บทที่ 192
สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น
ด้วยใบหน้าที่แดงฉาน เขาก็ได้ชี้ไปที่หลินซีเหยียนแล้วด่า “ข้าน่าจะจับเจ้าถ่วงน้ำในสุ่มหมูแล้วเอาเงินทั้งหมดที่เจ้าเอาไปจากจวนหมาเสนาบดีของข้ากลับมา”
แล้วใบหน้าของหลินซีเหยียนนั้นก็ได้น่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ และทำให้มหาเสนาบดีหลินต้องหวาดกลัวขึ้นมาเมื่อเห็นใบหน้าที่เปลี่ยนไปของนาง แล้วเขาก็ได้รีบกลืนคำด่าที่เขายังพูดไม่ทันจบลงไปทันที
หลินซีเหยียนก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหามหาเสนาบดีหลินทีละก้าวๆ มหาเสนาบดีหลินก็ได้รู้สึกหวาดกลัวเพราะแรงกดดันของนางและถอยหลังออกไป
ถึงแม้ว่าหลินซีเหยียนนั้นจะพอเดาได้รางๆว่ามหาเสนาบดีหลินนั้นจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการตายของแม่ของเจ้าของร่างนี้จากที่นางได้ทราบมาจากคนเก่าคนแก่ในเรือนเชียนเหยียน แต่เมื่อนางได้ยินมันด้วยตัวเองแล้ว ทำให้หัวใจของนางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
ถึงแม้ว่าตัวนางนั้นจะไม่ใช่หลินซีเหยียนตัวจริง และ ฮูหยินเยี่ยที่ตายไปนั้นจะไม่ใช่แม่ของนางจริงๆ แต่จากการตกแต่งเรือนเชียนเหยียนที่สวยงามแล้ว ก็ทำให้นางรู้สึกชื่นชม ฮูหยินเยี่ยในความสามารถของนาง
ผู้หญิงเช่นนี้สมควรที่จะเฉิดฉาย แต่เพื่อความรักแล้วนางได้ยินดีที่จะเก็บซ่อนความสามารถของนางแล้วกลายเป็นดั่งไข่มุกเปื้อนฝุ่น นางคงจะไม่นึกฝันว่ามหาเสนาบดีหลินนั้นจะเป็นพวกขุนนางทำดีเอาหน้าเช่นนี้
“ท่านฆ่าแม่ข้างั้นเหรอ?” หลินซีเหยียนก็ได้จ้องไปที่มหาเสนาบดีหลินอย่างเงียบๆแล้วค่อยๆกล่าวออกมาทีละคำอย่างชัดเจน “อย่าได้คิดที่จะหลอกข้านะ”
“พ่อของเจ้าแค่พูดออกไปด้วยความโมโห เจ้าอย่าได้เอามาคิดเป็นจริงเป็นจัง”
มหาเสนาบดีหลินก็ได้พยายามทำเป็นกลบเกลื่อน แต่มีหรือที่หลินซีเหยียนนั้นจะให้โอกาสเช่นนั้นกับเขา “ท่านกับ ฮูหยินอวี้นั้นมีลูกกันก่อนที่แม่ของข้าจะตั้งท้องข้าเสียอีก แล้วก็ให้มาอยู่ด้วยอีกต่างหาก จะให้ข้าเชื่อในสิ่งที่ท่านพูดได้อย่างไร?”
ในระหว่างนี้เจียงหวายเย่ก็ได้เดินเข้าไปหามหาเสนาบดีหลินด้วยสีหน้าที่ดูถูก “ท่านมหาเสนาบดีหลิน ท่านน่ะหวาดระแวงมากเกินไปเสียจนพูดว่าแม่นางหลินกับข้าออกมาโดยไม่ยั้งคิดเลยนะ”
มองไปที่ชายแปลกหน้าที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว มหาเสนาบดีหลินก็ได้โมโหขึ้นมาอีกครา แล้วมองไปที่หลินซีเหยียนอย่างมีคุณธรรม
แล้วเขาก็ได้พูดออกมาราวกับว่าทำเพื่อหลินซีเหยียน “ซีเหยียน หากว่าเจ้ายอมคืนสิ่งที่เจ้าเอาไปจากจวนมหาเสนาบดีแล้วล่ะก็ ต่อให้เจ้าอยากที่จะแต่งงานกับชายคนนี้ พ่อของเจ้าก็จะจัดการเรื่องนี้ให้เจ้าด้วยตัวเองเลย”
“เอาคืน?” หลินซีเหยียนก็ได้หัวเราะโดยไร้ซึ่งความโกรธ “ข้าวของพวกนั้นน่ะมันเป็นของท่านแม่ของข้า และมันก็ควรจะต้องตกเป็นของข้าด้วยซ้ำ ท่านมหาเสนาบดีหลินคงจะยังไม่ลืมหรอกใช่ไหม?”
เรื่องของการลงโทษของฮ่องเต้เป็นเรื่องใหญ่ ส่วนเรื่องของการสอบปากคำของหลินซีเหยียนเป็นเรื่องรอง มหาเสนาบดีหลินในเวลานี้ลำบากมาก แต่เขาเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ หลินซีเหยียนพูดมานั้นก็มีเหตุผล เขานั้นไม่สามารถที่จะไปชิงมาได้
มหาเสนาบดีหลินจึงได้กล่าว “ซีเหยียน เจ้านั้นจะโหดร้ายปล่อยพ่อของเจ้าแบบนี้ได้จริงๆ….” มองไปที่ดวงตาที่ เย้ยหยันของหลินซีเหยียนแล้ว มหาเสนาบดีหลินก็ได้กล่าว “ไม่สิ พ่อหมายถึงจวนเสนาบดีแห่งนี้ เจ้าจะยอมทนดูให้ผู้คนที่บริสุทธิ์ในบ้านมหาเสนาบดีแห่งนี้ต้องโดนลงโทษและตัดหัวได้จริงๆเหรอ?”
“ถ้าท่านมหาเสนาบดีกลัวว่าพวกเขาจะต้องถูกลงโทษล่ะก็ ท่านก็ไล่พวกข้ารับใช้ออกสิ”
คำพูดของหลินซีเหยียนนั้นหาได้มีความรู้สึกสงสารเลยแม้แต่น้อย นางมองไปที่คนเก่าคนแก่ที่อยู่ตรงหน้านางแล้ว หาได้ทำให้ความเกลียดชังของนางลดลงไปแม้แต่ครึ่งเลย
มหาเสนาบดีหลินก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนด้วยใบหน้าซีดๆ แล้วกล่าวด้วยปากสั่นๆ “นี่เจ้าไม่คิดที่จะช่วยพ่อของเจ้าเลยจริงๆเหรอ?”
“ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าช่วยท่าน”
หลินซีเหยียนก็ได้หันกลับมาและมองมาที่มหาเสนาบดีหลิน คำพูดของนางนั้นได้ให้ความหวังในหัวใจของมหาเสนาบดีหลินลุกขึ้นมาใหม่
เจ้าลูกชิ้นขาวก็ได้วิ่งมาหาหลินซีเหยียนอย่างไม่ยินดีแล้วดึงแขนเสื้อของหลินซีเหยียน “ท่านแม่ เทียนเอ๋อไม่ชอบเขาเลย ท่านแม่อย่าช่วยเขาเลยนะ”
เทียนเอ๋อนั้นมักจะขี้เหนียว แต่ถ้าวันหนึ่งเขาจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อช่วยท่านแม่และอาจารย์ของเขาแล้วล่ะก็เขาจะไม่ลังเลเลย แต่ไม่มีทางเลยที่เขาจะช่วยมหาเสนาบดีหลิน
มีหรือที่มหาเสนาบดีหลินจะปล่อยให้ความหวังหลุดลอยไป? เขาก็ได้มองไปที่เทียนเอ๋อด้วยดวงตาที่ใจดี “เจ้าควรที่จะฟังแม่ของเจ้านะ นอกจากนี้ข้าเองก็เป็นตาของเจ้าด้วย”
เทียนเอ๋อก็ได้มองไปที่มือที่เหี่ยวย่นที่ยื่นมายังเขาแล้ว เขารู้สึกรังเกียจและหลบเลี่ยง แล้วจากนั้นก็ได้คัดค้านที่ท่านแม่ของเขาช่วยเหลือมากขึ้นไปอีก
หลินซีเหยียนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเทียนเอ๋อก็ได้มองไปที่มหาเสนาบดีหลินอย่างเย็นชา “ท่านมหาเสนาบดีหลิน อย่าได้สอนลูกของข้าผิดๆ เทียนเอ๋อไม่ใช่หลานของท่าน”
ถึงแม้ว่าจะพูดอย่างสุภาพกับเขา แต่มีเพียงมหาเสนาบดีหลินที่รู้สึกได้ถึงความรู้สึกประชดประชันที่แฝงอยู่ในคำพูด
ส่วนเรื่องที่เทียนเอ๋อกำลังไม่พอใจอยู่นั้น ในฐานะแม่แล้วนางย่อมรู้ดีอยู่แล้ว นางจึงได้บอกกับเทียนเอ๋อ “ไม่ต้องกังวลไป แม่ของเจ้าไม่ใช่คนโง่ขนาดที่จะต้องมาเจ็บตัวเพื่อช่วยคนที่ไม่สำคัญกับตัวเองหรอก”
มหาเสนาบดีหลินก็ได้คิ้วขมวด และความไม่พอใจในสายตาของเขาก็ได้ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ “เจ้าคิดจะถอนคำพูดงั้นเหรอ?”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเขาบรรยากาศในเรือนเชียนเหยียนก็ได้กลับมาหนักอึ้งอีกเขา เหล่าข้ารับใช้ที่ติดตามมหาเสนาบดีหลินมาด้วยนั้นก็ได้ทำตามคำสั่ง พวกเขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าพวกเขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนที่อยู่ข้างกายหลินซีเหยียนเลย แต่ถ้าเขาไม่ทำตามคำสั่งของเจ้านายแล้วล่ะก็ พวกเขาคงได้ไม่มีอะไรตกถึงท้องแน่ๆ
เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่มหาเสนาบดีหลินด้วยสีหน้าที่ลึกลับแล้วก็ยืนอยู่ตรงหน้าของหลินซีเหยียนอย่างใจเย็น
แผ่นหลังของชายที่อยู่ตรงหน้านางนั้นยืดตรงมาก ถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะดูผอมบาง แต่ก็ทำให้หลินซีเหยียนรู้สึกสงบใจได้ นางแล้วบิดริมฝีปากและตาของนางยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
เดินออกมาจากด้านหลังของเจียงหวายเย่ “ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ให้อะไรแก่ท่าน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีหนทางอื่นเลยที่จะทำให้มหาเสนาบดีหลินรอดจากวิกฤตินี้ไปได้”
ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ถึงความที่ว่ามันเป็นเรื่องยากอยู่แล้วที่เขาจะได้ผลประโยชน์แต่เพียงฝ่ายเดียวจากเรื่องนี้อยู่ มหาเสนาบดีหลินก็ได้ถามอย่างนุ่มนวล “หนทางที่ว่าคืออะไร?”
หลินซีเหยียนนั้นยังไม่บอกมหาเสนาบดีหลิน แต่ก็ได้ดึงให้เจียงหวายเย่ลงมานั่งที่ม้านั่งหินอีกรอบแล้วกล่าว “ใจเย็นๆท่านมหาเสนาบดีหลิน ก่อนที่ข้าจะบอกท่าน ท่านจะต้องสัญญากับข้าข้อนึงก่อน”
ในเวลานี้อะไรก็ไม่สำคัญแล้ว ทั้งดวงตาและหัวใจของมหาเสนาบดีหลินเต็มไปด้วยความหวังขึ้นมา และเฝ้ารอว่า หลินซีเหยียนจะยื่นข้อเสนออะไรมา อย่างอดใจไว้ไม่ไหวและดูร้อนรนอย่างสุดๆ
“ข้ายินดีตกลงไม่ว่าเจ้าจะขออะไรก็ตาม ที่นี้เจ้าพอจะบอกหนทางให้พ่อได้หรือยัง?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น คิ้วของหลินซีเหยียนก็ได้ขมวดขึ้นมา และแลดูเหมือนจะมีลำแสงออกมาจากดวงตาของนาง แล้วนางก็ได้หยิบเอาแผ่นกระดาษออกมาจากในแขนเสื้อของนาง และรู้ถึงความสำคัญถึงตัวหนังสือสีดำในกระดาษแผ่นนั้น
มหาเสนาบดีหลินก็ได้จ้องไปที่แผ่นกระดาษนั้นอย่างเงียบๆ แล้วหลินซีเหยียนก็ได้โยนกระดาษแผ่นนั้นให้กับเขา “หวังว่าท่านมหาเสนาบดีหลินจะจำในสิ่งที่ท่านพูดวันนี้ได้
เมื่อเขาได้วิธีการมา มหาเสนาบดีหลินก็ได้หยิบขึ้นมาเปิดดูและอ่านด้วยสีหน้าที่มืดมนมากขึ้นเรื่อยๆ “นังนั่น กล้าหลอกข้าอย่างนั้นเรอะ”
มองดูมหาเสนาบดีหลินที่รีบไปที่เรือนของฮูหยินอวี้ รอยยิ้มที่มุมปากของหลินซีเหยียนก็ได้ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆในขณะที่นางกำลังคิดถึงเรื่องนี้ เจียงหวายเย่ก็ได้เข้าสวมกอดเอวของหลินซีเหยียน
หลังจากที่มองไปที่ดวงตาที่น่ากลัวของหลินซีเหยียนแล้ว เขาก็ได้ยิ้มขึ้นมาหน่อยๆ “เสี่ยวเหยียนเอ๋ออุตส่าห์ลงทุนร่วมร้องเพลงในบทละครนี้ทั้งที ข้าจะไม่รอดูได้อย่างไร”
หลินซีเหยียนนั้นรู้ว่าเจียงหวายเย่นั้นต้องการที่จะทำอะไร แต่นางก็ไม่ได้ห้ามอะไร เพราะนางเองก็อยากที่จะดูอะไรสนุกๆอย่างหมากัดกับหมาด้วยตาตัวเองเช่นกัน
มองไปที่ทั้งสองคนที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายอยู่ไกลๆ เทียนเอ๋อก็ได้ทำแก้มป่องอย่างไม่พอใจ
เทียนเอ๋อไม่น่ารักอีกแล้วหรือยังไง? ท่านแม่ถึงได้ลืมเขาอีกแล้วเนี่ย!
หรือว่าท่านอาจารย์จะไม่รักเทียนเอ๋ออีกแล้ว? ทำไมถึงได้สนแต่ท่านแม่คนเดียว