คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้สีหน้าของหมิงเยว่เปลี่ยนไป
เหตุเพราะแต่ก่อนหลินเมิ้งหยาดูแลตำหนักอย่างแน่นหนา ดังนั้นของจึงถูกวางไว้ในสวนอย่างลวกๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ของชิ้นนี้ดึงดูดสายตามากจนเกินไป อีกทั้งยังไม่ได้ใช้กระดาษกันน้ำห่อหุ้มอีกชั้น
คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเมิ้งหยาจะจับได้
“ถูกต้อง หากพวกเจ้าไม่เชื่อก็ลองขุดดินขึ้นดู”
ชิงหูเข้าใจความหมายที่หลินเมิ้งหยาต้องการจะสื่อ ดังนั้นจึงรีบช่วยพูดอีกแรง
เขากับหลินจงอวี้เป็นผู้ดูแลดอกเก๊กฮวยในสวน
นอกจากวันนี้แล้ว วันอื่นๆ พวกเขาล้วนช่วยกันดูแลต้นไม้ด้วยความใส่ใจ โดยมิปล่อยโอกาสให้คนอื่นได้เข้ามาสร้างความวุ่นวาย
ฮองเฮาพยักหน้ารับ ทว่ายังคงท่าทางเคร่งขรึมดังเดิม ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่านางคิดอะไรอยู่
“ประการแรก หากหม่อมฉันประสงค์ร้ายกับไท่จื่อจริง เช่นนั้นหม่อมฉันย่อมฝังมันไว้เป็นอย่างดี ทว่ากระดาษอันนี้เพียงใช้น้ำรดก็ย่อยสลายเสียแล้ว หรือจะบอกว่าหม่อมฉันสร้างเรื่องเพียงเพื่อให้ถูกจับได้อย่างนั้นหรือเพคะ?”
คำพูดของหลินเมิ้งหยามีผู้เห็นด้วยมากมาย
นางพูดถูก จะมีใครบ้างที่ประสงค์ร้ายกับราชวงศ์อย่างเปิดเผย?
เพียงเท่านี้ก็มองออกแล้วว่าทั้งหมดนี้เป็นกลอุบาย
“คิดหรือว่าเพียงแค่ข้อนี้ข้อเดียวก็จะรอดพ้นจากข้อกล่าวหาได้? บางทีเจ้าที่ได้เห็นฮองเฮากับไท่จื่อกะทันหัน อาจจะรีบวางแผนนี้ก็เป็นได้ ฮองเฮา เฉินหนู่ได้ยินว่าดินแดนทางฝั่งตะวันตกมีคุณไสยมนต์ดำที่สามารถทำร้ายผู้อื่นได้ ขอเพียงคนที่ถูกทำร้ายเดินผ่านหน้าของคนคนนั้นไป ก็จะถูกร่ายมนตร์ร้ายใส่ทันทีเพคะ”
หมิงเยว่อาศัยจังหวะนี้ซ้ำเติม
ทว่าหลินเมิ้งหยากลับยกยิ้มพร้อมเอ่ยเสียงเรียบไร้ซึ่งความกังวล
“องค์หญิงหมิงเยว่กล่าวมีเหตุผล ทว่าหม่อมฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฮองเฮาและไท่จื่อจะเสด็จมาที่นี่ หากอ้างอิงจากคำพูดขององค์หญิง นั่นเท่ากับว่าใครที่เสด็จมาพร้อมกับฮองเฮาและไท่จื่อ คนผู้นั้นก็เป็นผู้ร่วมขบวนการกับหม่อมฉันอย่างนั้นหรือเพคะ?”
“เจ้า! เลิกเถียงข้างๆ คูๆ ได้แล้ว”
หมิงเยว่ตกตะลึงเพราะคำพูดของตนเองก็ได้กล่าวผิดพลาดไป เหตุเพราะคนที่ติดตามฮองเฮากับไท่จื่อมาก็คือนางคนเดียวเท่านั้น
หากมิใช่เพราะนางพูดต่อหน้าฮองเฮาว่าดอกไม้ในสวนของหลินเมิ้งหยางดงามกว่าทุกที่ในเมือง
อีกทั้งยังเอ่ยประโยคเชื้อเชิญฮองเฮาอีกมากมาย เกรงว่าฮองเฮากับไท่จื่อก็คงจะไม่เสด็จมาที่นี่
“ประการที่สอง เหมือนกับที่องค์หญิงหมิงเยว่ได้ตรัสเอาไว้ว่าหม่อมฉันอาจจะนึกอยากปองร้ายฮองเฮากับไท่จื่อ แต่ว่าเมื่อครู่หม่อมฉันกับฮวากูกำลังช่วยเหลือฮูหยินหวังอยู่ภายใน นี่ไม่ได้หมายความว่าหม่อมฉันแยกร่างได้เช่นนั้นหรือเพคะ? นับตั้งแต่ตอนที่ฮองเฮาและไท่จื่อเสด็จมายังที่นี่ หม่อมฉันยังมิได้เดินผ่านจุดที่มีคนพบวัตถุประหลาดที่ว่านั่น อีกทั้งสาวใช้ของหม่อมฉันก็อยู่แต่เพียงในห้องมิได้ออกมา ฮองเฮาโดดเด่นมาก คืนนี้นอกจากทาสในเรือนของหม่อมฉันแล้ว คนอื่นล้วนสวมใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน หากสาวใช้ของหม่อมฉันใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายจริง เช่นนั้นชุดของพวกนางก็จะต้องสะดุดตาใครบ้างมิใช่หรือ? พวกนางที่มีเสื้อผ้าสีสันผิดแผกแตกต่างไปเช่นนี้จะไม่ถูกใครพบเห็นเลยหรือเพคะ?”
