บทที่ 165 สงครามประมูลเดือด[รีไรท์]
ตัวดาบเริ่มเปิดการประมูลที่ ห้าสิบล้านหยวน
ต้องยอมรับว่าของที่นำออกมาประมูลในครั้งนี้มีความพิเศษไม่เหมือนใคร นอกจากเป็นของดีที่หายากแล้ว ยังได้ชื่อว่าเป็นของวิเศษบนโลกมนุษย์อีกด้วย
“ห้าสิบล้าน”
การประมูลเริ่มต้นขึ้น
ฉู่ชวิ๋นใช้จิตวิญญาณตรวจสอบผู้เข้าร่วมประมูลในห้องหมายเลขสี่สิบสองในห้องนั้นมีคนนั่งอยู่สามคน เป็นเด็กหนุ่มหนึ่งคน เด็กสาวหนึ่งคน และชายชราอีกหนึ่งคน
เด็กหนุ่มและเด็กสาวคู่นี้อายุยังไม่มาก คำนวณจากสายตาไม่น่าเกินสิบเจ็ดถึงสิบแปดปีด้วยซ้ำ แต่ก็มีความสวยหล่อ ดูโตเกินวัย
ชายชรามีเส้นผมขาวโพลนบนศีรษะ อยู่ขั้นปรมาจารย์ แต่มีพลังอยู่ที่ระดับ 2 เท่านั้น ทั้งสามคนไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกฉู่ชวิ๋นสอดแนมอยู่
ฮวาชิงหวู่ส่งสัญญาณให้ฮวาเซิ่งประกาศราคา
“หกสิบล้าน” ฮวาเซิ่งเพิ่มราคาขึ้นอีกสิบล้านหยวน
ฉู่ชวิ๋นมองเห็นว่า เด็กสาวในห้องสี่สิบสอง มีสีหน้าตกตะลึงไปไม่น้อย เธอดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก
“เจ็ดสิบล้าน” เสียงแหบแห้งพูดขึ้นผ่านลำโพง
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกแปลกใจ คนที่สู้ราคาไม่ได้มาจากห้องสี่สิบสอง แต่มาจากห้องหมายเลขห้าสิบ
เมื่อใช้จิตวิญญาณตรวจสอบดู เขาก็เห็นภาพภายในห้องหมายเลขห้าสิบ ในห้องนั้นมีคนอยู่ประมาณหกคน เป็นชายชราหนึ่งคนและชายหนุ่มอีกหนึ่งคน ส่วนอีกสี่คนยืนอยู่ด้านหลังพวกเขาทั้งสองคอยรักษาความปลอดภัย
ลมหายใจของชายชราเข้าออกเป็นจังหวะ ดวงตาคมกริบเหมือนกับใบมีด บอกได้ชัดเจนว่าเป็นขั้นปรมาจารย์ระดับ 6
ดูเหมือนว่าจะมีคนจากยุทธภพมาเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้อยู่ไม่น้อย
“แปดสิบล้าน” เนื่องจากมีเงินถุงเงินถัง ฮวาเซิ่งจึงสู้ราคาอย่างไม่กลัวเกรงอีกครั้ง ฉู่ชวิ๋นพบว่าชายหนุ่มในห้องหมายเลขห้าสิบ แสดงความไม่พอใจออกมาแล้ว เด็กสาวในห้องหมายเลขสี่สิบสอง ก็ลุกขึ้นยืนเท้าเอวและพูดกับเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกายว่า “สู้ราคาเขาหน่อยสิพี่”
เด็กหนุ่มยิ้มด้วยความขมขื่น แล้วจึงพูดว่า “มันก็แค่ดาบเล่มหนึ่ง ถ้าได้มาก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรสักหน่อย”
“ไม่นะ วันนี้มันเป็นวันเกิดพี่ทั้งที ฉันจะต้องเอาดาบเล่มนี้มาเป็นของขวัญให้พี่ให้ได้” ใบหน้าของเด็กสาวเต็มไปด้วยความฉุนโกรธ เธอไม่มีความสุขเลยที่ราคาดาบพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้
