บทที่ 193 ความไม่เข้ากันระหว่างน้ำกับไฟ

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 193

ความไม่เข้ากันระหว่างน้ำกับไฟ

ในขณะที่เจ้าตัวน้อยน่ารักกำลังแอบเจ็บปวดอยู่นั้น เจียงหวายเย่กับหลินซีเหยียนก็ได้ตั้งใจและรอดูการแสดงครั้งใหญ่ตรงหน้าพวกเขา

ที่เรือนฮูหยินอวี้นั้นจะมีสวนหิน, น้ำตกเทียม, ดอกไม้เล็กๆและต้นหญ้ามากมาย แต่กลับไม่ได้ดูสวยงามเลยแม้แต่น้อย เหมือนเอาอะไรมาสุมๆอย่างหยาบๆเท่านั้น

ในเวลานี้มหาเสนาบดีหลินได้มาถึงแล้ว และไม่นานนักก็ได้เกิดการโต้เถียงกันขึ้นในห้องนั้น แล้วมีเสียงผู้หญิงร้องไห้ผสมมาด้วย

ส่วนเจียงหวายเย่กับหลินซีเหยียนก็ได้มาแอบอยู่บนต้นไม้และมองดูด้วยสายตาที่สาสมใจ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้เอาเมล็ดทานตะวันพกติดตัวมาด้วย ไม่อย่างนั้นมันจะสมบูรณ์แบบมาก

“ท่านพี่ได้โปรดฟังข้าอธิบายก่อน ข้าไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ!”

หลังจากนั้นสักพัก มหาเสนาบดีหลินที่โกรธจัดก็ได้ออกมาจากห้อง โดยมีฮูหยินอวี้ไล่ตามมาติดๆในสภาพที่ยุ่งเหยิง และมีรอยฝ่ามือสีแดงติดอยู่บนใบหน้าของนางด้วย

เจียงหวายเย่ก็ได้จ้องไปที่ฮูหยินอวี้แล้วจับคางตัวเอง “นอกจากจะไร้ความสามารถแล้ว ยังจะทำร้ายผู้หญิงอีก ช่างเป็นคนที่แย่จริงๆ”

“การทำร้ายผู้หญิงถือว่าขี้ขลาดมาก แต่สำหรับฮูหยินอวี้ก็สมควรโดนแล้ว ตบไม่กี่ทีแค่นี้ยังไม่สาแก่ใจของข้าหรอก” ในขณะที่กำลังพูดถึงฮูหยินอวี้อยู่นั้น ก็ได้ปรากฏซึ่งแววตาที่เย็นยะเยือกในดวงตาของหลินซีเหยียน

เพราะมีที่ให้พวกเขาซ่อนตัวไม่มากนัก จึงได้ซ่อนตัวอยู่ในต้นไม้ที่พอจะรับน้ำหนักของพวกเขาได้ เจียงหวายเย่กับ หลินซีเหยียนจึงได้ใกล้ชิดกันมาก แม้กระทั่งได้กลิ่นหอมเฉพาะตัวของหญิงสาวด้วย

แน่นอนว่า เขาเองรู้สึกได้ถึงรังสีฆ่าฟันที่แผ่ออกมาจากตัวของหลินซีเหยียน เขาจึงได้หรี่สายตาลงแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย

“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เมื่อเจ้าแต่งงานกับเปิ่นหวางในปีหน้า เปิ่นหวางจะดูแลเจ้าอย่างดีที่สุด แม้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เปิ่นหวางก็จะไม่ลงมือกับเจ้าแม้แต่ปลายนิ้วเด็ดขาด”

หลังจากที่ได้ยินคำพูดที่น่าหลงใหลนี้แล้ว หลินซีเหยียนก็ได้หันหน้าไปมองคนที่อยู่ข้างๆนาง จากนั้นก็เผยรอยยิ้มที่น่าหลงใหลที่มุมปากของนาง เจียงหวายเย่เห็นเช่นนั้นแล้วหัวใจก็เต้นตูมตามขึ้นมา หรือว่าเสี่ยวเหยียนเอ๋อจะประทับใจแล้วจะเข้ามาในอ้อมกอดของเขาแล้ว?”

เจียงหวายเย่ก็ถึงกับกลั้นหายใจ และหัวใจของเขาก็ยินดีมาก

“อุว….”

มีเสียงร้องออกมาเบาๆจากปากของเจียงหวายเย่ แล้วเขาก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา และมีน้ำตามาเอ่อรวมอยู่ในดวงตาของเขา “เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เจ้าไม่สงสารเปิ่นหวางหน่อยเลยเหรอ?”