นี่คือจุดประสงค์ที่หลินเมิ้งหยาแอบซ่อนเอาไว้ คืนนี้นอกจากสาวใช้ประจำตัวของตระกูลอื่นแล้ว ทุกคนล้วนสวมใส่ชุดสีเทา
คนรับใช้ของนางกับหลงเทียนอวี้สวมใส่ชุดสีขาว
อีกทั้งคนที่มาคอยรับใช้อยู่ในตำหนักล้วนเป็นคนที่ไว้ใจได้
ด้านนอกห้ามมิให้ใครเข้ามา
ด้านในห้ามมิให้ใครติดต่อกับคนภายนอก
หากมีการติดต่อกันจะต้องผ่านการตรวจสอบจากพ่อบ้านเติ้งและหลินขุยก่อน
ดังนั้นทันทีที่หลินเมิ้งหยาเอ่ย คนส่วนใหญ่จึงรีบพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“พระชายาพูดได้อย่างถูกต้อง เมื่อครู่หม่อมฉันยืนอยู่ข้างกายพระชายา อีกทั้งยังไม่พบเห็นทาสรับใช้คนใดในจวนเข้าใกล้ต้นเก๊กฮวย เมื่อลองคิดดูแล้ว จะต้องเป็นคนนอกอย่างแน่นอน”
หลินเมิ้งหยาหันไปมองทางคนผู้นั้น ดูจากการแต่งกาย นางดูเหมือนลูกคุณหนูจากตระกูลเศรษฐี
ทว่าใบหน้ากลับสวมใส่หน้ากากเอาไว้ ดังนั้นจึงไม่มีใครเห็นหน้านางได้อย่างชัดเจน น้ำเสียงเคร่งขรึมเล็กน้อย บางทีอาจจะไม่อยากให้ใครจำนางได้
นางพยักหน้าลงเบาๆ เสมือนเอ่ยทักทายฝ่ายตรงข้าม
หญิงสาวสวมหน้ากากคนนั้นเองก็พยักหน้ารับ แล้วซ่อนตัวในฝูงชน
“เรื่องนี้น่าสงสัยยิ่งนัก”
นานกว่าฮองเฮาจะเอ่ยออกมา
หลินเมิ้งหยาเริ่มรู้สึกว่ากำลังเจอเข้ากับเรื่องยุ่งยาก นางพูดอธิบายออกไปอย่างมากมาย แต่ฮองเฮากลับไม่ยอมปริปากพูดอะไร
“เหตุเพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ อีกทั้งของยังถูกพบเจอในสวนของเจ้า เช่นนั้นเจ้าจะต้องรับผิดชอบและหาตัวคนผิดมาลงโทษใช่หรือไม่?”
เพียงฮองเฮาเอ่ยออกมา หลินเมิ้งหยารู้สึกได้ทันทีว่าตนเองกำลังเจอเรื่องยุ่งยากเข้าแล้ว
หากนางพูดว่าใช่ เช่นนั้นฮองเอาอาจช่วยนางหาตัวคนผิด บางทีฮองเฮาอาจจะพาตัวนางไป
หากพูดว่าไม่ใช่ เช่นนั้นเท่ากับนางกำลังกินปูนร้อนท้อง
“ฮองเฮาตรัสถูกพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้น นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เอ๋อร์เฉินจะขังพระชายาเอาไว้ในจวน อีกทั้งยังช่วยหมู่โฮ่วโฮ่วตรวจสอบเรื่องนี้ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของราชวงศ์ เอ๋อร์เฉินจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง”
เสียงเคร่งขรึมระคนเย็นชาดังขึ้น
ร่างสูงโปร่งของหลงเทียนอวี้ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน
เขาสืบเท้าเข้ามาทีละก้าว
หากมีเขาอยู่ หลินเมิ้งหยาก็ไม่รู้สึกกังวลอะไรอีกแล้ว
แม้จะสวมใส่ชุดยาวธรรมดา แต่ทว่ากลับดูโดดเด่นและน่าเกรงขาม
สายตาเย็นชาชำเลืองไปทางหลงเทียนอวี้ ลึกๆ ในใจนางอดรู้สึกริษยาไม่ได้
เหตุใดลูกชายที่โดดเด่นเช่นนี้จึงไปเกิดในท้องของนังแพศยาคนนั้น
เหตุใดหลงเทียนอวี้จึงเหมือนกับบิดาของเขานัก
ฉะนั้น หลงเทียนอวี้จึงต้องตาย!
