ตอนที่ 173 : อสูรผู้พิทักษ์

ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统)

ตอนที่ 173 : อสูรผู้พิทักษ์

“แม้ผลหยวน 10 ลูกรวมกันจะหนักไม่ถึงครึ่งกิโลกรัม แต่ก็มีพลังงานมหาศาล”  หวังเย่าทึ่งและรีบส่งผลหยวนให้กับหงอคงทันที

หงอคงรับมันไปและกินทั้งหมดในคำเดียว

หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เขานับดูแล้วมันมีผลหยวนทั้งหมด 68 ผล เดาว่าคงไม่พอที่จะสะสมค่าพลังให้กับหงอคงจนมันวิวัฒนาการได้หรอก

แต่หากกินทั้งหมดแล้ว ค่าประสบการณ์ของหงอคงจะเพิ่มขึ้นมาถึง 650,000 หน่วย บวกกับค่าประสบการณ์ที่เหลืออีก50,000 หน่วย มันก็จะเป็น 700,000 หน่วย

เมื่อคิดแบบนั้นหวังเย่าก็สบายใจขึ้นมากับการยกผลหยวนทั้งหมดให้หงอคงกิน

ไม่นานหลังจากนั้นการ์ฟิลด์ก็ติดต่อกลับมา มันบอกว่าได้ไล่ตามผีไฟได้สำเร็จและใช้เวลาไม่นานก่อนจะฆ่าอีกฝ่ายได้

หวังเย่าถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ตอนนี้ก็เริ่มเย็นแล้ว เขามุ่งหน้าไปที่เนินเขาก่อนจะขุดถ้ำเพื่อพักผ่อน และทำความเข้าใจกับทักษะพายุสังหารต่อ

วันต่อมา หวังเย่าก็ยังทำแบบเดิม เขาตามหาผลไม้และเก็บผลไม้ต่าง ๆ

ครั้งนี้เขาไม่ได้พบกับอันตรายใด ๆ งานวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่น จึงทำให้เขาเก็บผลไม้มาได้หลายพันลูก

เขาพบว่ายิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ ต้นไม้ก็ยิ่งสูงเท่านั้นแต่กลับมีผลไม้น้อยลงเรื่อย ๆ ผลไม้ที่นี่ดูแปลกประหลาดและดูเหมือนจะมีประโยชน์เป็นยาเสียมากกว่า

หากหวังเย่าได้แต่เก็บผลไม้เหล่านั้นมา แต่ทว่ากว่าจะเก็บได้แต่ละครั้งก็ใช่ว่าจะง่าย

ที่ผ่านมาหงอคงทุกข์มาตลอดเพราะมันได้กินแต่ผัก แต่ครั้งนี้เขาคงมีอาหารให้มันอย่างน้อยไปอีกครึ่งปี

“ใช้เวลา 3 วันกว่าจะมาถึงที่นี่และใช้เวลาอีก 5-6 วันบนภูเขา ตอนนี้เวลาเริ่มเหลือน้อยแล้ว”  หวังเย่าคำนวณ

เขาเก็บผลไม้ได้หลายหมื่นผลแต่ระดับของมันก็ยังค่อนข้างต่ำอยู่ดี จำนวนก็ไม่มากนัก ถึงจะเปลี่ยนเป็นค่าประสบการณ์ แต่ก็ไม่ได้มากอะไร หวังเย่าจึงรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่ได้

“พรุ่งนี้ต้องเข้าไปให้ลึกกว่าเดิม”  หวังเย่าตัดสินใจ แม้ว่าส่วนลึกของภูเขาจะอันตรายแต่คุณภาพของผลไม้ที่นั่นก็สูง

หวังเย่าเหมือนคนหิวโหยที่ไม่ได้กินอะไรมา 3 ปี ถ้าเขาพบผลไม้ระดับสูง มันก็เพียงพอที่จะให้หงอคงดูดซับพลังงานไปได้อีกนาน

วันต่อมา หวังเย่าก็ยังคงเดินหน้าต่อไปไม่หยุด ระหว่างทางเขาได้เจอกับอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ ดีที่เขามีตือโป๊ยก่ายคอยสำรวจเส้นทางให้ จึงหลีกเลี่ยงอันตรายมาได้

ตอนประมาณ 10 โมง หวังเย่าก็ได้เข้าไปเขตกลางของภูเขาได้สำเร็จ

เมื่อเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก็พบว่าก้อนเมฆนั้นอยู่ห่างแค่ 1 กิโลเมตร ก้อนเมฆมีรูปร่างคล้ายกับแอปเปิล เดาว่ามันใหญ่กว่าเมืองหลายเท่า มันคอยบดบังแสงจากดวงอาทิตย์และสร้างเงาขนาดใหญ่ขึ้นมา