“แปดสิบห้าล้าน” เด็กสาวพูดผ่านไมโครโฟน แทบจะวินาทีเดียวกัน ชายหนุ่มในห้องหมายเลขห้าสิบ ก็สู้ราคาเป็นเก้าสิบล้านหยวน
ดวงตากลมโตของเด็กสาวเป็นประกายวาวโรจน์เหมือนกับแมวป่าถูกเหยียบหาง เธอตะโกนออกไปโดยไม่เสียเวลาคิด
“หนึ่งร้อยล้าน”
ชายหนุ่มในห้องหมายเลขห้าสิบ มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาแล้ว ดวงตาของเขาปรากฏความไม่พอใจ ชายหนุ่มกำลังจะเพิ่มราคา แต่ชายชราก็ห้ามเอาไว้
“อย่าเพิ่งวู่วาม เป้าหมายของเราวันนี้ไม่ได้อยู่ที่ดาบ ถ้านายน้อยอยากได้ เดี๋ยวผมจะเอามาให้ทีหลัง” ชายชราพูด ชายหนุ่มจึงได้พยักหน้าอย่างใจเย็นลงเล็กน้อย พูดว่า “งั้นให้พวกมันเก็บไว้ก่อนชั่วคราวก็ได้”
ฮวาเซิ่งกำลังจะสู้ราคา แต่ฉู่ชวิ๋นก็ห้ามเอาไว้ เมื่อเด็กสาวบอกราคาที่ต้องการออกมาแล้ว เธอก็กางหูฟัง หน้าเครียด เฝ้ารับฟังเสียงเคาะค้อนทั้งสามครั้งด้วยความตื่นเต้น
เมื่อการประมูลดาบจบสิ้น เธอก็ยกมือลูบหน้าอกที่เพิ่งเริ่มตั้งเต้าและแลบลิ้นออกมาด้วยความโล่งใจ “ลุ้นแทบแย่ แต่สุดท้ายก็ได้มาจนได้แฮะ” ฉู่ชวิ๋นยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
ดาบปราบมารเป็นดาบที่ดีก็จริง แต่ไม่มีประโยชน์สำหรับเขาเลย ฉู่ชวิ๋นตั้งใจจะประมูลมาเป็นของขวัญไปฝากคนอื่น แต่ในเมื่อเด็กสาวคนนั้นอยากจะได้มันนัก เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปแย่งชิง สุภาพบุรุษตัวจริงจะต้องไม่ฉวยโอกาสจากคนอื่นทีเผลอ ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างเธอจะไม่พูดอะไรออกมา แต่ฉู่ชวิ๋นก็ดูออกว่า เขาชื่นชอบดาบเล่มนี้จริง ๆ
การประมูลยังดำเนินต่อไป
แต่อย่างไรก็ตาม ของชิ้นต่อ ๆ มาก็เป็นเพียงแค่ของสะสมโบราณธรรมดา ในสายตาของฉู่ชวิ๋นแล้ว มันเทียบไม่ได้กับดาบปราบมารเลยสักนิด ฉู่ชวิ๋นจึงเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมาเล็กน้อย แต่แล้วชายหนุ่มก็ได้รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง
“ขณะนี้จะเป็นการประมูลของลำดับที่เจ็ดนะครับ” ภาพบนหน้าจอปรากฏเป็นภาพหญ้าสีทองอร่ามกองหนึ่ง มันคือหญ้าทองคํา!
ว่ากันว่า กว่าจะได้หญ้าทองคำจะต้องนำไปคลุกเคล้ากับเลือดของนกสายพันธุ์หายากหลายชนิด เป็นระยะเวลายาวนาน หลังจากที่รับประทานเข้าไปแล้ว ร่างกายก็จะแข็งแรงขึ้นทันตา
มันคือคำอธิบายสรรพคุณที่เรียบง่าย แต่เรียกความสนใจจากผู้เข้าร่วมประมูลทุกห้องได้เป็นอย่างดี
ฉู่ชวิ๋นหรี่ตาลงเล็กน้อย หญ้าทองคำไม่ใช่เป็นเพียงแค่ของหายากทั่วไปแต่จัดเป็นของหายากในระดับ หายากของหายากอีกทีหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนนำออกมาประมูลด้วย?
