ตอนที่ 172 :ผลหยวน

“ไม่คิดเลยว่ามันจะมีสกิลที่พิเศษแบบนี้ สมกับเป็นอีกมิติหนึ่งจริง ๆ ”  หวังเย่าถอนหายใจออกมา

“อีกอย่างผีไฟพวกนี้สามารถวิวัฒนาการได้ด้วยตัวเอง แม้ว่าตอนแรกจะระดับต่ำแต่อัตราการเติบโตก็สูงจนน่ากลัว มันสามาถพัฒนาถึงระดับสวรรค์ได้ด้วยการกินสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ ที่สำคัญกว่านั้นคือมันอยู่กันเป็นฝูงอีกด้วย”

หวังเย่ามองสถานะของพวกมัน เมื่อเห็นจุดอ่อน เขาก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ

****

จุดอ่อน : แม้ว่าผีไฟจะมีความสามารถฟื้นฟูตัวเองที่สูง แต่จุดตายของพวกมันก็คือกระดูกสันหลัง เนื่องจากวิญญาณของพวกมันซ่อนอยู่ในกระดูกสันหลัง ตราบใดที่กระดูกสันหลังยังอยู่และสติยังไม่หายไป มันก็สามารถฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาได้อีก

****

“งั้นก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว”

หวังเย่าแสดงท่าทีผ่อนคลายออกมา ที่เขากังวลเพราะกลัวว่าผีไฟพวกนี้จะไม่มีจุดอ่อน ถึงจะตัดมันเป็นชิ้น ๆ มันก็อาจจะไม่ตาย มันยุ่งยากและกินเวลา หากเป็นเช่นนั้นเขาควรจะหนีดีกว่าที่จะเผชิญหน้ากับมัน

“การ์ฟิลด์ ตือโป๊ยก่าย หงอคง พวกแกฟังคำสั่งของฉัน เตรียมลงมือ โจมตีที่กระดูกสันหลังของพวกมัน”

หวังเย่าสั่งการอสูรทั้งสามก่อนที่จะเอาธนูและลูกธนูออกมา มันเป็นธนูคันสีทองระดับ A พลังทำลายล้างของมันไม่อาจจะประมาทได้

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว !

ด้วยความช่วยเหลือจากอัญมณีความทรงจำ ทักษะการยิงธนูของหวังเย่าก็พัฒนาขึ้นไปถึงจุดสูงสุด ตอนนี้เขาสามารถยิงธนู 3 ดอกได้ในพริบตา

ธนูพุ่งตัดอากาศและพุ่งเข้าใส่ผีไฟ 3 ตัวอย่างรวดเร็วพร้อมกับเกิดพายุเล็ก ๆ ขึ้น

ผีไฟทั้งสามนึกกลัวขึ้นมาเมื่อรู้ว่ามนุษย์มองพวกมันเห็นได้อย่างไร

มีสองตัวที่ตอบสนองช้าจนโดนธนูปักทะลุแล้วตกลงมา จากนั้นก็มีเลือดสีเขียวส่งกลิ่นเหม็นไหลออกมา เพราะการตกลงจากที่สูงจึงทำให้ร่างของมันหลุดออกจากสถานะหายตัว การ์ฟิลด์จึงโจมตีเข้าที่สันหลังของพวกมันได้อย่างง่ายดายจนทำให้พวกมันกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน

ผีไฟอีกตัวหนีทันแต่ตอนที่มันปรากฏตัวขึ้นมานั้น ตัวของมันก็ราวกับถูกดาบที่มองไม่เห็นแทงทะลุเข้าที่สันหลังของมันทันที

จากนั้นดาบที่มองไม่เห็นก็ได้เปลี่ยนร่างเป็นเงาของหงอคง ก่อนจะสลายตัวไป

เงานี้คือตือโป๊ยก่าย ด้วยเลเวลที่เพิ่มขึ้นมาทำให้ความเชี่ยวชาญสกิลทั้งสามเพิ่มขึ้นไปด้วยอย่างขโมยเงาและแทง

หากการหายตัวของผีไฟนั้นใช้พลังของไฟในการเปลี่ยนทิศทางของแสงเป็นการหายตัวขั้นต้น งั้นการหายตัวของตือโป๊ยก่ายก็เป็นการหายตัวขั้นสูงที่กลืนกินแสงจนกลายเป็นหลุมดำ แสงไม่อาจจะหนีจากมันพ้น

ในทางกลับกันแล้ว ผีไฟไม่อาจจะเคลื่อนไหวรึโจมตีได้ในขณะที่หายตัว ส่วนตือโป๊ยก่ายไม่ได้มีข้อจำกัดเหล่านั้น

การที่ผีไฟทั้งสามตายในทันทีได้สร้างความลนลานให้กับผีไฟที่เหลือ พวกมันรีบออกมาจากการซ่อนตัว เมื่ออีกฝ่ายมองเห็นพวกมัน งั้นมันก็ไม่มีความหมายที่จะซ่อนตัวต่อ

ผีไฟระดับสวรรค์เลเวล 50 คือตัวที่แข็งแกร่งที่สุด ทั้งยังเป็นหัวหน้าฝูงก็ได้กรีดร้องออกมา

จากนั้นผีไฟทั้งหลายก็กระโดดลงจากกิ่งไม้ก่อนจะมารวมตัวกัน พวกมันใช้สกิลใบมีดไฟออกมา พวกมันไม่กล้าประมาท เพราะรอบตัวของพวกมันมีสัตว์อสูรที่พวกมันมองไม่เห็นอยู่ และเหนือหัวของพวกมันมีแมวที่แผ่คลื่นพลังที่แข็งแกร่งออกมา