“นี่คือเมฆของมิติผลไม้หรือ ? ”  หวังเย่าอึ้งนิด ๆ

ดูเหมือนว่ายิ่งมิติลับระดับสูงเท่าไหร่ ก้อนเมฆก็ยิ่งมีขนาดใหญ่และอยู่สูงเท่านั้น

ด้วยความสูงระดับนี้แล้ว พวกนกรึสัตว์อสูรที่บินได้รวมไปถึงทหารรับจ้างก็ไม่อาจจะขึ้นไปได้แน่นอน

เป็นธรรมดาที่หวังเย่าเองก็คงจะเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นด้วย แน่นอนว่าหากทักษะพายุสังหารของเขาขึ้นไประดับสูงกว่านี้ เขาอาจจะสร้างลมเพื่อบินขึ้นไปได้

โชคดีที่เป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่การเข้าไปในมิติผลไม้ ไม่งั้นแล้วเขาคงต้องเปลืองแรงอย่างมาก

มีเฮลิคอปเตอร์ในกระเป๋ามิติของเขา มันสามารถนั่งได้ 2-3 คนและบินสูงได้หลายพันเมตร แต่ด้วยความสูงระดับนั้นก็เท่ากับเปิดเผยตำแหน่งตัวเองและทำให้ถูกโจมตีได้ง่าย ๆ

หลังจากมองดูทางเข้าได้สักพัก หวังเย่าก็หันไปสนใจเรื่องการเก็บผลไม้ต่อ ที่นี่อยู่ใกล้กับทางเข้าของมิติลับ ย่อมได้รับผลกระทบมากที่สุด จึงเป็นธรรมดาที่ระดับผลไม้จะสูงตามไปด้วย

ไม่นานเขาก็พบกับต้นไม้ใหญ่ มันแปลกประหลาดอย่างมากเพราะมันสูงแค่ 550 เมตร แต่ต้นไม้โดยรอบกลับสูงกว่าร้อยเมตร มันจึงดูโดดเด่นกว่าต้นอื่นเป็นอย่างมาก

ใบไม้ของมันดูธรรมดา ไม่มีดอกเพราะด้านบนนั้นมีผลไม้อยู่ ผลไม้นั้นเหมือนจะสุกแล้ว มันมีรูปร่างที่ประหลาดคล้ายน้ำเต้า ผิวของมันเป็นสีเขียว บางอันก็เป็นสีเขียวปนเหลือง

“ต้นน้ำเต้า”  หวังเย่าตาเป็นประกายขึ้นมา เขาเห็นข้อมูลของมันในอินเตอร์เน็ต เขารู้ว่าใจกลางภูเขาผลไม้นั้นจะมีต้นน้ำเต้าอยู่ ผลของมันคือผลน้ำเต้า

ผลน้ำเต้าเหล่านี้มีมิติเป็นของตัวเอง มันสามารถใช้เก็บของได้ น้ำเต้าลูกเล็ก ๆ นั้นสามารถจุน้ำได้ถึง 2-3 ตัน มันเป็นที่โปรดปรานของคนที่ชอบดื่มเพราะผลน้ำเต้านั้นมีธาตุดินเล็กน้อย บางคนจะใส่ไวน์ในน้ำเต้า ก่อนจะเก็บมันไว้ที่ชั้นใต้ดิน

แน่นอนว่าเนื้อของมันก็สามารถกินได้ ทั้งอร่อยและนุ่มราวกับครีม

หวังเย่าตัดสินใจจะเก็บผลน้ำเต้าเหล่านี้ แต่ไม่กล้าผลีผลามลงมือเพราะเขารู้ว่าผลน้ำเต้าเหล่านี้มีอสูรผู้พิทักษ์คอยดูแลอยู่ อสูรผู้พิทักษ์ที่ดูแลต้นนี้ก็โดดเด่นมาก

เขาเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับดึงมีดและโล่ออกมาเตรียมที่จะสู้ เขาสั่งให้อสูรทั้งสามกระจายตัวออกไปล้อมต้นน้ำเต้าเอาไว้

เมื่อเข้ามาในระยะ 50 เมตร ต้นน้ำเต้าก็ตื่นตัว จากนั้นกิ่งไม้ก็สั่นไหวพร้อมกับใบไม้ที่ถูกยิงออกมาราวกับใบมีดพุ่งเข้าใส่ หวังเย่าและอสูรทั้งสาม

