“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา”
หลินเมิ้งหยาไม่รู้หรอกว่าลู่หยุนเป็นคนเช่นไร
แต่สำหรับจูอ้ายจือ เป็นเพราะเขาจับตัวคนร้ายได้ ดังนั้นเขาจึงได้เลื่อนตำแหน่ง
หลินเมิ้งหยาสบตากับพวกเขาทั้งสอง ก่อนจะยกยิ้มเล็กน้อย
ทว่าจูอ้ายจือแสดงท่าทางประหนึ่งไม่รู้จักนาง
หลุบตาต่ำ หลินเมิ้งหยาแอบหัวเราะเบาๆ ในใจ
“ตอนนี้ได้ตระเตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว อีกประเดี๋ยวก็สามารถเริ่มการไต่สวนได้พ่ะย่ะค่ะ”
ฮองเฮาพยักหน้า แต่ถึงกระนั้นก็สั่งให้นางกำนัลของตนเองไปจับตาดูหลินเมิ้งหยา
ภายในห้อง ฮูหยินหวังยังคงนอนนิ่งประหนึ่งคนตาย ไร้ซึ่งร่องรอยของสัญญาณชีวิต
หลินเมิ้งหยาไม่สนใจเรื่องอื่น ขณะที่สมองกำลังประมวลผลอย่างรวดเร็ว
แม้ฮูหยินหวังจะตายไปแล้วในสายตาของทุกคน แต่ไม่รู้ว่าเพราะนางกำนัลของฮองเฮายังคงกลัวหรือไม่กล้าเข้ามา ดังนั้นนางจึงทำเพียงยืนอยู่หน้าประตู จ้องหลินเมิ้งหยาเขม็ง แต่กลับไม่กล้าเข้าไป
“ป๋ายจี เจ้าจงแอบไปที่ห้องแล้วนำน้ำดอกไม้ทาเล็บมาที่นี่”
หลินเมิ้งหยากระซิบออกคำสั่งกับป๋ายจี ป๋ายจื่ออยู่ในห้องตลอดเวลา ดังนั้นนางจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีใครเข้าไปยุ่งวุ่นวายอันใด
ป๋ายจีพยักหน้า ก่อนจะแอบไปทำตามคำสั่งของหลินเมิ้งหยา
“อีกเดี๋ยวเจ้าจงมองสายตาของข้า จะต้องมีคนร้อนตัวอย่างแน่นอน พวกเราจะจับตัวคนร้อนตัวคนนั้นจึงจะสามารถตอบโต้ได้ หากข้าส่งสัญญาณ เจ้าจงแอบเปลี่ยนขวดในมือข้าเป็นน้ำยาทาเล็บ เข้าใจหรือไม่?”
ชิงหูพยักหน้าลง การตบตาเล่นกลอุบายต่อหน้าคนเหล่านี้มิใช่เรื่องยาก
“พระชายา ไม่ทราบว่าท่านเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือไม่”
นางกำนัลที่อยู่ด้านนอกรู้สึกหมดความอดทน ดังนั้นจึงส่งเสียงเร่ง
หลินเมิ้งหยารีบส่งสัญญาณให้คนในห้อง ชิงหูจึงยกน้ำสะอาดเดินออกไป
“ทูลฮองเฮา เฉินเซี่ยเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว สามารถเริ่มได้ทุกเวลาเพคะ”
สายตาของทุกคนเลื่อนไปทางหลินเมิ้งหยา
ฮองเฮาหรี่ตามองนางชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ย
“อืม เริ่มได้”
“เพคะ”
หลินเมิ้งหยาสั่งให้คนยกโต๊ะเข้ามา วางอ่างน้ำลงบนโต๊ะ
เหตุเพราะนี่เป็นงานเลี้ยงสวมหน้ากาก ดังนั้นทุกคนจึงจำต้องสวมเสื้อผ้าที่ตนเองทำขึ้น ดังนั้นทุกคนจึงเก็บเสื้อผ้าและสิ่งของของตนเองอย่างดี
หลินเมิ้งหยาสั่งให้คนจดเอาไว้ คนที่จะเข้าไปในตำหนักของนางได้จะต้องจดรายชื่อเอาไว้
เท่านี้นางก็สามารถตกปลาในน้ำขุ่นได้แล้ว
“ด้านล่าง คนที่ข้าขานชื่อจะต้องเดินออกมา จากนั้นวางมือลงในน้ำ หากที่มือไม่มีชาดติด ก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าหากมีชาดติด เช่นนั้นน้ำจะกลายเป็นสีม่วง”
คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้ทุกคนตื่นตระหนก
หากได้รับความผิดโทษฐานใช้คุณไสยปองร้ายราชวงศ์ จะต้องได้รับโทษประหารชีวิตเก้าชั่วโคตร
“ชายาอวี้ เรื่องนี้ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก หากผลลัพธ์ที่ได้ไม่แน่นอน เช่นนั้นพวกเราจะไม่สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์หรอกหรือ?”