“เอ๋อร์เฉินถวายคำนับหมู่โฮ่ว หมู่โฮ่วอย่าได้กริ้วไปเลยพ่ะย่ะค่ะ เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ เอ๋อร์เฉินมีส่วนต้องรับผิดชอบ”
เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น ฮองเฮาต้องสำรวมท่าทีเอาไว้
หากมีข่าวออกไปว่านางทำตัวลำเอียง เช่นนั้นจะถูกผู้คนครหาเอาได้
นางยกยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะยกมือขึ้น
“ช่างเถิด เจ้ากับไท่จื่อสนิทสนมกันมาก เปิ่นกงเชื่อว่าเจ้ามิมีทางทำเรื่องน่าหวาดกลัวเช่นนั้น แต่เปิ่นกงจำต้องเอาตัวพระชายาของเจ้าไป เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ เปิ่นกงมิอาจเพิกเฉยได้”
ดูเหมือนว่าฮองเฮาจะต้องการเคาะภูเขาสะเทือนพยัคฆ์
ทว่าหลงเทียนอวี้ที่มักจะยอมถอยหนึ่งก้าวเสมอ ในเวลานี้กลับยืนเคียงข้างหลินเมิ้งหยา
“หมู่โฮ่ว หากพระองค์รู้สึกไม่วางพระทัย เช่นนั้นเอ๋อร์เฉินขอพระราชทานอนุญาตตรวจสอบเรื่องนี้กับพระชายาด้วยตนเอง”
หลงเทียนอวี้ไม่ยอมถอยอีกต่อไป แม้แต่ฮองเฮาเองก็ยังคาดไม่ถึง
มองดูสายตามุ่งมั่นของเขา ฝ่ามือของฮองเฮาสั่นไหวเล็กน้อย
ขณะที่กำลังจะอนุญาต หลินเมิ้งหยากลับร้องขัดขึ้น
“ช้าก่อน! ฮองเฮาเพคะ ท่านอ๋องสืบเชื้อสายมาจากฮ่องเต้ อีกทั้งยังเป็นเสาหลักของบ้านเมือง หากท่านอ๋องถูกเอาตัวไปพร้อมกับหม่อมฉัน เกรงว่าจะมีคนจิตใจสกปรกอาศัยจังหวะนั้นตั้งใจทำลายทุกคน หม่อมฉันเห็นว่าในเมื่อทหารของวังหลวงและท่านแม่ทัพเองก็อยู่ที่นี่ เช่นนั้นพวกเราหาข้อเท็จจริงกันในวันนี้เลยเถิดเพคะ”
คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้สีหน้าของฮองเฮา พระสนมเต๋อเฟยและหลงเทียนอวี้เปลี่ยนไป
ฮองเฮาคิดไม่ถึงเลยว่าทั้งที่เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว หลินเมิ้งหยายังคิดที่จะดิ้นหนี
“ได้ เช่นนั้นเปิ่นกงจะฟังความเห็นของเจ้า เจ้ามีวิธีเช่นไร?”
ดวงตาของฮองเฮาเย็นยะเยือกยิ่งกว่าน้ำแข็ง
ข้อเสนอของหลินเมิ้งหยา มิต่างอะไรจากการหาเหาใส่หัว
คิดจะหาความจริง? มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก หากนางหาความจริงออกมาไม่ได้ เช่นนั้นหลินเมิ้งหยาจะต้องยอมถูกจับไปแต่โดยดี
“หยาเอ๋อร์ เจ้า…”
พระสนมเต๋อเฟยร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง รีบร้อนก้าวเข้ามาหาหลงเทียนอวี้กับหลินเมิ้งหยา
จะให้นางที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ไม่เป็นกังวลได้อย่างไร
“เมื่อครู่หม่อมฉันได้เห็นผงชาดบนโต๊ะแล้ว รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก โชคดีที่หม่อมฉันมีของอย่างหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนสีได้เมื่อได้สัมผัสกับชาด คนที่ใส่ร้ายหม่อมฉันจะต้องมีชาดติดอยู่บนเสื้อผ้าหรือร่างกายอย่างแน่นอน ดังนั้นหากหม่อมฉันทำการทดสอบดูสักเล็กน้อยก็คงรู้ผล ไม่ทราบว่าฮองเฮาคิดเห็นเช่นไรเพคะ?”
