ตอนที่ 174 : ลูกแก้ววิญญาณผู้พิทักษ์

ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统)

ตอนที่ 174 : ลูกแก้ววิญญาณผู้พิทักษ์

****

สายพันธุ์ : อสูรผู้พิทักษ์

ระดับ : สวรรค์ขั้นกลาง

เลเวล :  58

สกิล : 1. หนึ่งเดียวกับดิน ควบคุมดินรอบ ๆ เพื่อโจมตีและป้องกัน

2. รวมพลัง ทำสัญญากับต้นน้ำเต้าเพื่อปกป้องต้นไม้ มันจะได้ผลน้ำเต้าตอบแทน

แยกร่าง เมื่ออสูรผู้พิทักษ์ได้รับการโจมตีที่รุนแรงมันจะแยกร่างออกมาได้ หากฆ่าไม่ได้ในเวลาที่กำหนด ร่างของมันจะรวมเป็นหนึ่งเดียวและแข็งแกร่งขึ้น

3. วังวนดิน สร้างวังวนดินขนาดใหญ่ขึ้นมา ซึ่งมีแรงสูบมหาศาลและมีพลังงานไม่รู้จบ มันสามารถคงอยู่ได้นานและไม่ส่งผลต่อความสามารถในการต่อสู้

จุดอ่อน : ร่างกายของมันทนทานต่อการโจมตี ดังนั้นการโจมตีทั่วไปจึงใช้ไม่ได้ผล แต่มีจุดอ่อนที่สำคัญนั่นก็คือลูกแก้ววิญญาณผู้พิทักษ์ เนื่องจากอสูรผู้พิทักษ์ถูกหล่อเลี้ยงขึ้นมาโดยพลังธาตุดิน รากฐานพลังหรือแก่นแท้ของมัน 9 ใน 10 ล้วนได้มาจากลูกแก้ววิญญาณ หากดึงลูกแก้วออกมาได้ อสูรผู้พิทักษ์ก็จะอ่อนแอลงและถูกทำลายได้อย่างง่ายดาย

****

หลังจากที่ได้อ่านข้อมูลทั้งหมดแล้ว หวังเย่าก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอ่านจุดอ่อนของสัตว์อสูรได้ยาวขนาดนี้ ดูเหมือนว่าลูกแก้ววิญญาณผู้พิทักษ์จะเป็นสมบัติที่โดดเด่น

แต่ระบบไม่ได้บอกว่าลูกแก้ววิญญาณผู้พิทักษ์อยู่ตรงไหน ดูเหมือนว่าเขาจะต้องหามันเอง ซึ่งมันก็ถือว่ายุ่งยากอย่างมาก

หากหาลูกแก้ววิญญาณผู้พิทักษ์พบและตัดการเชื่อมต่อระหว่างลูกแก้วและสัตว์อสูรได้ งั้นก็ง่ายที่จะเอาชนะอสูรผู้พิทักษ์ได้

ร่างกายของมันเกิดขึ้นจากดินที่แข็ง นอกจากจะแข็งแกร่งแล้ว มันยังมีสกิลป้องกันตัวอีกหลายอย่างราวกับอันเดตเลยก็ว่าได้

ดังนั้นมีแค่ต้องหาลูกแก้วให้เจอถึงจะชนะได้

แน่นอนว่าหากเขาถอยตอนนี้ งั้นมันก็เป็นเรื่องง่ายเพราะอสูรผู้พิทักษ์นั้นจะไม่ไล่ตามเขา เพราะมันห่างจากต้นน้ำเต้าได้ไม่มากนัก

แต่หวังเย่ากลับอยากที่จะสู้ เขาอยากที่จะทดสอบฝีมือตัวเอง เพื่อผลน้ำเต้าแล้ว เขาไม่อาจจะถอยได้ แม้ว่าการ์ฟิลด์จะเลเวลต่ำกว่าอสูรผู้พิทักษ์ แต่ระดับของมันก็ยังสูงกว่า หากต้องสู้กันจริง ๆ แล้ว การ์ฟิลด์ก็อาจจะรับมือได้ บวกกับการที่มีเขาและหงอคงคอยช่วย โอกาสชนะก็มีมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์

เนื่องจากหงอคงเลเวลและระดับต่ำจึงทำให้พลังในการต่อสู้น้อยลงไปด้วย แต่ด้วยร่างคิงคองและพลังธรรมชาติที่มี ก็ถือว่าสามารถช่วยในการต่อสู้ได้บ้าง

หวังเย่าเองก็สามารถใช้สกิลของการ์ฟิลด์และยังฝึกทักษะต่าง ๆ ทำให้ความสามารถเขาเพิ่มขึ้นมา

สำหรับตือโป๊ยก่ายแล้ว เพราะความสามารถในการสู้แบบเผชิญหน้านั้นน้อย มันจึงช่วยได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น ในทางกลับกัน ภารกิจของมันคือการหาลูกแก้ววิญญาณผู้พิทักษ์แทน

แค่พริบตาหวังเย่าก็คิดวิธีการในการต่อสู้ต่าง ๆ และคิดแผนการออก สุดท้ายเขาก็ได้สั่งการ

“การ์ฟิลด์ เปลี่ยนไปใช้ร่างที่ใหญ่ที่สุดแล้วรับมือมัน”

“หงอคง ใช้กระบองทมิฬโจมตีจากด้านข้าง”

“ตือโป๊ยก่าย หาโอกาสเข้าไปในตัวมันและหาลูกแก้ววิญญาณผู้พิทักษ์ ถ้าเจอแล้วก็ให้ติดต่อฉันทันที”

อสูรทั้งสามเตรียมตัวจะลงมือทันที

การ์ฟิลด์ได้พุ่งออกไป มันใช้กรงเล็บสะบัดใบมีดลมขนาดใหญ่ 4 อันออกมา

ปัง ปัง !