หวังเย่าไม่กล้าประมาท เขาใส่ชุดระดับ B จึงไม่กลัวการโจมตีทั่วไป แถมยังใส่หมวกไว้ด้วย ซึ่งตอนนี้เขาแทบจะไร้ช่องโหว่เลยก็ว่าได้

แม้ใบไม้เหล่านั้นจะพุ่งชนร่างของเขา แต่หวังเย่าก็ยังเลือกเดินหน้าต่อ เพราะอสูรผู้พิทักษ์ยังไม่ปรากฏตัว ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าผลีผลาม

ไม่นานเมื่อเข้ามาในระยะ 10 เมตร ก็มีใบไม้ถูกยิงออกมาไม่หยุด ต้นไม้เริ่มส่งเสียงคล้ายเสียงกรีดร้องออกมา

ตอนนั้นเองต้นน้ำเต้าที่ส่องแสงก็เริ่มหม่นแสงลงราวกับมีควันขึ้นปกคลุม จากนั้นก็ลามไปที่รากอย่างรวดเร็ว

แค่วินาทีเดียว ต้นน้ำเต้าก็หม่นแสงลงไปจนถึงราก ราวกับมีบางอย่างกำลังจะปรากฏตัวขึ้นมา

หวังเย่าหยุดและมองไปรอบ ๆ เพื่อหาอสูรผู้พิทักษ์

ครืน….

รากของผลน้ำเต้าส่งเสียงออกมา ก่อนจะมีกำปั้นขนาดใหญ่พุ่งขึ้นมาจากพื้นปรากฏขึ้นตรงหน้าหวังเย่า

กำปั้นนี้ใหญ่พอ ๆ กับเตียงสองเตียงประกบกันก็ว่าได้  เป็นสีเทาดำดูน่าเกลียด มันแผ่แสงสีเหลืองออกมาจากกำปั้นนั้น

หวังเย่ามองมันด้วยความแปลกใจ ดูเหมือนว่าอสูรผู้พิทักษ์จะไม่ได้อ่อนแอเลย ไม่แปลกเลยที่ตลอดหลายปีมานี้พวกทหารรับจ้างถึงไม่ค่อยเก็บผลน้ำเต้าไป ส่วนที่เก็บไปได้ก็มีไม่ถึง 100 ผล

ดูจากผลไม้ที่ห้อยอยู่ตามต้นไม้และคิดจากราคาผลน้ำเต้าแล้ว แต่ละผลจะมีราคาถึง 1 ล้านเครดิต ผลน้ำเต้าตรงหน้าเขาจะทำเงินได้ถึง 40 ล้านเครดิต

แน่นอนว่าหวังเย่าไม่คิดจะขายมัน เพราะตอนนี้เขาไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน ผลน้ำเต้าเหล่านี้เขาจะใช้มันกับหงอคงเพื่อเพิ่มค่าประสบการณ์ และบางส่วนเขาจะนำไปใช้เพื่อเก็บของ

ยังไงซะแหวนมิติก็มีพื้นที่แค่ 1 ตารางเมตร มันสามารถเก็บของเป็นชิ้น ๆ ได้ แต่ไม่เหมาะที่จะเก็บพวกน้ำ ซึ่งน้ำเต้าเหล่านี้ก็เหมาะแก่การเก็บน้ำมากกว่า

เขาจำได้ว่าครั้งที่แล้วที่เขาไปที่รังมังกรเพื่อขโมยนมดินมานั้น เขาได้ใช้ถังเหล็กซึ่งไม่ค่อยสะดวกนักแต่เมื่อเก็บไว้ในกระเป๋ามิติแล้ว เขาก็ยังต้องกังวลว่ามันจะปนเปื้อนรึเปล่า

ครืน !

กำปั้นขนาดใหญ่อีกข้างโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน ต้นน้ำเต้าสั่นไหวอย่างรุนแรง ไม่นานอสูรผู้พิทักษ์ก็โผล่ขึ้นมาจากพื้นทั้งหมด ร่างของมันสูงประมาณ 50-60 เมตร หัวเป็นคนร่างเป็นงู ไม่มีเท้า แขนทั้งสองข้างเต็มไปด้วยมัดกล้ามที่หนาแน่นและปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีเหลืองขนาดใหญ่ ทำให้มันดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก

“ นี่คืออสูรผู้พิทักษ์งั้นหรือ ? น่าเกลียดจริง ๆ ”  หวังเย่าแอบบ่นออกมา

หลังจากนั้นหวังเย่าก็ได้ใช้ระบบตรวจสอบทันที สัญชาตญาณบอกเขาว่าอสูรผู้พิทักษ์นี้ไม่ได้อ่อนแอ และเขาไม่อาจจะดูถูกมันได้