ในกลุ่มคนเหล่านั้น มีคนเอ่ยเรื่องนี้ออกมาด้วยความกังวล
หลินเมิ้งหยาเผยให้เห็นใบหน้าเคร่งขรึม
“ทุกคนโปรดวางใจ หากพวกท่านมิได้แตะต้องชาด เช่นนั้นจะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้มีปฏิกิริยาใดๆ เกิดขึ้น ก็มิได้หมายความว่าจะเป็นคนร้าย แต่จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มผู้ต้องสงสัยเท่านั้น”
การรับปากของหลินเมิ้งหยาทำให้พวกเขาอุ่นใจขึ้นเล็กน้อย
“คนมิได้ทำผิดย่อมไม่มีสิ่งใดต้องกลัว ข้าเยว่ฉีจะขอลองก่อนเป็นคนแรก”
กลับกัน ไม่ว่าใครจะมองอย่างไร สกุลเยว่ของนางถือสัมพันธไมตรีกับจวนอวี้เรียบร้อยแล้ว
ดังนั้นเยว่ฉีจึงทำตามแต่โดยดี
“ดี เชิญคุณหนูเยว่”
ชิงหูเอียงตัวหลบ ปล่อยให้เยว่ฉีพาสาวใช้ของตนเองออกไป ก่อนจะจุ่มมือลงไปในอ่างน้ำ
ทุกคนเบิกตากว้าง น้ำในอ่างนั้นยังคงเป็นน้ำสะอาด
เยว่ฉีถอนหายใจ ดึงมือกลับ ก่อนจะแสดงให้ทุกคนได้เห็น
“ทุกคนไม่ต้องกังวล น้ำในอ่างมิมีสิ่งใด”
คำพูดของเยว่ฉีทำให้ทุกคนสบายใจ
ดังนั้นจึงเรียกชื่อตามรายชื่อที่ลงทะเบียนเอาไว้ ทุกคนเริ่มกระตือรือร้นมากขึ้น หากได้ทดสอบเร็ว ก็จะยิ่งสลัดตัวออกจากความผิดได้เร็ว
หลินเมิ้งหยามองสีน้ำในอ่าง ก่อนจะลอบสำรวจกลุ่มคน
ทุกคนล้วนแสดงสีหน้าสงสัยและอดรนทนไม่ไหว
ถึงอย่างไรเรื่องในคราวนี้เกี่ยวข้องกับตนเองและทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าใครก็ไม่อยากถูกตัดหัว
เจียงหรูฉินมองน้ำในอ่างด้วยความหวาดกลัว ราวกับว่าในนั้นมีงูพิษอย่างไรอย่างนั้น
นางคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวจะเปลี่ยนไปเช่นนี้
“คุณหนู..ข้า…ข้าจะทำเช่นไร?”
สาวใช้คนหนึ่งกระซิบเสียงสั่นเครือ
แต่ใครจะรู้เล่าว่าเรื่องที่มั่นใจว่าจะชนะแล้วอย่างแน่นอน จะถูกหลินเมิ้งหยาพลิกสถานการณ์
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เหมือนนางกำลังหาเหาใส่หัวเสียแล้ว
“จะทำอะไรได้ จริงซิ หลังจากที่เจ้าทิ้งมันแล้ว ได้ล้างมือหรือไม่?”
นางเป็นคนสั่งให้หาชาดมาให้เอง เหตุเพราะตลอดหลายวันที่ผ่านมา การตรวจตราในจวนค่อนข้างเข้มงวดกวดขัน ดังนั้นนางจึงพกติดกระเป๋าตลอดเวลา เมื่อสบโอกาสก็จะได้ใส่ร้ายหลินเมิ้งหยา
หากตรวจสอบจนรู้ความจริง เช่นนั้นสกุลเจียงของนางคงจบสิ้น
“หนู่ปี้ทิ้งถุงชาดเอาไว้บนพื้นมั่วๆ ฉะนั้นจึงยังไม่ได้ล้างมือเจ้าค่ะ”
สีหน้าสาวใช้ของเจียงหรูฉินตื่นตระหนกเสมือนคนถูกไฟคลอก
นางรู้จักคุณหนูในตระกูลของตัวเองดี หากความจริงถูกเปิดเผย อย่าว่าแต่เอาตัวรอดเลย
คุณหนูจะต้องผลักความรับผิดชอบทั้งหมดให้นางอย่างแน่นอน
“ซิ่งเอ๋อร์ ปกติข้ายังทำดีกับเจ้าไม่เพียงพออีกหรือ?”
นัยน์ตาเจือไว้ด้วยความอาฆาตมาดร้าย เจียงหรูฉินตัดสินใจทำเรื่องเลวร้ายที่สุด
ร่างกายของซิ่งเอ๋อร์สั่นเทิ้ม ดูเหมือนสิ่งที่นางกำลังกลัวจะเกิดขึ้นแล้ว
“คุณหนูดีกับซิ่งเอ๋อร์มากเจ้าค่ะ…คุณหนู ซิ่งเอ๋อร์ไม่อยากตาย คุณหนูช่วยซิ่งเอ๋อร์ด้วยเจ้าค่ะ”
ใบหน้าสะอาดเกลี้ยงเกลาเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ซิ่งเอ๋อร์อ้อนวอนเจียงหรูฉิน
ร่องรอยของความไม่พอใจปรากฏบนใบหน้าของเจียงหรูฉิน
นางคว้าตัวซิ่งเอ๋อร์เอาไว้ ก่อนจะพาตัวไปที่มุมหนึ่ง
“เจ้ายังมีน้องชายคนหนึ่งใช่หรือไม่? ข้าได้ยินพวกผอจื่อเล่าว่าเขาเพิ่งจะสามขวบ เจ้าเอ็นดูเขามากใช่หรือไม่?”
เจียงหรูฉินในเวลานี้มิต่างอะไรกับปีศาจร้ายที่พร้อมจะพรากชีวิตผู้อื่น สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย
“คุณ…คุณหนู ได้โปรดปล่อยน้องชายของหนู่ปี้ไปเถิดเจ้าค่ะ ได้โปรดปล่อยครอบครัวของหนู่ปี้ไป”
ซิ่งเอ๋อร์ถูกข่มขู่จนหวาดผวา พ่อ แม่และน้องชายล้วนรอวันที่นางจะได้ออกจากจวนในอีกสิบปีข้างหน้า
หลังจากได้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมตรงหน้า ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าสิ่งที่กำลังรอคอยนางอยู่คืออะไร
“เจ้าเป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่ง หากเจ้าสามารถช่วยให้ข้ารอดพ้นจากความผิดในครั้งนี้ได้ เช่นนั้นข้าจะดูแลครอบครัวของเจ้าเป็นอย่างดี แต่ถ้าหากเจ้าทำไม่ได้และลากข้าจมน้ำไปกับเจ้า เจ้าเองก็รู้ว่าในสายตาของข้า ชีวิตของคนในครอบครัวเจ้ามิต่างอะไรจากมด”
เจียงหรูฉินเปล่งเสียงอำมหิต นี่มิใช่ครั้งแรกที่นางบีบบังคับให้ผู้อื่นสละชีวิตแทน
ยิ่งไปกว่านั้น หากเรื่องนี้แดงขึ้นมา คนที่ต้องรับผิดชอบคือตระกูลของนาง
ท่านพ่อรักและเอ็นดูนางมาก แต่ลูกสาวลูกชายคนอื่นล้วนคิดแต่จะแก่งแย่งความรักเหล่านั้นไปจากนาง
หลังจากหลินเมิ้งหยาสั่งให้ท่านพ่อชดใช้ในคราวก่อน ท่านพ่อรู้สึกหมดความอดทนกับนางไปแล้ว
ดังนั้นเรื่องนี้ต้องยุติลง
“จำเอาไว้ เจ้ารับคำสั่งจากชายาอวี้ วัตถุประสงค์ก็เพราะต้องการทำร้ายข้า เข้าใจหรือไม่?”
กระซิบเสียงแผ่ว เจียงหรูฉินยัดมีดเล่มเล็กใส่มือของซิ่งเอ๋อร์
นางตัวสั่นเทิ้ม เอื้อมมือรับมีดเล่มนั้นทั้งน้ำตา
“เจ้าค่ะ…ถ้าหากหนู่ปี้ตายแทนคุณหนู หวังว่าคุณหนูจะเมตตาครอบครัวของซิ่งเอ๋อร์นะเจ้าคะ”
สาวใช้ผู้น่าสงสารมิรู้เลยว่าการรับปากในคราวนี้จะเป็นการส่งครอบครัวของตนเองไปสู่ความตาย
“วางใจเถิด ข้าจะดูแลน้องชายของเจ้าให้ดี”
จะส่งพวกเจ้าไปสู่ปรโลกด้วยกันทั้งหมด…
เจียงหรูฉินวางแผนชั่วร้ายในใจ ทว่าใบหน้ากลับสงบนิ่ง
การตรวจสอบเป็นไปอย่างราบรื่น คิ้วของหลินเมิ้งหยายิ่งขมวดเข้าเป็นปมแน่นขึ้นทุกที
ขณะนี้ตรวจสอบคนไปจำนวนหนึ่งแล้ว ไม่มีใครมีปัญหาใดๆ ฉะนั้น บรรยากาศในเวลานี้จึงมิได้เคร่งเครียดเหมือนก่อน
ป๋ายจีกับป๋ายซ่าวยืนอยู่ด้านหลังหลินเมิ้งหยา ทั้งสองสบตากัน ก่อนจะตัดสินใจอะไรบางอย่าง
“น้ำเริ่มสกปรกแล้ว พวกเจ้าเข้ามานำน้ำไปเปลี่ยนเสียใหม่ทุกท่านได้โปรดพักผ่อนก่อนสักครู่ คุณหนูที่ทำการทดสอบแล้วเชิญพักผ่อนทางด้านนี้”
หลินเมิ้งหยายังคงรักษามารยาทของเจ้าบ้าน ผู้ที่ทำการทดสอบแล้วจึงพยักหน้าลง
คนที่ยังไม่ได้ทดสอบนั่งบนเก้าอี้ที่ถูกยกไปให้ ดังนั้นคนในตำหนักหลิวซินจึงเนืองแน่น
“นายหญิงจะสามารถหาตัวผู้กระทำผิดได้จริงๆ หรือเจ้าคะ?”
ภายในห้อง ป๋ายจีเอ่ยถามด้วยความวิตกกังวล
หลินเมิ้งหยาส่งสายตาเชิงขอโทษไปยังสาวใช้ ก่อนจะกระซิบ
“หากหาตัวเจอก็ดี แต่ถ้าหากไม่เจอ ข้าจะแบกรับความรับผิดชอบทั้งหมดเอาไว้ ส่วนพวกเจ้าทั้งสี่ ข้าเตรียมการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”
แม้แต่หัวใจของป๋ายซูยังกระตุกวูบ
ป๋ายจี ป๋ายซ่าวส่งเสียงร้องไห้ออกมา
หลินเมิ้งหยาหลุบตาต่ำก่อนจะจับมือทั้งสามเอาไว้
“ข้าที่เป็นเจ้านายของพวกเจ้ามิได้ดูแลพวกเจ้าให้ดี ข้าผิดเอง หากข้าถูกพาตัวไป พวกเจ้าที่เป็นคนสนิทของข้าจะต้องถูกโยงความผิดไปด้วย แต่เสี่ยวอวี้กับชิงหูจะพาพวกเจ้าไปซ่อน รวมถึงครอบครัวของพวกเจ้าทุกคนด้วย ข้าซ่อนเงินเอาไว้ที่นั่นแล้ว แม้จะไม่มาก แต่ก็เพียงพอให้พวกเจ้าใช้ได้ทั้งชีวิต เมื่อถึงเวลานั้น พวกเจ้าทั้งสี่จะต้องเป็นพี่น้องที่แท้จริงของกันและกัน ทุกคนต้องฟังคำพูดของป๋ายจี นางเป็นผู้ใหญ่ที่สุด ข้าไว้ใจนางที่สุด”
หลินเมิ้งหยาเอื้อนเอ่ยวาจาด้วยความปรารถนาดี ดังนั้นสาวใช้ทั้งสามจึงน้ำตาไหลพราก
ตอนแรกคิดว่าหัวใจของนายหญิงมีเพียงแผนการใหญ่โตเท่านั้น
แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะหาทางเอาตัวรอดให้กับสาวใช้ของตนเองไว้เรียบร้อยแล้ว
“ไม่เจ้าค่ะนายหญิง ท่านจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ชีวิตของพวกเรารันทดตั้งแต่เกิด แต่กลับได้เจอนายหญิงที่ดีเช่นท่าน พวกเราทั้งสามล้วนโชคดี ชีวิตของข้าลำบากยากเข็ญ ไร้ซึ่งโชค นายหญิง ขอเพียงท่านรับปากว่าจะดูแลครอบครัวของข้า ป๋ายจีผู้นี้ก็ไม่มีความปรารถนาใดแล้วเจ้าค่ะ”