หญ้าทองคำมีสรรพคุณช่วยคลายจุดตันของร่างกาย นับว่ามีค่ามากยิ่งกว่ากระถางปรุงยาเสียอีก แต่ถ้าได้ของทั้งสองอย่างนี้มาประกอบรวมเข้าด้วยกัน นอกจากจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายแล้ว มันยังจะกลายเป็นยารักษาโรคครอบจักรวาลอีกด้วย
“พวกเราต้องประมูลของชิ้นนี้ให้ได้!” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น
หญ้าทองคำเริ่มต้นเปิดประมูลที่ราคาแปดสิบล้านหยวน
“หนึ่งร้อยล้าน!” ฮวาเซิ่งรีบประกาศราคาทันที
“หนึ่งร้อยสิบล้าน” มีคนประมูลแข่ง
“หนึ่งร้อยสามสิบล้าน”
ในเวลาเพียงพริบตาเดียว ราคาก็พุ่งสูงถึงสองร้อยล้านไปแล้ว
เมื่อฉู่ชวิ๋นใช้จิตวิญญาณสำรวจดู เขาก็รู้ว่าทุกคนที่ร่วมประมูลของชิ้นนี้ ต่างก็เป็นคนในยุทธภพทั้งสิ้น ส่วนคนธรรมดาไม่สนใจมันเลยแม้แต่น้อย
“สองร้อยห้าสิบล้าน” นี่คือราคาจากเด็กสาวในห้องสี่สิบสอง
“สองร้อยแปดสิบล้าน” นี่คือราคาจากชายหนุ่มในห้องห้าสิบ
“สองร้อยเก้าสิบล้าน” เด็กสาวเพิ่มราคาขึ้นอีกครั้ง
“สามร้อยล้าน” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่กลับทำให้สถานการณ์ร้อนระอุ
ดวงตาของเด็กสาวเบิกโต เธอทำปากยื่นด้วยความไม่พอใจ กำลังจะเพิ่มราคาอีกครั้ง แต่ก็ถูกผู้อาวุโสห้ามเอาไว้ก่อนว่า
“คุณหนูครับ เรามาเพื่อสังเกตการณ์เท่านั้น การได้ดาบปราบมารมาครอบครองก็ถือว่าเป็นกำไรแล้ว อย่าทำอะไรวู่วามเลยนะครับ” ชายชราพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง
“ไม่เป็นไรหรอกน่า หญ้าทองคำใคร ๆ ก็รู้ว่า เป็นของวิเศษมีใครบ้างที่ไม่อยากได้มันมาครอบครอง เราปล่อยให้คนอื่นสู้กันไปนั่นแหละดีแล้ว อย่าไปกวนน้ำให้ขุ่นเลยดีกว่า” เด็กหนุ่มกล่าวเสริมขึ้นอีกคนถึงแม้ว่าเด็กสาวจะไม่พอใจ แต่เธอก็นั่งลงแต่โดยดี แม้จะหน้าบึ้งก็ตาม
ฉู่ชวิ๋นประหลาดใจไม่น้อย ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ถึงจะอายุยังน้อย แต่ก็เยือกเย็นจนน่ากลัว
ชายหนุ่มจากห้องหมายเลขห้าสิบ ประกาศราคาอยู่ที่สามร้อยล้าน แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่พร้อมสู้
“สามร้อยสิบล้าน” ใครคนหนึ่งเสนอราคาขึ้น หญ้าทองคำนับเป็นของวิเศษ หากเป็นคนที่อยู่ในยุทธภพ เมื่อได้พบเจอแล้วย่อมไม่อยากปล่อยให้หลุดมือไปเด็ดขาด
ชายหนุ่มในห้องหมายเลขห้าสิบ ลุกขึ้นยืน พูดออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “สามร้อยห้าสิบล้าน”
“อย่าเพิ่งวู่วาม นายน้อย” ผู้อาวุโสพยายามห้ามปราม
“ไม่ต้องห่วง ครั้งนี้ฉันต้องเอาหญ้าทองคำมาให้ได้ ครอบครัวของฉันมีเงินจ่ายไหวอยู่แล้ว” ชายหนุ่มพูดด้วยความใจร้อน
