ตอนที่ 199 เยี่ยมนักโทษ

แม่สาวเข็มเงิน

ขุนนางอำเภอจู้พูดขึ้น “อื้ม เจ้าไม่ร้อนใจใช่ไหม ? ในเมื่อไม่ร้อนใจ ถ้าอย่างนั้นเจ้ากลับไปรอที่บ้านเถอะ ถูกผิดรึมีเหตุผลหรือไม่นั้น ข้ามีการตัดสินของข้าเอง และมันยุติธรรมเสมอเจ้าวางใจได้”

เจียงป่าวชิงไม่มีความเห็นต่าง นางครุ่นคิดอยู่สักครู่ ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง “ท่านขุนนางอำเภอ ให้ข้าเจอพี่ต้าหูหน่อยได้ไหมเจ้าคะ ? แม้เขาจะเป็นนักโทษ แต่ครอบครัวของนักโทษมีสิทธิ์ในการเยี่ยมนักโทษนี่นา  ตอนนี้พี่ต้าหูยังเป็นแค่ผู้ต้องสงสัยไม่ใช่หรือเจ้าคะ ?”

ที่ปรึกษาส่วนตัวของขุนนางอำเภอ ผู้ซึ่งเป่าเคราแพะอยู่ด้านข้างตวาดขึ้นเสียงดัง “ไอ้โย! เด็กน้อยชาวบ้านอย่างเจ้าช่างกล้ามากจริงนะ!”

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร…” ขุนนางอำเภอจู้โบกมือด้วยใบหน้ายิ้มใจดี เพื่อไม่ให้ที่ปรึกษาส่วนตัวของเขาโมโห “แม่หนูน้อยคนนี้น่าสนใจพอควรและนางกล้ามากด้วย แต่ที่นางพูดก็มีเหตุผลเช่นกัน”

ที่ปรึกษาส่วนตัวของขุนนางอำเภอพูดอย่างไม่เห็นด้วยอยู่ด้านข้าง “แต่ถ้าหากว่านางสมรู้ร่วมคิดต่อศาลล่ะขอรับ…?”

ขุนนางอำเภอจู้ยังคงยิ้ม “งั้นเจ้าก็ไปดูเป็นเพื่อนนางสิ แม่หนูน้อยยังเล็กแต่มีความกล้าหาญขนาดนี้ เจ้าดูแววตาท่าทางมุ่งมั่นของนางสิ นางจะสมรู้ร่วมคิดต่อศาลได้ยังไงกันล่ะ ?”

ที่ปรึกษาส่วนตัวของขุนนางอำเภอรู้สึกเจ็บแก้มเล็กน้อย

ที่ปรึกษาส่วนตัวของขุนนางอำเภอเป็นคนแซ่กาว เมื่อก่อนเขาเป็นซิ่วฉายตกอับ ตอนที่ขุนนางอำเภอฉือยังดำรงตำแหน่ง ถึงแม้ที่ปรึกษากาวจะเป็นเจ้าหน้าที่สารบัญสำรองอยู่ในที่ว่าการอำเภอเหมือนกัน แต่เพราะเขาค่อนข้างหัวโบราณ มีอุปนิสัยของปัญญาชน และไม่ยอมคลุกคลีกับคนชั่ว เขาจึงถูกบีบคั้นอยู่เสมอ ทำให้เขาพานพบกับภาวะตกอับเป็นอย่างมาก

เดิมทีเขาคิดจะอยู่แบบนี้ไปอีกเพียงไม่กี่ปีแล้วค่อยกลับบ้านไปดูแลตัวเองในวัยชรา แต่ใครจะไปรู้ว่ายามที่วัยชรามากรายใกล้ ดวงที่จะได้เป็นข้าราชการกลับมาหาเขาเสียอย่างนั้น ขุนนางอำเภอฉือตกม้า ขุนนางอำเภอจู้เข้าดำรงตำแหน่งแทน หลังจากที่สำรวจศาลาว่าการ พวกข้าราชการที่ร่วมทำเลวกับขุนนางอำเภอฉือก็มีอันตกต่ำแทบจะทุกคน ทุกคนถูกรูดลงและถูกจับ เขาที่เป็นเจ้าหน้าที่สารบัญสำรองผู้ซึ่งอยู่ริมศาลาว่าการมาตลอดกลับได้เลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว และขึ้นเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของขุนนางอำเภอเฉกเช่นตอนนี้

