนี้ ทุกอย่างล้วนทำให้เห็นว่าขุนนางอำเภอจู้คนนี้ต้องการเป็นขุนนางที่ดี

และด้วยปฏิสัมพันธ์เกิดใหม่ระหว่างเจียงป่าวชิงกับเจ้าหน้าที่ผู้นี้ แท้ที่จริงแล้ว การกระทำของพวกเขาตกอยู่ในสายตาของขุนนางอำเภอจู้ทั้งสิ้น

อันที่จริง ขุนนางอำเภอจู้ไม่ได้ห้ามไม่ให้ลูกน้องรับ ‘รายได้พิเศษ’ อันน้อยนิดนั้น ถึงอย่างไรเงินเดือนของเจ้าหน้าที่เหล่านี้ก็ต่ำอยู่แล้ว พวกเขาต้องเลี้ยงทั้งปากท้องของตัวเองและปากท้องของคนในครอบครัวซึ่งไม่ง่ายเลย  ถ้าหากว่าไม่ได้รายได้พิเศษอันน้อยนิดจากจุดนี้มาสงเคราะห์ ไม่แน่พวกเขาอาจจะเลือกเดินเส้นทางผิดกฎหมายก็เป็นได้  แทนที่จะเป็นเช่นนั้น สู้ปิดตาข้างเดียวในยามปกติเสียดีกว่า

แต่ถึงกระนั้น การรับรายได้พิเศษก็ต้องมีระดับ ถ้าหากว่าเกินความเหมาะสมก็ถือว่าสมควรที่จะบอกว่าผิดกฎหมายเช่นกัน

ในขณะนี้ ขุนนางอำเภอจู้จัดการกับเรื่องมโนสาเร่เล็ก ๆ น้อย ๆ เสร็จพอดี  ประชาชนทั้งสองครอบครัวต่างก็ถอนตัวออกไปอย่างเลื่อมใสสุดจิตสุดใจ  จากนั้นขุนนางอำเภอจู้ก็กระแอมไอก่อนจะเรียกชื่อเจ้าหน้าที่คนนั้นและพูดขึ้นอย่างสุภาพ “จูลี่ ทำไมเจ้าไม่ยืนเวรให้ดี ๆ มัวแต่พูดอะไรกับเด็กผู้หญิงคนนั้นรึ ?”

เจ้าหน้าที่จูลี่ตกใจจนสั่นไปทั้งร่าง เขาเร่งฝีเท้าเดินไปกลางห้องโถง คุกเข่าลงบนพื้นแล้วกางมือออกเพื่อให้ขุนนางอำเภอจู้เห็นเศษเงินที่อยู่ในฝ่ามือของเขา “ท่านขอรับ เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้กำลังสืบข่าวเรื่องพี่ชายของนาง ข้าน้อยเห็นว่านางเหมือนไม่ใช่คนไม่ดี อีกทั้งยังรู้จักเป็นห่วงเป็นใยคนในครอบครัว ข้าน้อยจึง…”

ขุนนางอำเภอจู้ไม่ปฏิเสธ แต่มองไปที่เจียงป่าวชิงแทน

เจียงป่าวชิงจึงต้องเดินเข้าไปคุกเข่าลงตรงกลางห้องโถงด้วยเช่นกัน

“สวัสดีเจ้าค่ะท่านขุนนางอำเภอ ข้าชื่อเจียงป่าวชิง พี่ชายของข้าหรือซุนต้าหู เขามาอำเภอเพื่อสืบข่าวเรื่องลูกพี่ลูกน้องของเขา แต่พี่ชายของข้ากลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียอย่างนั้น ข้าร้อนใจมากแต่บังเอิญได้ยินคนเขาพูดกันว่าเห็นซุนต้าหูที่ศาลาว่าการ ข้าจึงบังอาจมาสืบข่าวที่นี่เจ้าค่ะ”

เมื่อขุนนางอำเภอจู้ได้ยินว่าเป็นซุนต้าหู เขากลับหัวเราะในลำคอ “หึ ๆ แม่หนูน้อย เจ้าแซ่เจียง แต่ซุนต้าหูแซ่ซุน ทำไมเจ้าถึงบอกว่าเขาเป็นพี่ชายของเจ้าล่ะ ?”

เจียงป่าวชิงลุกขึ้นจ้องตาขุนนางอำเภออย่างมุ่งมั่น “ข้าเองก็มีพี่ชายแท้ ๆ ข้ากับพี่ชายท้องเดียวกันไร้ที่พึ่งมาตั้งแต่ยังเล็ก และในยามปกติพี่ต้าหูเคยช่วยเราไว้หลายครั้ง เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อเขา พี่ต้าหูจึงสมควรได้รับการเรียกว่าพี่ชายด้วยเช่นกันเจ้าค่ะ”

ขุนนางอำเภอจู้อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมในใจ เด็กผู้หญิงตัวเล็กแซ่เจียงคนนี้ไม่แสดงท่าทีโอหัง อีกทั้งนางยังรู้จักเจรจาอย่างมีเหตุมีผล  ดูไม่เหมือนกับเด็กสาวชนบททั่วไป ประกอบกับเรื่องของซุนต้าหูนี้ ถึงแม้จะมีคนยืนกรานว่าถูกยุยงโดยเขาจนถึงขั้นหยิบหลักฐานออกมายืนยัน แต่เห็นได้ชัดว่ามีหลายจุดสำหรับเรื่องนี้ที่ดูแปลกพิกล

ก่อนหน้านี้ขุนนางอำเภอจู้ส่งคนไปค้นหาหลักฐานอย่างอื่นแล้ว แต่ตอนนี้คนที่เขาใช้ให้ไปหาหลักฐานยังไม่กลับมา จึงยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าซุนต้าหูฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่ได้ฝ่าฝืน

ขุนนางอำเภอจู้พูดขึ้นยิ้ม ๆ “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง แม่หนูน้อย เจ้าได้ยินว่าพี่ต้าหูของเจ้ามีคดีหลอกเงินคนอื่นเป็นจำนวนหลายร้อยตำลึง แต่ข้าไม่เห็นว่าเจ้าจะร้อนใจอะไรเลย”

เจียงป่าวชิงยิ้มตอบ “เจ้าค่ะ  พอดีว่าก่อนหน้านี้ข้ายังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับเรื่องตรงนี้ของพี่ต้าหูจึงยังร้อนใจอยู่บ้าง แต่ตอนหลัง พอข้าได้ยินว่ามีคนใส่ร้ายพี่ต้าหู หาว่าเขาหลอกเงินคนอื่นเป็นร้อยตำลึงข้าก็สบายใจขึ้น เพราะข้าได้ยินมาว่าท่านขุนนางอำเภอไม่เหมือนกับคนก่อน ท่านเป็นขุนนางที่ดีและฉลาดทันคน มีท่านขุนนางอำเภอ ข้าก็ไม่ร้อนใจแล้วเจ้าค่ะ”

คำว่า ‘ฉลาดทันคน’ เปรียบเสมือนหมวกใบใหญ่ที่ถูกวางลงบนศีรษะซึ่งครอบคลุมทุกอย่าง ขุนนางอำเภอจู้อดไม่ได้ที่จะเคาะคำชมให้กับคำว่า ‘ข้าก็ไม่ร้อนใจ’ ของเจียงป่าวชิง

.