ผู้อาวุโสอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา สีหน้าของเขาดูจะผิดหวังเล็กน้อย
ชายหนุ่มเพิ่มราคาขึ้นไปอีกสี่สิบล้านหยวน ทำให้บรรดาคู่แข่งชะงักไปไม่น้อย ที่สำคัญก็คือ เป้าหมายของเขาไม่ได้อยู่ที่การมาประมูลหญ้าทองคำเท่านั้น แต่ยังเป็นการนำเงินมาจับจ่ายอีกด้วย ถ้าไม่นำเงินมาทุ่มซื้อของบรรดานี้ ก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรอีกแล้ว
ชายหนุ่มมีสีหน้าพึงพอใจมากยิ่งขึ้น “พวกไม่เอาไหน เงินหมดกันแล้วล่ะสิ? ไม่มีใครกล้าสู้ราคาแล้วหรือไง”
“ระมัดระวังด้วยนะครับ นายน้อย” ผู้อาวุโสพยายามย้ำเตือนอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้รับฟังสักเท่าไหร่ ขณะที่พูดว่า “ผมรู้นะว่าคุณกลัวอะไร? คุณกลัวฉู่ชวิ๋นใช่ไหมล่ะ? แต่เขาอยู่ถึงเมืองกู่เจียง
ที่นี่มันเมืองหยุนหยาน สองเมืองนี้อยู่ห่างไกลกันตั้งหลายพันกิโลเมตร คุณกลัวว่าเขาจะได้ยินที่คุณพูดหรือไง?”
ผู้อาวุโสแสดงความไม่พอใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจ และไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย แต่อย่างไรก็ตาม ฉู่ชวิ๋นได้ยินบทสนทนาของพวกเขาอย่างชัดเจน
ฉู่ชวิ๋นยิ้มออกมาแล้ว มันเป็นรอยยิ้มของความประหลาดใจ แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยแววเย็นชาและล้ำลึกเหมือนกับมหาสมุทรหลายพันปี
ชายหนุ่มในห้องหมายเลขห้าสิบ ระเบิดเสียงหัวเราะ ค้อนประมูลเคาะได้สองครั้งแล้ว เคาะอีกเพียงครั้งเดียวหญ้าทองคำก็จะเป็นของเขา แต่ในขณะที่ค้อนกำลังจะเคาะครั้งที่สามนั่นเอง ฮวาเซิ่งก็พูดผ่านไมโครโฟนว่า
“ห้าร้อยล้าน”
ทุกคนถึงกับตกตะลึง นี่คือราคาที่สูงไม่ใช่เล่น
รอยยิ้มของชายหนุ่มแข็งค้างอยู่บนใบหน้า ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดงก่ำ เหมือนกับคนที่เพิ่งกินพริกเข้าไปเป็น กำมือ
“ใครแม่งกล้ามาสู้ราคากับฉันวะ? อยากตายนักหรือไง” ความเดือดดาลของชายหนุ่มทำให้เขาตะโกนใส่ไมโครโฟนจนได้ยินไปทั่วทั้งชั้นที่ยี่สิบสอง
ฮวาเซิ่งหันมองหน้าฉู่ชวิ๋น ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า ฮวาเซิ่งจึงได้ส่งเสียงหัวเราะเยาะและพูดผ่านไมโครโฟนออกไปว่า “คุณเป็นใครมาพูดจาวางท่าใหญ่โต หญ้าทองคำเป็นของตระกูลคุณหรือไง ถึงได้ห้ามคนอื่นประมูลด้วยแบบนี้? ถ้าเป็นแบบนั้น ผมขอถามคนที่จัดงานประมูลก็แล้วกัน พวกคุณอนุญาตให้คนหยาบคายแบบนี้เข้าร่วมประมูลได้ยังไง ทุกคนจะร่วมประมูลกับเขาจริงเหรอ? ถ้าแบบนั้นทำไมไม่ซื้อขายกันตัวต่อตัวไปเลยล่ะ จะเชิญพวกเราที่เหลือมาอีกทำไม? ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ พวกผมคงต้องขอตัวกลับบ้านกันก่อนดีกว่า”