การทดสอบรับรองอาจารย์รุ่นแรกของเสวียนเหมิน

อวิ๋นเจี่ยวยื่นข้อสอบปึกหนาไปให้ผู้อาวุโสเจียวที่นั่งอยู่แถวแรก “หัวหน้าห้องแจกข้อสอบ!”

“ได้” หัวหน้าห้องเจียวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรับข้อสอบมาแจกจ่ายลงไป

อวิ๋นเจี่ยวกวาดตามองเหล่าเจ้าสำนัก ก่อนจะพูด “เชื่อว่าทุกคนคงรู้ความสำคัญในการสอบครั้งนี้จากเจ้าสำนักสวีแล้ว ข้าจะไม่อธิบายเพิ่มเติม วันนี้เป็นข้อสอบปิดตำรา เวลาการสอบคือสาม…หนึ่งชั่วยามครึ่ง ทุกคนต้องทำข้อสอบด้วยตนเอง ไม่สามารถหารือกันได้ มิเช่นนั้นจะถือว่าโกงข้อสอบ การสอบจะเริ่มขึ้นหลังจากนี้ห้านาที”

พูดจบ นางก็วางข่ายพลังสำหรับจับเวลาบนเวที รอจนกระทั่งหัวหน้าห้องเจียวแจกจ่ายข้อสอบเสร็จ

ทันทีที่นางพูดจบ ดวงตาหลายร้อยคู่ในตำหนักจ้องเขม็งไปยังสวีชิงเฟิงที่อยู่แถวหน้าทันที สายตาเหล่านั้นราวกับมีดทิ่มแทงเข้าที่ตัวเขา

เจ้าสำนักหนึ่ง คนหลอกลวง ไหนบอกเขาว่าเชิญมาดื่มน้ำชา ที่แท้ก็หลอกเขามาทำข้อสอบ ทำเกินไปแล้ว!

เจ้าสำนักสอง ชั่วร้ายมาก บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะหารือ ต้องมาให้ได้ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! เรื่องสำคัญจริงด้วย เรื่องถึงแก่ชีวิต!

เจ้าสำนักสาม เขาแย่กว่า! สามวันก่อนเขาเดินไปยังหน้าประตูสำนักเทียนซือแล้ว สุดท้ายถูกเจ้าสำนักหน้าด้านลากกลับมา

เจ้าสำนักสี่ ถุย! เจ้าคนไร้คุณธรรม มีหน้ามาบอกว่ามีการเคลื่อนไหวประหลาดของโลกปีศาจและยมโลก ดังนั้นจึงเรียกพวกเขามาหารือ ทำให้เขาเรียกผู้อาวุโสในสำนักมาทั้งหมด!

เจ้าสำนักห้า เสียดายที่พวกเขาเชื่อใจสำนักเทียนซือเช่นนี้ ไม่คิดว่าเจ้าสำนักจะไร้จิตเมตตา ไร้ความเป็นมนุษย์!

ความเคียดแค้นของทุกคนมากขึ้นเรื่อยๆ เวลาแจกข้อสอบแค่ไม่กี่นาที เจ้าสำนักสวีก็โดนเชือดด้วยสายตาไปหลายพันหมื่นครั้งแล้ว

เจ้าสำนักสวีหยิบข้อสอบขึ้นมาเงียบๆ เหลือเพียงแค่ฝังตัวลงไปแล้ว ความน้อยใจเต็มท้องพูดออกมาไม่ได้ เขาก็ไม่มีวิธี หากพูดความจริงว่าให้มาสอบ พวกเจ้าจะมาหรือ คงได้ฉีกยันต์ส่งสารของเขาทิ้งอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็เพื่อนร่วมห้อง จะตายต้องตายด้วยกัน !

