บทที่ 164 เปิดฉากการประมูล[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 164 เปิดฉากการประมูล[รีไรท์]

รถยนต์ขับตรงเข้าสู่บ้านตระกูลฮวา แต่ไม่มีการต้อนรับจากทางหน้าประตู ไม่ใช่ว่าไม่มีใครอยากต้อนรับ แต่ฉู่ชวิ๋นไม่ยอมให้มีใครมาต้อนรับเขาต่างหาก ตอนนี้เขาอยากเก็บตัวเงียบ ๆ ไม่อยากเปิดเผยตัวเองมากเกินไปนัก ที่เขามาที่นี่ก็เพื่ออยากจะได้กระถางปรุงยาอมตะ ฉู่ชวิ๋นและฮวาชิงหวู่ใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่บ้านตระกูลฮวา

วันต่อมา

ฮวาเซิ่งแจ้งรายละเอียดเรื่องการเริ่มต้นงานประมูล มีหลายคนรีบเดินทางไปยังสถานที่จัดการประมูล ภายในรถยนต์ ฮวาเซิ่งหยิบหน้ากากอัศวินและหน้ากากเจ้าหญิงออกมาอย่างละชิ้น

“เอามาทำไมเนี่ย?” ฮวาชิงหวู่ถาม

“เอาไว้ใส่เวลาเข้างานประมูลครับ เพราะทุกคนที่เข้าร่วมการประมูลต้องเก็บตัวเป็นความลับ เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ประมูลเอง ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องใส่หน้ากากทั้งนั้น” ฮวาเซิ่งอธิบาย หน้ากากเจ้าหญิงจัดทำอย่างประณีต มีความบางเหมือนกับปีกจักจั่น ตกแต่งด้วยลวดลายทองคำ ฮวาชิงหวู่รับไปสวมใส่อย่างไม่เคอะเขิน ฉู่ชวิ๋นเองก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน หลังจากที่ฮวาชิงหวู่ใส่หน้ากากแล้ว ฉู่ชวิ๋นก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

ชุดกระโปรงสีดำตัดกับสีผิวขาวราวกับหิมะและริมฝีปากสีแดง เผยให้เห็นลำคอยาวระหง ชวนให้ผู้คนรู้สึกอยากถอดหน้ากากเธอออก เพื่อรับชมโฉมหน้าที่แท้จริง

ฮวาชิงหวู่เธอมีความสวยที่โดดเด่นสะดุดตาหน้ากากเจ้าหญิงทองคำยังไม่อาจสามารถปิดบังความสวยงามของเธอได้ แต่มันกลับยังขับเน้นให้เธอโดดเด่นมากกว่าเดิมอีกด้วย

“สวยไหม?” ฮวาชิงหวู่ถามติดตลก ฉู่ชวิ๋นยิ้ม แล้วพยักหน้าเบา ๆ ฮวาชิงหวู่ยิ้มหวานด้วยความชอบใจ สำหรับเธอแล้ว นี่คือคำชมที่ดีที่สุดในโลก แล้วพวกเขาก็มาถึงสถานที่จัดงานประมูล ป้ายตัวอักษรสีทองคำสะท้อนประกายกับแสงแดดอยู่ด้านหน้าอาคาร

สถานที่จัดงานประมูลอยู่บนชั้นที่ยี่สิบสอง ที่นี่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดที่สุดในโลก ทั้งสามคนเดินเข้าไปตามทางที่มืดสลัว ผ่านจุดตรวจทั้งสิ้นสิบแปดจุด สถานที่จัดการประมูลไม่ได้เป็นอย่างที่คิดสักเท่าไหร่

ตามงานประมูลที่เห็นจากในโทรทัศน์ จะมีพิธีกรยืนอยู่บนเวทีและผู้เข้าร่วมการประมูลจะนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ข้างล่างเวที

เมื่อต้องการประมูลของชิ้นไหน เขาหรือเธอผู้นั้นก็จะยกมือขึ้นมาเสนอราคาที่ต้องการ แต่ที่นี่ปิดไฟมืด บริเวณชั้นที่ยี่สิบสอง ของตึกระฟ้าแห่งนี้ มีห้องเล็กห้องน้อย อยู่หลายร้อยห้อง ทุกห้องล้วนแล้วแต่เป็นห้องวีไอพี ในแต่ละห้องจะติดหน้าจอขนาดใหญ่ไว้บนผนัง ของที่ถูกนำมาประมูลจะแสดงขึ้นมาบนหน้าจอเหล่านี้ ถ้าต้องการประมูลของสิ่งนั้นก็แค่บอกราคาผ่านไมโครโฟนที่ตั้งอยู่ข้างตัวได้ทันที

นี่คือรูปแบบการประมูลที่หาได้ยาก แต่ก็สามารถปกปิดความเป็นส่วนตัวของแขกผู้เข้าร่วมการประมูลได้เป็นอย่างดี

ห้องวีไอพีทุกห้องจะมีไฟติดอยู่ที่หน้าประตู ถ้ามีคนอยู่ในห้องอยู่แล้ว ไฟที่หน้าประตูจะเป็นสีแดง แต่ถ้าในห้องยังไม่มีคนอยู่ ไฟหน้าประตูก็จะเป็นสีเขียว ถ้าเห็นว่าห้องไหนขึ้นไฟแดง ก็ให้เดินไปหาห้องต่อไปได้ทันที

นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมการประมูลทุกคนต้องสวมใส่หน้ากาก แม้เข้าห้องวีไอพีแล้วก็ห้ามถอด ดังนั้นต่อให้รู้ว่าผู้ประมูลมาจากห้องหมายเลขไหน ก็ไม่มีทางรู้อยู่ดีว่าผู้ประมูลเป็นใคร

“เข้าห้องนี้ดีกว่านะ เลขสวยดีด้วย” ฮวาชิงหวู่เลือกห้องวีไอพีหมายเลขเจ็ดสิบเจ็ด เพราะว่าเธอชอบเลขเจ็ด ฉู่ชวิ๋นไม่ว่าอะไร เช่นเดียวกับฮวาเซิ่ง ทั้งสามคนเข้าไปสู่ภายในห้องหมายเลขเจ็ดสิบเจ็ด

ห้องนี้มีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ มีพื้นที่โดยรวมประมาณห้าสิบตารางเมตร ปูพื้นด้วยพรมเปอร์เชียทำมืออันอ่อนนุ่ม แต่สีสันภายในห้องเน้นไปทางสีแดงเข้ม ฉู่ชวิ๋นขมวดคิ้ว

“มีอะไรหรือเปล่าครับ นายท่าน?” ฮวาเซิ่งสังเกตเห็นสีหน้าของฉู่ชวิ๋น

“ผู้จัดงานประมูลครั้งนี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ เขาเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์อยู่ไม่น้อย” ฉู่ชวิ๋นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“คุณพูดถึงเรื่องอะไรอยู่คะ?” ฮวาชิงหวู่ถามอย่างไม่เข้าใจ ฉู่ชวิ๋นเดินไปนั่งที่โซฟาตัวยาว นัยน์ตาเป็นประกายเคร่งขรึม

เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียกว่า “ห้องนี้ตกแต่งด้วยโทนสีแดง ช่วยกระตุ้นให้เลือดลมในร่างกายผู้คนสูบฉีด” ฮวาชิงหวู่ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี ฮวาเซิ่งเองก็สับสนไม่น้อย

“เหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก นี่คือหลักจิตวิทยาชนิดหนึ่ง มันเรียกว่าการชักจูงทางจิตวิทยา” ฉู่ชวิ๋นหยุดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ

“เมื่อมีการประมูล ย่อมต้องมีการแข่งขัน ถ้าตกแต่งห้องด้วยโทนสีขาว คนในห้องก็จะรู้สึกใจเย็น แต่ถ้าตกแต่งด้วยโทนสีแดง มันจะทำให้เลือดลมในร่างกายสูบฉีด รู้สึกฮึกเหิม ทำแบบนี้จะช่วยให้คนพร้อมที่จะเสนอราคาอย่างบ้าคลั่ง” เมื่อได้ยินแบบนี้ฮวาชิงหวู่และฮวาเซิ่งก็มีสีหน้าประหลาดใจไม่น้อย

โดยเฉพาะฮวาเซิ่งมีสีหน้าแทบดูไม่ได้ ไม่แปลกใจอีกต่อไปแล้วว่าทำไมตั้งแต่เข้ามาอยู่ในห้องห้องนี้ เขาถึงได้รู้สึกใจร้อนแปลก ๆ ผิดวิสัยปกติที่เป็นคนใจเย็นเป็นอย่างยิ่ง

การประมูลเริ่มต้นขึ้นแล้ว!

หน้าจอขนาดใหญ่เองก็ติดมาแล้ว

“สวัสดีครับ แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ผมคือผู้ดำเนินงานการประมูลครั้งนี้ ยินดีต้อนรับสู่งานประมูลที่ล้ำค่าที่สุดแห่งยุคสมัยของทุกชิ้นที่ถูกนำมาประมูลในวันนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นของที่เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่และเกียรติยศครับผม!” เสียงของพิธีกรชายดังออกมาจากลำโพงบนหน้าจอ

“ทางเราทราบดีครับว่า ท่านแขกผู้มีเกียรติงานยุ่งขนาดไหน ถ้าทุกคนไม่ว่าอะไร ผมจะขอเริ่มต้นการประมูล ณ บัดนี้ เชิญพบกับของชิ้นแรกได้เลยครับ”

ภาพหน้าจอปรากฏเป็นแสงสีเขียว ก่อนที่แสงจะจางลงและกลายเป็นเสื้อคลุมหยกตัวหนึ่ง มีคำอธิบายขึ้นไว้ด้านข้างเสื้อคลุมหยกว่า

เสื้อคลุมหยกด้ายทองคำ ยาว 174 เซนติเมตร กว้าง 68 เซนติเมตร ทอขึ้นมาจากด้ายทองคำ 1,576 กรัม ประดับด้วยนิลสีครามอีก 4,248 ชิ้น มีอายุมากกว่า 2,000 ปี ได้มาจากสุสานของหลิวอู๋ กษัตริย์แห่งแคว้นฉู่ เล่าลือกันว่า เสื้อคลุมตัวนี้สามารถชุบชีวิตคนตายได้

เสื้อคลุมหยกด้ายทองคำบนหน้าจอหมุนรอบทิศทาง ให้แขกผู้เข้าร่วมการประมูลได้รับชมสามร้อยหกสิบองศาทุกมุมมอง

เอื๊อก!

ฮวาเซิ่งกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว ฉู่ชวิ๋นและฮวาชิงหวู่หันไปมองหน้าเขาโดยอัตโนมัติ ฮวาเซิ่งยิ้มแห้งด้วยความเขินอาย

การชุบชีวิตคนตายคือปาฏิหาริย์ที่แท้จริง ไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้ว บรรดาแขกวีไอพีในห้องอื่น ๆ น่าจะเริ่มต้นเสนอราคาอย่างดุเดือดหลังจากนี้แน่นอน

“นี่คือของประมูลชิ้นแรกนะครับ เราจะเริ่มต้นเปิดการประมูลที่ห้าสิบล้านหยวน” เสียงของพิธีกรชายดังขึ้น

“ห้าสิบล้าน”

เมื่อสิ้นเสียงพิธีกรชาย การเสนอราคาก็เริ่มขึ้น

“หกสิบล้าน”

“แปดสิบล้าน”

“หนึ่งร้อยล้าน” ราคาประมูลพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่หยุด

ในพริบตาเดียว ราคาของเสื้อคลุมหยกด้ายทองคำก็ทะลุถึงสามร้อยล้านหยวน เพียงแค่ราคาประมูลของชิ้นแรกก็สูงเท่านี้แล้ว ของชิ้นต่อไปจะต้องมีราคาสูงกว่านี้แน่นอน

“นายท่านครับเสื้อคลุมหยกด้ายทองคำชุบชีวิตคนตายได้จริง ๆ หรือเปล่า” ฮวาเซิ่งถามอย่างอดใจไม่ไหว ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเล็กน้อย ก่อนตอบว่า

“ในหยกมีจิตวิญญาณ ช่วยบำรุงสุขภาพของผู้สวมใส่ แต่ถ้าให้ตอบว่า “ชุบชีวิตคนตาย” ได้จริง ๆ ไหมก็ต้องบอกว่ามันน่าขำเกินกว่าจะเป็นเรื่องจริง” ฮวาเซิ่งจึงได้เข้าใจมากขึ้นแล้ว

“แต่ก็ถือว่าเป็นของดีชิ้นหนึ่งเหมือนกัน” ฉู่ชวิ๋นว่า

“ถ้างั้นเราลองประมูลดูไหม” ฮวาชิงหวู่พูดด้วยน้ำเสียงทรงพลัง สมกับที่เป็นคนของตระกูลใหญ่ผู้ร่ำรวย

เธอมาจากตระกูลใหญ่ของเมืองแห่งนี้ ตระกูลไป๋ที่มีเฉินฮั่นหลงคอยควบคุมตอนนี้มารวมเข้ากับธุรกิจในตระกูลฮวาของเธอ ไม่มีอะไรที่ฮวาชิงหวู่จะประมูลไม่ได้

ฉู่ชวิ๋นกลับส่ายหน้าและตอบว่า “ไม่ต้องหรอกมันก็แค่ของดีทั่วไปเท่านั้น”

การประมูลดำเนินต่อไป ราคาสูงถึงสามร้อยห้าสิบล้านหยวน ไม่ต้องพูดถึงเลยว่า เสื้อคลุมหยกด้ายทองคำจะมีอิทธิฤทธิ์สามารถชุบชีวิตคนตายได้จริงหรือไม่? แค่ลำพังตัวของเสื้อคลุมหยกเองก็ประเมินค่าไม่ได้ และควรค่าต่อการเก็บสะสมเป็นอย่างยิ่ง

ในที่สุด ราคาของเสื้อคลุมหยกด้ายทองคำก็ไปจบอยู่ที่สามร้อยแปดสิบล้านหยวน และผู้ที่ได้ไปครอบครองก็คือแขกวีไอพีจากห้องหมายเลขสามสิบหก

“ถ้าอย่างนั้น มาต่อที่ของชิ้นต่อไปกันเลยครับ” พิธีกรชายกล่าว

ไม่นานหลังจากนั้นภาพบนหน้าจอก็เปลี่ยนไป เกิดลำแสงวูบวาบ แล้วดาบโบราณเล่มหนึ่ง ก็ปรากฏบนหน้าจอ นี่คือรายละเอียดของตัวดาบ

ดาบปราบมารของกษัตริย์แห่งแคว้นหยู่

ตัวดาบยาว 55.7 เซนติเมตร กว้าง 4.6 เซนติเมตร หนัก 875 กรัม ถูกฝังอยู่ใต้ดินมาหลายพันปีโดยไม่ได้รับการแตะต้อง บนตัวดาบแกะสลักเป็นรูปนกและแมลง กษัตริย์แห่งแคว้นหยู่สั่งตีดาบเล่มนี้ด้วยตัวเอง กล่าวขานกันว่าเป็นดาบที่ดีที่สุดในโลก

ทุกคนได้แต่จ้องมองหน้าจอด้วยสายตานิ่งอึ้งตะลึงงัน ฉู่ชวิ๋นเลิกคิ้วขึ้นสูงและพูดออกมาโดยไม่รู้ตัวว่า “เป็นดาบที่ดีมาก!”

“อยากลองประมูลดูไหม?” ฮวาชิงหวู่ถาม ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าเบา ๆ