คำพูดของหลินเมิ้งหยา ทำให้ฮองเฮาเงียบไป
นานกว่าจะพยักหน้ารับ
ดวงตาขององค์หญิงหมิงเยว่เบิกกว้างอย่างกระวนกระวาย
นางควรหลบอยู่ด้านหลังเพื่อมองดูละครสนุกๆ ตรงหน้า
หากมิใช่เพราะนางต้องการป้ายความผิดให้หลินเมิ้งหยาอย่างรวดเร็วที่สุด นางคงมิกลายเป็นหมาจนตรอกเช่นนี้
ทำอย่างไรดี? หากหลินเมิ้งหยาตรวจสอบแล้วเจอเข้า เกรงว่าคนที่จะซวยก็คงเป็นตนเอง
ท่ามกลางกลุ่มคน เจียงหรูฉินเองก็กำลังกระวนกระวาย
สีหน้าของสาวใช้ที่อยู่ข้างกายนางซีดเผือด
นับตั้งแต่วันที่หลินเมิ้งหยาไปที่เขาหลิงจูเพื่อล่าสัตว์ นางคิดหาวิธีเข้าไปในตำหนักหลิวซินมาโดยตลอด
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเมิ้งหยาจะขอให้น้าจิ่นเยว่คอยเฝ้าไว้ให้
ทุกวัน จิ่นเยว่ควบคุมการเข้าออกอย่างเข้มงวด ดังนั้นนางจึงไม่มีโอกาสลงมือ
ดูจากท่าทางนิ่งนอนใจของนางแล้ว เกรงว่านังแพศยาคนนั้นจะต้องมีวิธีตรวจสอบอย่างแน่นอน
“ได้ เช่นนั้นจงตรวจสอบให้แน่ชัด เข้ามา สั่งให้ทหารของวังหลวงและทหารตรวจการมาร่วมตรวจสอบด้วยกัน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ฝ่ามือของหลินเมิ้งหยาชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ขณะที่นางไม่ทันระวังตัว เขาแทรกกายไปอยู่ด้านหลังของหลินเมิ้งหยา
“เจ้าเด็กน้อย เจ้ามีวิธีการเช่นไร?”
หลินเมิ้งหยาลังเล ส่ายหน้า ก่อนจะแค่นหัวเราะขมขื่น
“จะไปมีวิธีตรวจสอบเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าเพียงแค่อยากตรวจสอบให้แน่ใจว่าใครมีชาดติดอยู่บนร่างกาย อีกเดี๋ยวเจ้ากับเสี่ยวอวี้รอสัญญาณจากสายตาของข้าก็แล้วกัน”
ชิงหูไม่เคยสงสัยในคำพูดของหลินเมิ้งหยา หากนางเอ่ยว่าสามารถทำได้ เช่นนั้นนางจะสามารถทำได้อย่างแน่นอน
เรดาร์ในสมองของนางพลันปรากฏส่วนประกอบและปริมาณของยาพิษ หากพุ่งสมาธิไปที่จุดเดียว ปริมาณความเข้มข้นของยาพิษที่สามารถตรวจสอบได้มีมากถึง 0.0001 มิลลิกรัม
หวังว่าคนที่ได้สัมผัสกับชาดจะมีปริมาณยาพิษในตัวมากเท่าตัวเลขนี้
“หัวหน้าทหารตรวจการหยินลู่หยุน รองหัวหน้าทหารองครักษ์จูอ้ายจือ ขอถวายคำนับฮองเฮา ถวายคำนับพระสนมเต๋อเฟย”
จูอ้ายจือ? ทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ หลินเมิ้งหยาชำเลืองตามองไปในทันที
ผลปรากฏว่าเขาคือแม่ทัพที่เคยมีความสัมพันธ์อันดีกับนางที่สิงกง
คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะได้เลื่อนยศเร็วถึงเพียงนี้
หากเขามิใช่คนลืมบุญคุณคน เกรงว่าคราวนี้นางจะได้กำลังเสริมขึ้นมาอีกเท่าตัว
“อืม พวกเจ้าลุกขึ้นเถิด เปิ่นกงคิดว่าพวกเจ้าเข้าใจสถานการณ์ในเวลานี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เปิ่นกงคงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก พวกเจ้าจงช่วยเหลือชายาอวี้หาตัวคนกระทำความผิดเถิด”