ทางหัวหน้าห้องเจียวแจกจ่ายข้อสอบเสร็จแล้ว เพียงแต่ในมือยังเหลืออีกชุด จึงส่งคืนไปให้อวิ๋นเจี่ยว

“เอ๊ะ?” อวิ๋นเจี่ยวผงะไป พลิกดูข้อสอบ ไม่คิดว่าจะเหลือหนึ่งชุด นางคำนวณจำนวนคนเอาไว้พอดีแล้วแท้ๆ “เจ้าสำนักสวี มีใครไม่มาเหรอ”

สวีชิงเฟิงผงะ ก่อนจะยืดคอขึ้นหลังข้อสอบ ก่อนจะนึกขึ้นได้ “อ่อ คงจะเป็นชางหยางในหุบเขารักษาไม่มา!”

“ชางหยาง?” ใคร

“เขาคือนายท่านตระกูลชาง” เจ้าสำนักสวีอธิบาย “ช่วงก่อน แปลงยาของตระกูลชางเกิดเรื่องเล็กน้อย เขายังคงจัดการอยู่ จึงไม่อาจมาได้”

ทันทีที่พูดจบ เหล่าคนที่ให้ความสนใจกับข้อสอบอยู่นั้น ต่างเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าสำนักสวี

เจ้าสำนักหนึ่ง บังเอิญขนาดนี้ หนีรอดการสอบไปได้ คงได้ข่าวมาจากเจ้าสำนักสวีก่อน ใจร้าย!

เจ้าสำนักสอง ไม่อับอาย!

เจ้าสำนักสาม คนเลว!

เจ้าสำนักสี่ คนชั่ว!

เจ้าสำนักห้า มีอะไรแน่…

เจ้าสำนักสวีที่รู้สึกเย็นวาบที่สันหลัง “…” เขาพูดอะไรผิดอีก?

อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้คิดอะไรมาก ก่อนจะพยักหน้า “เช่นนั้นข้าจะเริ่มการสอบแล้ว” พูดจบก็กระตุ้นข่ายพลังนับเวลาด้านข้างให้ทำงาน แสงสีขาวประกายขึ้นเป็นเสาขึ้นมาทันที ก่อนจะเตี้ยลงอย่าช้าๆ

เหล่าเจ้าสำนักถึงเก็บสายตาดุจมีดที่จ้องเจ้าสำนักสวีกลับมา ก่อนจะจำใจทำข้อสอบ

ตำหนักขนาดใหญ่เงียบสงบลงทันที อวิ๋นเจี่ยวก็ไม่ได้นั่งเฉยๆ นางหยิบยันต์ออกมาแก้ไข อาจารย์อาหยวนกลับโลกบนไปแล้ว วิชายันต์ห้องสามยังเหลืออีกหลายบท ดังนั้นนางจึงรับหน้าที่สอนแทนชั่วคราว ยันต์เหล่านี้เป็นการบ้านของห้องสาม

อวิ๋นเจี่ยวมองดูยันต์นับร้อยใบ รู้สึกตาลายเล็กน้อย ไม่รู้ว่าอาจารย์อาหยวนตรวจไปได้อย่างไร อีกทั้งยังสามารถหาจุดผิดออกมาได้ นางถอนหายใจทีหนึ่ง คำนวณบทเรียนต่อไป ที่จริงก็เหลือเพียงไม่กี่บท ไม่อย่างนั้นเปลี่ยนเป็นการสอบดีกว่า

การวาดยันต์เป็นเพียงขั้นเริ่มต้น หากสามารถวาดยันต์ใหม่เองได้ถึงจะเป็นอาจารย์ยันต์ที่ดี อืม ตกลงตามนี้!

ห้องสามที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย “…”

เกิดอะไรขึ้น ทำไมรู้สึกเสียวสันหลัง!

การทดสอบรับรองอาจารย์ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ยังไม่ถึงเวลาเที่ยงตรง การสอบสามชั่วโมงก็จบลง อวิ๋นเจี่ยวเก็บข้อสอบอย่างไม่รีรอ บอกลาเหล่าเจ้าสำนักและท่านอาวุโสที่ทำหน้าหมดอาลัยกลับไปยังชิงหยาง

เดิมทีคิดจะตรวจข้อสอบ ยิ่งคัดเลือกอาจารย์ที่ผ่านคุณสมบัติออกมาเร็วเท่าไหร่ ยิ่งเปิดโรงเรียนอย่างเป็นทางการได้เร็วเท่านั้น แต่หลังเขากลับมีเสียงดังกึกก้องลอยมา ราวกับเสียงระเบิดของอะไรบางอย่าง อวิ๋นเจี่ยวตกใจจนแทบจะโยนข้อสอบในมือออกไป

ชายแก่ที่เพิ่งสอนเสร็จก็พุ่งออกมาจากห้องตำราด้วยสีหน้าแตกตื่น เขามองไปยังอวิ๋นเจี่ยว “เจ้าหนู! เมื่อกี้คือ…เสียงอะไร”

“ไม่รู้ น่าจะดังมาจากหลังเขา” สีหน้าของอวิ๋นเจี่ยวดำลง นางรีบวางข้อสอบในมือ “ไปดู”

ทั้งสองคนมุ่งตรงไปยังทิศทางของหลังเขา ระหว่างทางได้ยินเสียงดังอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเดินผ่านตำหนักด้านหลังถึงได้พบบริเวณหลังเขาอบอวลไปด้วยดินทราย ราวกับเพิ่งผ่านการระเบิดขนาดเล็กมา

“เอ๊ะ! นั่นคือแปลงปลูกผัก!” ชายแก่จำได้ทันที หรือว่าจะเป็นอิ้งหลุน?

อวิ๋นเจี่ยวสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตมหาศาลจากดินเหล่านั้น นางรีบสาวเท้าวิ่งเข้าไป เมื่อรอพวกนางวิ่งมาถึงแปลงปลูกผักนั้น ดินทรายบริเวณรอบด้านสลายไปจนแทบหมดแล้ว พวกนางเห็นร่างทั้งสองแต่ไกล เสียงร้องของอิ้งหลุนส่งมาจากด้านหน้า

“อ๊าก เดี๋ยว! เจ็บๆๆๆ …เยี่ยยวน เจ้าฟังข้าอธิบายก่อน…ข้าไม่ได้ตั้งใจ…เห็นแก่ที่พวกเรารู้จักกันมานาน โอยยย จะหักแล้วๆ …ข้าก็ไม่อยาก ใครจะคิดว่าเจ้าจะเดินผ่านเวลานี้ ข้าไม่คิดจะระเบิด…โอย”

เห็นเพียงแปลงผักสีเขียวขจีแต่เดิมนั้น ตอนนี้กลายเป็นหลุมเป็นบ่อ ราวกับถูกระเบิดอะไรบางอย่าง ทุกที่เต็มไปด้วยหลุมลึกครึ่งเมตร ในหลุมนั้นยังมีวัตถุบางอย่างที่มีลักษณะสีแดงลอยอยู่ อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมหวาน

ส่วนอิ้งหลุนกำลังหมอบอยู่ในหลุมหนึ่ง เยี่ยยวนใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบหลังของเขาเอาไว้ ร่างของเขามีพลังเย็นแผ่ซ่านออกมา อากาศบริเวณรอบด้านราวกับจะกลายเป็นน้ำแข็ง หนาวจนเจ็บกระดูก ดวงตาเฉยเมยนั้นเจือปนความโกรธอย่างมหันต์ อีกทั้งยังมี…แรงอาฆาต!

คนทั้งสองที่วิ่งมาต่างผงะไป นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นอาจารย์ปู่โกรธขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่

แครก…

ทันใดนั้นเสียงบางอย่างแตกหักดังมาจากตัวของอิ้งหลุน เขาร้องโอดครวญมากยิ่งขึ้น “โอย จะตายแล้วๆๆ !”

“อาจารย์ปู่!” อวิ๋นเจี่ยวรีบเข้าไปห้าม “เกิดอะไรขึ้น”

เยี่ยยวนที่จะเหยียบคนหักเป็นสองท่อนนั้นหันหน้ากลับมา พลังเย็นยิ่งหนักขึ้นเล็กน้อย เพียงแต่ดวงตาของเขามีอารมณ์บางอย่างแวบผ่านไป ราวกับ…น้อยใจ?!