อสูรผู้พิทักษ์ไม่คิดจะขยับตัว มันปล่อยให้ใบมีดลมฟันที่ตัวมัน ทันใดนั้นร่างของมันก็เปล่งแสงออกมา ก่อนที่ใบมีดลมจะปลิวหายไป ที่ผิวของมันมีแค่รอยข่วนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ทำให้หวังเย่าต้องถอนหายใจออกมา เขาพบว่าใบมีดลมนี่ทำให้มันชะงักไปแค่ 0.5 วินาทีเท่านั้น

อสูรผู้พิทักษ์นี่แกร่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้

แต่พลังของใบมีดลมขั้นสูงนั้นก็เบาลงไปด้วย เพราะระยะห่างที่ไกลเกินไป หากการ์ฟิลด์เข้าประชิดได้ พลังของมันก็จะเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก

อสูรผู้พิทักษ์คำรามออกมา มันได้พุ่งเข้ามาเพื่อเปิดฉากโจมตี

มันได้ควบคุมดินโดยรอบก่อนที่พื้นดินจะสั่นไหว ดินและหินกระเพื่อมขึ้นมาก่อนจะก่อตัวเป็นมังกรดินขนาดใหญ่

ภายใต้การควบคุมของอสูรผู้พิทักษ์ มังกรดินนั้นก็ได้พุ่งตัดอากาศออกไปพร้อมเสียงตัดอากาศดังสนั่น

นี่คือความสามารถในการควบคุมดินของมัน

การ์ฟิลด์เป็นตัวแรกที่เผชิญหน้ากับมัน การ์ฟิลด์ได้ใช้กรงเล็บข่วนเข้าที่หัวของมังกรดินจนทิ้งรอยเล็บยาวกว่า 0.5 เมตรเอาไว้

แต่มังกรดินดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร มันไม่ได้มีกล้ามเนื้อรึเลือดในตัว การข่วนนี้ใช้กับมันไม่ได้ผล ถึงหัวมันจะขาด แต่ก็เสียพลังไปแค่เล็กน้อยเท่านั้น

อสูรผู้พิทักษ์เกิดขึ้นมาจากการรวมตัวกันของหินและดิน มันไม่ได้มีกล้ามเนื้อรึเลือด หวังเย่าไม่รู้ว่าตาของมันใช้การได้เหมือนสัตว์อสูรทั่วไปรึไม่ แต่เขาก็ต้องทดสอบดู เขาได้ยิงธนูออกไปทันที

กริ๊กกก !

อสูรผู้พิทักษ์ส่งเสียงร้องแปลก ๆ ออกมา จากนั้นโล่ดินสีเหลืองก่อตัวขึ้นมาเพื่อหยุดธนูตรงหน้ามัน

ตือโป๊ยก่ายฉวยโอกาสนี้เข้าไปในตัวอสูรผู้พิทักษ์ เพราะร่างเงาจึงทำให้การแฝงตัวเข้าไปนั้นเป็นไปอย่างง่ายดายและอสูรผู้พิทักษ์ก็ไม่รู้ตัว

หวังเย่าถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือยื้อเวลา  ตอนนี้เขาไม่มั่นใจว่าจะจัดการกับอสูรผู้พิทักษ์นี่ได้หรือไม่

แน่นอนว่าอสูรผู้พิทักษ์ยังใช้สกิลอื่น ๆ ออกมา มันอ้าปากออกก่อนจะพ่นพลังธาตุดินออกมา จากนั้นก็มีวังวนดินก่อตัวขึ้นมาค่อย ๆ สูบทุกอย่างเข้าไป

นี่คือวังวนดินที่เกิดขึ้นจากพลังธาตุดินอันบริสุทธิ์

ด้วยการหมุนวนของพลังงานนั้น วังวนก็ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แรงสูบของมันก็มากขึ้นไปตาม พื้นดินโดยรอบถึงกับถูกกลืนเข้าไปในวังวนนั้น และเพิ่มพลังให้กับธาตุดินมากขึ้นไปอีก

เมื่อเห็นแบบนั้นหวังเย่าก็ไม่มัวเสียเวลา เขารีบกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ที่สูงจากพื้นกว่า 200 เมตร

หงอคงและการ์ฟิลด์ได้รับสัญญาณจากหวังเย่าให้ถอยออกมาก่อน พวกมันจึงรีบถอยกลับมาทันที

หวังเย่าฮึดฮัดออกมาแล้วหันไปเผชิญหน้ากับมังกรดิน หากเป็นมังกรดินตัวใหญ่แบบก่อนหน้านี้ เขาคงไม่มั่นใจ แต่เมื่อมังกรดินตัวเล็กลงเพราะไม่มีพลังคอยสนับสนุน เขาก็คิดว่ายังมีโอกาส

ทักษะพายุสังหารของเขาฝึกมาถึงส่วนที่ 3 แล้ว เขาอาศัยกระแสอากาศและยืนอยู่บนอากาศได้สักพัก เมื่อรวมกับความสามารถในการร่อนของการ์ฟิลด์แล้ว หวังเย่าก็สามารถสู้กับมังกรนี่ในอากาศด้วยตัวเองได้

ปล.อันเดต หมายถึง ศพคืนชีพ เป็นประเภทหนึ่งของปีศาจที่เดิมทีเคยเป็นเผ่าพันธุ์อื่นที่มีชีวิต