ในขณะที่เขาคิดว่าเสี่ยวเหยียนเอ๋อนั้นจะเข้ามาจูบเขา แต่กลับมีเข็มเงินสามเล่มมาปักเข้าที่เอวของเขา

ถึงแม้ว่าความเจ็บนั้นจะเล็กน้อยราวกับมียุงมากัดสำหรับเจียงหวายเย่ แต่เขาก็แกล้งทำเป็นเจ็บมากและทำสีหน้าให้ดูน่าสงสาร

เจียงหวายเย่นั้นเป็นผู้ที่เกิดมาเป็นที่โปรดปรานของสวรรค์ ใบหน้าของเขานั้นงดงามไร้ที่ติ แม้แต่ร่างกายของเขาก็ยังผอมบางได้รูปยามที่สวมเสื้อผ้า แต่ถ้าเขาถอดเสื้อผ้าออกมาก็สามารถทำให้สาวๆถึงกับกำเดาไหลได้เลย

และในเวลานี้ชายที่สมบูรณ์แบบคนนี้กำลังลวงล่อ หลินซีเหยียนด้วยดวงตาที่หยาดเยิ้ม ราวกับลูกแกะที่กำลังรอถูกเชือด!

แต่ทว่าใบหน้าที่งดงามของเขาก็ต้องปรากฏสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา เมื่ออีกฝ่ายนั้นสามารถต้านทานใบหน้าของเขาที่งดงามเช่นนี้ได้ หลินซีเหยียนนั้นไม่ติดกับการอุบายหลอกล่อตื้นๆเช่นนี้หรอก ซึ่งทำให้เจียงหวายเย่นั้นรู้สึกหมดกำลังใจ ดวงตาที่สวยงามของเขาก็ได้หม่นหมองขึ้นมา และแสดงถึงความเสียใจ

“องค์ชายเย่ ท่านเป็นถึงเทพสงครามที่เก่งกาจรอบด้าน ท่านจะมาล่อลวงข้าแบบนี้งั้นเหรอ?” ถึงแม้ว่านางจะรู้ว่าเขานั้นแกล้งทำ แต่นางก็ไม่อาจจะทนดูใบหน้าเสียใจของเจียงหวายเย่เพราะนางได้ นางจึงได้แกล้งทำเป็นเรื่องตลกเพื่อหวังจะทำให้บรรยากาศดีขึ้น

เจียงหวายเย่ก็ได้ยิ้มออกมา รอยยิ้มของเขานั้นดูสดใสมาก แม้ว่ารอยยิ้มของเขานี้จะเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่เขานั้นรู้ดีอยู่แก่ใจของเขาว่าที่เสี่ยวเหยียนเอ๋อนั้นไม่โดนล่อลวงเพราะว่าเสี่ยวเหยียนเอ๋อนั้นไม่ได้รักเขาเลย

หลินซีเหยียนนั้นพบว่ารอยยิ้มนั้นดูแย่ยิ่งกว่าตอนที่เขาร้องไห้เสียอีก จึงได้ถอนหายใจออกมา แล้วกัดฟันของนางและเอนตัวเข้าไปจูบเขา

ถึงแม้ว่าริมฝีปากสีแดงที่ทั้งนุ่มและอุ่นนี้จะแตะเข้ากับริมฝีปากของเจียงหวายเย่เบาๆ แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่ชนะซึ่งทุกสิ่งแล้ว

หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่สีหน้าที่ตกใจของเจียงหวายเย่ก็ได้หันหน้าหลบไป แต่ก็เห็นปลายหูที่แดงระเรื่อได้ในสายตาของเจียงหวายเย่

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาอยู่ผิดที่ผิดเวลาแล้วล่ะก็ เขาคงจะเงยหน้าแล้วหัวเราะไปแล้ว

เสี่ยวเหยียนเอ๋อจูบเขา!

บ้าน่า! นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม?

ความยินดีที่ไม่สามารถบรรยายได้นี้ทำให้เจียงหวายเย่นั้นยิ้มออกมา แล้วดวงตาและใบหน้าของเขาก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาไม่หยุด

เมื่อรู้สึกได้ถึงความดีใจของคนที่อยู่ข้างๆนางแล้ว ใบหน้าของหลินซีเหยียนก็ได้แดงขึ้นมา แล้วนางก็ได้กระแอมขึ้นมาและแกล้งทำเป็นเหมือนหมดความอดทนแล้วกล่าว “ไม่ต้องคิดอะไรแปลกๆล่ะ ก็แค่บรรยากาศมันพาไปขณะที่กำลังดูอะไรสนุกๆเท่านั้น”

เจียงหวายเมื่อได้ฟังข้ออ้างที่หลินซีเหยียนกล่าวแล้ว ก็ได้หยิบเอาหน้ากากมาใส่ไว้บนหน้าของเขาตามเดิม แม้ว่า หลินซีเหยียนนั้นจะไม่เห็นแต่นางก็รู้สึกได้ว่าเขานั้นคงจะกำลังยิ้มอยู่แน่ๆ

แล้วพากันมองลงไปยังฮูหยินอวี้ที่กำลังคุกเข่าอ้อนวอนอยู่ที่พื้น “ท่านพี่ ข้าจะกลับไปที่บ้านสกุลอวี้เอง ถ้าความเห็นแก่ตัวของพวกเขาเป็นสาเหตุของเรื่องนี้จริงๆ ข้าจะให้คำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”

“ข้าจะไปกับเจ้าด้วยเพื่อให้เห็นด้วยสายตาของตัวเอง เพราะอาศัยความสัมพันธ์ของมหาเสนาบดี สกุลอวี้ถึงได้มีอย่างทุกวันนี้ได้ แต่พวกเขากลับลืมบุญคุณอย่างนั้นเหรอ?”