ใบมีดไฟเหล่านี้ราวกับห่ากระสุนที่ทรงพลังและครอบคลุมพื้นที่บริเวณกว้าง ตอนนั้นแม้แต่ตือโป๊ยก่ายก็ต้องถอยกลับไปถึง 100 เมตร

หวังเย่าเห็นแบบนั้นก็ยิงธนูออกไป แม้ว่าใบมีดไฟจะตัดลูกธนูของเขาได้ แต่เขาก็ยังอยากจะลอง

ทักษะการยิงธนูของเขาทรงพลังอย่างมาก เขาสามารถยิงสัตว์อสูรเลเวล 40 ในระยะ 1 กิโลเมตรให้ตายได้ แต่ลูกธนูที่เขายิงออกไปกลับทำอะไรไม่ได้ มันถูกหยุดไว้โดยผีไฟเลเวล 50

ในเมื่อธนูไม่เป็นภัยกับพวกมัน หวังเย่าก็ต้องเปลี่ยนแผน เขาเก็บธนูเข้าไปในกระเป๋ามิติก่อนจะเอามิสไซน์ขนาดเล็กออกมาแทน

ก่อนที่จะยิง เขาได้มองไปรอบ ๆ ด้วยสกิลเนตรอัคคี เมื่อพบว่าไม่มีผีไฟตัวอื่น ๆ ซ่อนตัวอยู่ เขาจึงสบายใจขึ้นมาก่อนจะพาดมิสไซน์ไว้ที่ไหล่และเล็งไปที่พวกผีไฟ

ตูมมมม !

เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับมิสไซน์ที่ถูกยิงใส่พวกผีไฟ

พวกผีไฟแสดงท่าทีหวาดกลัวออกมาและรีบกระจายตัวกัน ก่อนจะหนีทันที

แต่มิสไซน์นั่นมีความเร็วที่น่าทึ่ง แค่พริบตาเดียวพวกผีไฟเลเวล 30 กว่าครึ่งก็หนีไม่ทัน พวกมันโดนระเบิด ตัวของพวกมันระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ และตกลงไปที่พื้น

“ พวกมันจะตายรึเปล่า ? ” หวังเย่าเกิดความสงสัยขึ้นมา

มีเศษซากของพวกมันจำนวนมากที่พื้นรวมไปถึงพวกที่บาดเจ็บหนักที่ขาขาดและแขนขาด แต่มันก็ยังขยับตัวได้ ถึงสีหน้าพวกมันจะเจ็บปวดและมีเลือดไหลออกมา แต่มันก็ยังไม่ตายอยู่ดี

“ระบบคงไม่โกหก มีแค่การทำลายกระดูกสันหลังของพวกมันเท่านั้นถึงจะฆ่ามันได้”

หวังเย่าใช้ใบมีดลมตัดเข้าที่กระดูกสันหลังของพวกผีไฟทันที

จากนั้นเขาก็ยิงมิสไซน์ออกไปอีกครั้งและฆ่าผีไฟไปอีก 2 ตัว ตอนนี้หัวหน้าฝูงผีไฟไม่อาจจะใจเย็นได้อีก มันรู้แล้วว่าไม่อาจจะรับมือกับอีกฝ่ายได้ ดังนั้นมันจึงรีบหนีไป

ผีไฟตัวอื่น ๆ เองเมื่อเห็นหัวหน้าของพวกมันหนีไป พวกมันก็พากันหนีแต่เพราะไม่มีจุดหมายที่จะไป พวกมันจึงถูกการ์ฟิลด์จัดการไปทีละตัว ๆ

“การ์ฟิลด์ ตือโป๊ยก่ายไล่ตามไป อย่าให้มันหนีไปได้”

หวังเย่าแสดงสีหน้าเย็นชาออกมา เขารู้ว่าผีไฟเป็นสัตว์อสูรที่อยู่กันเป็นฝูง พวกมันมีความฉลาด เขาเจอพวกมันแค่ 10 ตัว แน่นอนว่านี่เป็นแค่กลุ่มเล็ก ๆ หากให้ผีไฟหนีไปได้ งั้นการเดินทางในภูเขาผลไม้ต่อจากนี้ก็จะทำให้เขาพบเจอกับอันตรายเพราะพวกมันอาจจะไปตามพวกมาโจมตีหวังเย่าต่อ

การ์ฟิลด์และตือโป๊ยก่ายรีบไล่ตามไปทันที ส่วนหวังเย่าและหงอคงก็ได้กระโดดขึ้นไปเก็บผลหยวนต่อ

“ลองชิมดู”  หวังเย่าส่งผลหยวนให้กับหงอคง

หงอคงรับผลหยวนไปด้วยท่าทีตื่นเต้น มันกัดไปแค่สองคำก่อนจะกลืนลงไป เมื่อผลหยวนตกถึงท้อง พลังงานจำนวนมากก็แผ่ออกไปทั่วร่างกาย หงอคงรับรู้ได้ถึงความอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วตัว

“เป็นยังไง ? ”  หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา จากนั้นเขาก็ต้องตบหัวตัวเอง เขาจะถามมันทำไมในเมื่อเขาดูค่าประสบการณ์ของมันได้

“ผลหยวนผลเดียวให้ค่าประสบการณ์ถึง 9,500 หน่วย มันส่งผลดีจริง ๆ ”

บอกได้ว่าผลหยวนพวกนี้ถูกแย่งมาจากมือพวกผีไฟ

หงอคงยิ้มออกมาก่อนจะยื่นมือและมองหวังเย่าด้วยสีหน้าคาดหวัง

หวังเย่าไม่ได้ใส่ใจอะไร เขาอยากให้มันกินผลหยวนทั้งหมดในคราวเดียวจะได้ช่วยวิวัฒนาการให้กับมันได้