แม้ขุนนางอำเภอจู้คนนี้จะไม่ค่อยฟังคำแนะนำของเขาสักเท่าไหร่ แต่ถือว่าขุนนางอำเภอจู้ให้ความสำคัญกับเขาอยู่พอสมควร ที่ปรึกษากาวเองก็พึงพอใจมากแล้ว

ณ ตอนนี้ เมื่อที่ปรึกษากาวได้ยินว่าขุนนางอำเภอจู้สั่งให้เขาไปจับตาดูการเยี่ยมนักโทษของเด็กสาวแซ่เจียงคนนี้ นั่นก็หมายความว่าให้เขาไปจับตาดูว่าเด็กสาวคนนี้สมรู้ร่วมคิดกับนักโทษหรือไม่ ซึ่งนี่เป็นหน้าที่รับผิดชอบที่ใหญ่หลวงมาก และเขายังสามารถแสดงไฟที่ยังเหลืออยู่ได้อย่างเต็มที่!

คิดได้ดังนั้น จิตวิญญาณของที่ปรึกษากาวก็ฮึกเหิมขึ้นมาทันที “ท่านสบายใจได้เลย ข้าน้อยจะดูแลเป็นอย่างดีขอรับ”

……

ที่ปรึกษากาวพาเจียงป่าวชิงไปที่คุก ซึ่งจากหน้าศาลาว่าการถึงคุกมีระยะห่างพอสมควร เดิมทีที่ปรึกษากาวยังมีความรู้สึกไม่ถูกชะตาเจียงป่าวชิงเล็กน้อย แต่เขาทนคำประจบที่ว่า ‘ถึงจะอายุมากแต่ยังมีไฟอยู่และมีอุดมการณ์ก้าวไกล’ ที่เจียงป่าวชิงพูดประจบเขาด้วยสีหน้าราบเรียบไม่ไหว ที่ปรึกษากาวจึงเปลี่ยนความไม่ถูกชะตาที่มีต่อเจียงป่าวชิงไปเป็นความประทับใจทันที เขารู้สึกว่าถึงแม้เด็กสาวแซ่เจียงคนนี้จะเหิมเกริมไปหน่อย แต่อย่างน้อยดวงตาของนางก็มีแวว

ยิ่งในตอนหลังทั้งสองคนคุยไปคุยมา เจียงป่าวชิงยิ่งพูดชมเขาได้อย่างเหมาะสม อย่างเช่น ‘ท่านเป็นมีความสามารถแต่ไม่มีโอกาสได้แสดงออกมา’ ‘ทองคำมักจะส่องแสงสว่างในตัวเองเสมอ’ ประมาณนี้ ที่ปรึกษากาวก็ยิ่งอยากจะนับว่าเจียงป่าวชิงเป็นเพื่อนสนิทต่างวัยของเขา  สุดท้ายไม่ต้องรอให้นางเอ่ยถาม เป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายพูดถึงเรื่องคดีความของซุนต้าหู

“จะว่าไปแล้ว ซุนต้าตงคนนั้นก็เหิมเกริมมากพอสมควร เขาหลอกเงินคนไปเรื่อยทั้งชาวบ้านธรรมดาจนถึงคุณนายผู้ร่ำรวยแห่งเมืองหลวง และพ่อของคุณนายผู้ร่ำรวยคนนั้นเป็นคนใหญ่คนโตลำดับที่สี่ของเมืองหลวง” ที่ปรึกษากาวทำท่าคำนับทางที่ตั้งเมืองหลวงซึ่งอยู่ไกลออกไป

เห็นได้ชัดว่าเขาเคารพคนใหญ่คนโตลำดับที่สี่คนนั้นมาก เจียงป่าวชิงจึงคำนับด้วยเช่นกัน เมื่อที่ปรึกษากาวเห็นดังนั้น เขาก็ยิ่งรู้สึกถูกชะตาเจียงป่าวชิงมากกว่าเดิม เขารู้สึกว่าแม่หนูน้อยคนนี้ นางเป็นเด็กดีรู้จักมารยาทอะไรควรอะไรไม่ควร  เขาอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าแล้วพูดต่ออีกว่า “จะว่าไปแล้ว คุณนายผู้ร่ำรวยคนนั้นก็น่าเวทนาอยู่พอสมควรนะข้าได้ยินว่านางเคยมีลูกสาวที่นางรักมาก แต่ภายหลังลูกสาวของนางถูกลักพาตัวไป สามีของนางก็มาป่วยจนลุกไม่ขึ้นเพราะเรื่องนี้จนจากไปทั้งอย่างนั้น  คุณนายผู้ร่ำรวยคนนี้กลายเป็นหม้ายในบ้านสามีอยู่หลายปี ไม่กี่วันที่ผ่านมา นางไปผ่อนคลายจิตใจที่ทางใต้ แต่ใครจะไปรู้ว่านางต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้เข้า ไม่มีใครคิดว่านางจะถูกซุนต้าตงหลอกเงินไปมากถึงสองร้อยตำลึงถ้วน”

เจียงป่าวชิงจุ๊ปากเล็กน้อย เห็นทีว่าคุณนายผู้ร่ำรวยจากเมืองหลวงคนนี้คงไม่ค่อยใช้สมองสักเท่าไหร่

มีเรื่องดีอะไรที่ได้มาโดยไม่ต้องเสียเงินเสียทองบ้างล่ะ ?

ที่ปรึกษากาวพูดต่อ “ต่อมา เหมือนจะมีคนหวังดีเตือนคุณนายผู้ร่ำรวยจนได้สติ เมื่อวานนางจึงสั่งคนให้ไปจับตัวซุนต้าตงเพื่อส่งไปศาลาว่าการ  ทว่าซุนต้าตงกลับบอกว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกคนอื่นบงการ แต่กลับพูดไม่ชัดเจนเท่าไหร่  ท่านขุนนางอำเภอของเราเป็นขุนนางที่ดี เขาไม่ชอบใช้การลงโทษทัณฑ์จึงพาซุนต้าตงเข้าไปขังคุกเป็นเวลาหนึ่งคืน แต่ใครจะไปคิดว่าจะมีคนมาสืบข่าวซุนต้าตงตั้งแต่เช้าตรู่ และบอกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของซุนต้าตง พอซุนต้าตงได้ยินเขาก็สารภาพทันที บอกว่าเป็นซุนต้าหูคนนี้ที่บงการเขา”

ที่ปรึกษากาวอายุมากแล้ว เขาพูดคำพูดยาว ๆ ออกมาเช่นนี้ก็เหนื่อยจนต้องหยุดหายใจสักเล็กน้อย

เจียงป่าวชิงรออย่างอดทน นางไม่ได้เร่งเขาแต่อย่างใด อีกทั้งยังพูดประจบเขาบ้างเป็นบ้างครั้ง อย่างเช่น ‘ใช่รึ ?’  ‘แบบนั้นรึ ?’  ‘แล้วยังไงต่อหรือเจ้าคะ ?’ ประมาณนี้ ซึ่งมันทำให้อารมณ์สนทนาของที่ปรึกษากาวเข้มข้นมากยิ่งขึ้น

เจียงป่าวชิงขมวดคิ้ว ฟังแล้วเหมือนซุนต้าตงรู้อยู่แล้วว่าซุนต้าหูจะต้องมาหาเขา ไอ้สวะน่ารังเกียจนั่นถึงได้โยน ‘ขี้’ ให้ซุนต้าหูแบบนั้น

ทันใดนั้น เจียงป่าวชิงนึกเรื่องอะไรบางอย่างได้ หลังจากที่ซุนต้าตงถูกจับตัวไปเมื่อวาน ป๋ายรุ่ยฮัวก็ร้องห่มร้องไห้วิ่งมาหาซุนต้าหู ถึงขนาดขอร้องให้เขามาหาซุนต้าตงในคืนนั้นด้วย

เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะในใจ

ที่ปรึกษากาวถอนหายใจ “เฮ้อ… ข้าดูแล้วซุนต้าหูนั่นก็ไม่เหมือนคนปลิ้นปล้อนที่จะหลอกเงินคนอื่นอะไรแบบนั้นเลย แต่รู้หน้าไม่รู้ใจ อีกอย่าง ซุนต้าตงหยิบหลักฐานที่ซุนต้าหูประทับลายนิ้วมือออกมาอ้าง ซุนต้าหูจึงแก้ตัวอะไรไม่ได้”

ว่ายังไงนะ ?

เจียงป่าวชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ประทับลายนิ้วมืออย่างนั้นหรือเจ้าคะ ?”

ที่ปรึกษากาวพูดขึ้น “ใช่ ทางเราหาคนมาพิสูจน์แล้วและพบว่าลายนิ้วมือนั้นเป็นลายนิ้วมือของซุนต้าหูจริง ๆ

ทั้งสองคนพูดคุยกันไปมา ในที่สุดก็เดินมาถึงทางเข้าคุกสักที

ที่ว่าการอำเภอของอำเภอฉือเจียซ่อมแซมได้อย่างโอ่อ่ามาก แต่บริเวณคุกกลับเรียบง่าย มีเจ้าหน้าที่สองคนกำลังนั่งคุยเล่นกันตรงประตูทางเข้า  ในตอนที่พวกเขาเห็นที่ปรึกษากาวพาใครคนหนึ่งมา พลันรีบผุดลุกขึ้นยืน ก่อนจะพูดยิ้ม ๆ “ที่ปรึกษากาว ท่านมาได้ยังไงขอรับ ?”

ที่ปรึกษากาวพยักหน้ารับเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เอ่ยถาม “ข้าจะไปดูนักโทษมาใหม่สองคนที่ชื่อว่าซุนต้าหูกับซุนต้าตงสักหน่อย”

เจ้าหน้าที่รีบหลีกทางให้ทันที  มีผู้คุมนักโทษที่รับผิดชอบดูแลเรื่องต่าง ๆ ในคุกเดินมาต้อนรับ เขาพาที่ปรึกษากาวกับเจียงป่าวชิงเดินไปข้างล่างด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

คุกถูกสร้างอยู่ใต้ดิน เมื่อเดินจากประตูและลงขั้นบันไดไปหลายขั้น จะพบห้องคุกที่เว้นระยะห่างด้วยรั้วไม้เต็มไปหมด

คุกนี้ทั้งมืดทั้งชื้น ช่องระบายอากาศค่อนข้างเล็ก กลิ่นก็ค่อนข้างแรงโดยมีทั้งกลิ่นเหม็นสาบและกลิ่นคาวต่าง ๆ ประกอบกันกับกลิ่นเน่าของท่อนไม้

นี่เป็นการรมควันคนคุกเป็นอย่างดีเลยก็ว่าได้

เมื่อสักครู่ ตอนที่เจียงป่าวชิงเดินลงไปด้านล่าง นางแทบจะต้องกลั้นหายใจตลอดการเดินอยู่แล้ว

ด้วยเพราะที่ปรึกษากาวพาคนอื่นมาด้วย ชายผู้เป็นหัวหน้าห้องขังจึงพาที่ปรึกษากาวกับเจียงป่าวชิงไปยังที่พักของพวกผู้คุมนักโทษในเวลาปกติ จากนั้นก็ไปที่คุกอย่างกระตือรือร้นเพื่อไปพาตัวคนมาที่นี่

สภาพแวดล้อม ณ ที่พักของผู้คุมนักโทษดีกว่าข้างนอกอยู่พอสมควร หน้าต่างระบายอากาศทั้งใหญ่และสว่าง กลิ่นก็อ่อนกว่ามาก

เจียงป่าวชิงพูดขึ้น “เหมือนนักโทษในคุกจะมีไม่เยอะเลยนะเจ้าคะ”

พูดมาถึงตรงนี้ ที่ปรึกษากาวแสดงสีหน้าภาคภูมิใจเล็กน้อย “นั่นเป็นเพราะหลังจากที่ท่านขุนนางอำเภอขึ้นดำรงตำแหน่ง ข้าช่วยท่านขุนนางอำเภอรื้อค้นคดีเก่า ๆ ที่เก็บมานานหลายปีมากมาย และวินิจฉัยคดีที่ถูกใส่ความกับคดีที่ตัดสินผิดพลาดอีกมาก”

เจียงป่าวชิงถือโอกาสพูดชมที่ปรึกษากาวอีกครั้ง “ที่ปรึกษาช่างเป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถของท่านขุนนางอำเภอจริง ๆ เลยเจ้าค่ะ ท่านคงจะช่วยท่านขุนนางอำเภอไม่น้อยเลยนะ”

แน่นอนว่าที่ปรึกษากาวยิ่งรู้สึกถูกชะตาเจียงป่าวชิงมากขึ้น

ทันใดนั้นเอง หัวหน้าห้องขังกับผู้คุมนักโทษอีกคนควบคุมตัวซุนต้าหูกับซุนต้าตงมาที่นี่แล้ว

.