ฮูหยินอวี้ก็ได้หดหัวลงไป นางนั้นรู้ดีว่าหากมหาเสนาบดีหลินนั้นโกรธจัดเช่นนี้แล้ว ก็คงไม่อาจที่จะทำให้หายโกรธได้ง่ายๆแน่

“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เจ้าอยากจะให้เปิ่นหวางพาเจ้าไปที่บ้านสกุลอวี้เพื่อไปดูอะไรสนุกๆต่อไหม?”

แต่ก่อนที่หลินซีเหยียนจะได้พูดอะไรออกไป เจียงหวายเย่ก็ได้เสนอตัวขึ้นมาเอง

หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่ท้องฟ้าแล้วจากนั้นก็กล่าวอย่างหดหู่ “ข้าเกรงว่าคงไปตอนนี้ไม่ได้ เพราะถึงเวลาฝังเข็มขององค์ชายจงแล้ว”

แล้วก็ปรากฏแววตาหึงหวงขึ้นมาในดวงตาของเขา แต่ไม่นานนักก็ได้หายไป แล้วเขาก็ได้กล่าวด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจ “เปิ่นหวางทราบมาว่าร่างกายขององค์ชายจงนั้นดีขึ้นมากแล้วไม่ใช่เหรอ แค่ทานยาก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมเจ้าถึงยังต้องฝังเข็มด้วยตัวเองอีกด้วยเล่า!”

เจียงหวายเย่ก็ได้ใช้ถ้อยคำที่รุนแรงออกมา ซึ่งแม้แต่หลินซีเหยียนที่ปกติจะจะไม่ค่อยรับรู้ความรู้สึกของผู้อื่น ก็ยังรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ดีที่ลอยอยู่ในอากาศ

ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้หลินซีเหยียนก็คงคิดว่าเป็นอะไรที่ไร้เหตุผล แต่ในเวลานี้นางก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไร แล้วกล่าวกลับไปอย่างตรงไปตรงมา “อย่าได้กังวลไปเลย ข้าเป็นหมอ อย่างข้าน่ะไม่คิดอะไรกับเรือนร่างเปลือยเปล่าของผู้ชายหรอก”

เพื่อป้องกันไม่ให้ความรู้สึกนี้ของเขาเพิ่มขึ้นจนทำให้บรรยากาศแย่ลงแล้ว เจียงหวายเย่ที่มองการณ์ไกลก็ได้หยุดเมื่อเขาเห็นว่าสมควรแล้ว

“เปิ่นหวางคิดว่ามันจะต้องส่งผลกระทบกับ เสี่ยวเหยียนเอ๋อในทุกๆวันแน่ หรือจะให้เราให้เฉิงรุ่ยเหยียนมาแทนเจ้าในวันพรุ่งนี้ดี?” คำพูดที่ระวังตัวเช่นนี้ทำให้หลินซีเหยียนนั้นทั้งหัวเราะและร้องไห้ นี่เขาอารมณ์แปรปรวนได้มากขนาดนี้เลยเหรอ?

แต่ทว่าหากมีใครสามารถมาแทนที่นางได้ ก็จะช่วยแบ่งเบาภาระให้นางอย่างมากได้ นางจะได้มีเวลาว่างไปทำอย่างอื่นบ้าง

มองดูเสี่ยวเหยียนเอ๋อที่กำลังครุ่นคิดแล้ว เจียงหวายเย่ก็ได้รู้สึกว่าได้ผลขึ้นมาในใจ แล้วได้รีบกล่าวอย่างดื้อรั้น “เฉิงรุ่ยเหยียนนั้นแม้จะดูพึ่งพาไม่ได้ แต่ความสามารถด้านการรักษาของเขาก็มีเพียงพอเลยล่ะ”

เฉิงรุ่ยเหยียนที่อยู่ไกลออกไปหลายร้อยลี้นั้น ขณะที่กำลังนั่งอยู่ในสวนของเขาและรายล้อมไปด้วยหญิงงามนับไม่ถ้วน ซึ่งเขากำลังนอนอาบแสงอาทิตย์อุ่นๆอย่างสบายใจ แต่ก็ไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงการจามสามหนในรวดเดียวได้