ถังเฮ่าเอาแต่เงียบมาโดยตลอด ทว่าสายตาของเขายังคงมองไปที่เหลิ่งรั่วปิง บนเรือยอร์ชบริษัทประมูลฮั่นไห่ในครั้งนั้น เขาเดาว่าหลินมั่นหรูเเป็นคนของบริษัทประมูลฮั่นไห่ เหลิ่งรั่วปิงเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทประมูลฮั่นไห่ ถ้าอย่างนั้นพวกเธออาจะเป็นคนในองค์กรเดียวกัน เขาเกลียดที่ตนเองมองไม่ออกว่าตัวตนที่แท้จริงของเหลิ่งรั่วปิงเป็นใคร ทำให้เขาไม่รู้ว่าหลินมั่นหรูอยู่ที่ไหนกันแน่
ผู้หญิงคนนั้น เหมือนขนของนกยูง ที่จั๊กจี้หัวใจของเขาอยู่ตลอดเวลา บอกว่าเจ็บก็ไม่ใช่ แต่มันอึดอัดมาก
แน่นอนว่าเหลิ่งรั่วปิงก็อ่านสายตาของถังเฮ่าไม่ออก และคร้านที่จะคาดเดาสายตาของเขา เธอมองกลับไปหาเขาด้วยแววตานิ่งๆ แววตาที่เธอมองกลับไปทำให้ถังเฮ่าไม่กล้ามองตาเธออีก ยังคงเป็นคนนั้น เธอไม่รู้สึกดีกับคุณชายทั้งสี่ของเมืองหลงแม้แต่คนเดียว ตอนนั้นพวกเขาร่วมมือกันทำให้เธอกลายเป็นตัวตลก วันนี้พวกเขาจึงไม่มีสิทธิ์ได้รับความรู้สึกดีๆ จากของเธอ
ภายในใจของหนานกงเยี่ยรู้สึกทรมานมาก เขาไม่พูดอะไรมากมาย ทำแค่เพียงตักอาหารให้เหลิ่งรั่วปิง แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ให้เกียรติเขาแม้แต่น้อย อาหารที่เขาตักให้ เธอไม่กินแม้แต่คำเดียว อีกทั้งตัวเธอเองก็ไม่กินอาหารเท่าไรหร่
“เป็นอะไรไปครับ อาหารไม่ถูกปากหรอ” หนานกงเยี่ยถามเสียงเบา เขาจำได้ว่าเมื่อก่อนเธอชอบกินอาหารพวกนี้มาก
ไม่รอให้เหลิ่งรั่วปิงตอบ อวี้ไป่หันพูดขึ้นมาก่อน ”คุณหนิงซยาครับ ถ้าอาหารไม่ถูกปากก็บอกได้เต็มที่เลยนะครับ เดี๋ยวผมบอกให้พ่อครัวทำใหม่”
เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะเย้ยหยันในใจ เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าฉู่หนิงซยาคนนี้มีอะไรดี ถึงทำให้พวกเขาเอาใจเธอแบบนี้ มองดูอวี้ไป่หันที่เอาใจเธอเป็นอย่างดี ทำให้เธออดสงสัยไม่ได้ว่าเมื่อก่อนเขาเคยติดเงินฉู่หนิงซยาสองสามล้านหรือรึเปล่า มองไปที่มู่เฉิงซี ผู้ชายที่เลือดเย็นมาโดยตลอด ไม่ชอบสุงสิงกับใคร แต่วันนี้กลับเป็นฝ่ายพูดกับเธอก่อน ทางด้านถังเฮ่าแม้จะนั่งเงียบไม่พูดไม่จา แต่แววตาที่มองมาทางหาเธอก็ดูเป็นมิตรมาก
นี่มันอะไรกัน? คุณชายทั้งสี่ของเมืองหลงประสาทหลอนแดกไปแล้วหรือไง หรือว่าฉู่หนิงซยาคนนี้มีอะไรดีจริงๆ?
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเอาใจเธอแค่ไหน เหลิ่งรั่วปิงก็ตัดสินใจที่จะไม่ไว้หน้าพวกเขา ”ขอบคุณคุณอวี้มากนะคะ แต่ฉันคงไม่กล้ากินอาหารที่ไนท์คลับเฟิ่งหวงไถของคุณ ฉันกลัวกินแล้วจะท้องเสีย ใครจะไปรู้ว่าพ่อครัวที่นี่คลานออกมาจากกลุ่มผู้หญิงที่ไหน ล้างมือหรือรึยังก็ไม่รู้?”
ถังเฮ่าที่กำลังตักอาหารเข้าปาก เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เขาถึงกับกินไม่ลง ความรู้สึกคลื่นไส้พุ่งพล่านขึ้นมาจากกระเพาะอาหารลามมาจนจุกอก เป็นอะไรที่ทรมานมาก ถังเฮ่าจึงกัดฟันแน่น วางตะเกียบลง
สีหน้าของอวี้ไป่หันไม่สู้ดีนัก หน้าซีดไปหมด สีหน้าของเขาเวลานี้บรรยายคำว่า ”ประหม่า” ออกมาได้ดีมาก แม้ว่าไนท์คลับเฟิ่งหวงไถของเขาจะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องแบบนั้น แต่มีมาตราการอย่างเข้มงวด ถือเป็นไนท์คลับชั้นนำ ไม่มีวันเกิดเรื่องอุบาทว์อย่างที่เหลิ่งรั่วปิงพูดแน่นอน ตั้งแต่เหลิ่งรั่วปิงเดินเข้ามาในห้องก็ชักสีหน้าใส่ห้กับทุกคน คำพูดของเธอล้วนเต็มไปด้วยความประชดประชัน ดูท่าเหลิ่งรั่วปิงคนนี้จะเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นมาก
คิ้วเข้มของมู่เฉิงซีขมวดเล็กน้อย เขารู้สึกได้ถึงความไม่พอใจของเหลิ่งรั่วปิง สำหรับเธอไนท์คลับเฟิ่งหวงไถไม่ใช่สถานที่ที่ดีเท่าไรหร่ ที่แห่งนี้เคยทำให้เธออับอายขายหน้ามาก่อน ถึงแม้ตอนนี้เธอจะสวมหน้ากาก เปลี่ยนเป็นคนอื่น แต่เธอยังไม่ลืมเรื่องในวันนั้น ในใจของเธอเปี่ยมเต็มไปด้วยความแค้น ดูท่า หากหนานกงเยี่ยคิดอยากจะเอาชนะใจเหลิ่งรั่วปิง หนทางนี้คงยากลำบากและอีกยาวไกล
แต่ทุุกคนรู้ดีว่าเหลิ่งรั่วปิงสำคัญกับหนานกงเยี่ยแค่ไหน ไม่ว่าเธอจะทำตัวขวานผ่าซากแค่ไหน หนานกงเยี่ยก็ยินดีที่จะตามใจเธอ ดังนั้นหลังจากอวี้ไป่หันประหม่าไปพักหนึ่ง เขาก็ยิ้มแห้งแล้วพูดขึ้น ”คุณหนิงซยาเป็นคนตลกมากเลยนะครับ ถ้าอย่างนั้นผมให้คนไปสั่งอาหารร้านอื่นมาให้คุณดีไหมครับ”
เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกแปลกใจมาก เธอคิดไม่ถึงว่า อวี้ไป่หันจะอดทนกับคำวามดูถูกที่เธอพูดไป หรือเป็นเพราะเห็นแก่หน้าหนานกงเยี่ย แต่หนานกงเยี่ยก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปกป้องเธอขนาดนี้ไม่ใช่หรือ
ความสงสัยไม่ได้รับคำอธิบาย เหลิ่งรั่วปิงมองไปที่หนานกงเยี่ยด้วยแววตาสงสัย
เมื่อเห็นสายตาที่มองมาของเหลิ่งรั่วปิง หนานกงเยี่ยทำหน้าเลิ่กลั่ก รีบหยิบแก้วไวน์ขึ้นมา อยากจะดื่มไวน์เพื่อซ่อนความรู้สึกเสียใจและประหม่าของเขา เขานั่งใกล้กับเธอ รังสีพิฆาตที่แผ่ออกมาจากตัวเธอ เขารับรู้ได้ดีที่สุด อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดหัว ดูท่าคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะคลายปมในใจของเธอ เป็นเพราะเรื่องในวันนั้นทำให้เหลิ่งรั่วปิงเสียใจมากหรือรึเปล่า เธอจึงผิดหวังในตัวเขามากขนาดนี้ แล้วตัดสินใจไปจากเขาอย่างเด็ดขาด ยอมเปิดใจให้ไซ่ตี้จวิ้นในระยะเวลาสั้นๆ ทั้งยังหมั้นกับมัน ว่ากันว่าวิธีลืมรักครั้งเก่าที่เร็วที่สุด คือการเริ่มต้นรักใหม่ เธอตัดสินใจที่จะลืมเขาแล้ว
“คุณหนานกงอยากให้กระเพาะตัวเองทะลุหรอคะ” เหลิ่งรั่วปิงมองแก้วไวน์ในมือของเขา กระเพาะอักเสบรุนแรงไม่ใช่หรือ กระดกไวน์เข้าไปขนาดนี้อยากให้กระเพาะทะลุหรือไง
มือของหนานกงเยี่ยหยุดชะงัก ไม่กล้ากลืนไวน์ในปากลงคอ ชำเลืองมองใบหน้าเล็กๆ ของเหลิ่งรั่วปิง แววตาของเธอมีความรังเกียจเผยออกมาอย่างไม่ซ่อนเร้น ดวงตาสีนิลของเธอ แฝงมีความโกรธเคืองเล็กน้อย
เห็นเขาดื่มไวน์ เธอก็โมโหแล้ว!
เธอไม่ได้ไม่สนใจเขา และไม่ได้ไม่ใส่ใจแคร์เขา แต่เธอเกลับป็นห่วงกลัวว่าเขาดื่มไวน์แล้วจะไม่ดีต่อกระเพาะ
เธอกำลังเป็นห่วงเขา!
ในใจของหนานกงเยี่ยรู้สึกมีความสุขขึ้นมากะทันหัน รู้สึกเหมือนเอาชนะอุปสรรคมาได้ เขาดีใจเป็นอย่างมาก มือที่ถือแก้วไวน์เอาไว้สั่นเทาเล็กน้อย ภายใต้สายตาตกใจของทุกคน คุณชายหนานกงจอมเผด็จการและมีสง่า กลับบ้วนคายไวน์ในปากออกมา มุมปากของเขาเผยยิ้มเล็กน้อย ”ครับ ไม่ดื่มแล้ว คุณอย่าโมโหเลยนะ หื้ม?”
แววตาของเขาเปี่ยมเต็มไปด้วยความรักใคร่ มองจนเหลิ่งรั่วปิงรู้สึกประหม่า ”ตลก ทำไมฉันต้องโมโหด้วยคะ” กระแทกแก้วน้ำในมือลง พร้อมกับลุกขึ้น
“ไปไหนครับ?” หนานกงเยี่ยจับข้อมือของเหลิ่งรั่วปิง กลัวว่าเธอจะเดินออกไปด้วยความโมโห
เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะในลำคอ แววตาของเธอเย็นยะเยือกและประชดประชัย ”ไปห้องน้ำค่ะ คุณหนานกงอยากไปด้วยเหรอคะ”
“…” หนานกงเยี่ยปล่อยมือเหลิ่งรั่วปิงด้วยความอึดอัด ตั้งแต่เหลิ่งรั่วปิงเดินเข้ามาในไนท์คลับเฟิ่งหวงไถตัวเธอมีแต่ก็เต็มไปด้วยรังสีพิฆาต เหมือนเม่นน้อยที่กำลังโมโห คงจะเป็นเพราะเธอนึกถึงเรื่องในวันนั้น ดูท่าเขาต้องรีบพาเธอออกไปจากที่นี่ เพื่อกันไม่ให้เธอรู้สึกแย่ และกันไม่ให้เธออารมณ์เสียไปมากกว่านี้
“คุณฉู่คะ ฉันไปด้วย ไปด้วยกันนะคะ” เวินอี๋ยิ้มแล้วลุกขึ้น รังสีพิฆาตในตัวเหลิ่งรั่่วปิงหายวับไปทันที เธอคลี่ยิ้มบางๆ ”ค่ะ ไปกันเถอะค่ะ”
หลังจากผู้หญิงทั้งสองคนเดินออกไป บรรยากาศน่าอึดอัดในห้องก็คลายลง ทุกคนพากันโล่งใจ ตอนที่เหลิ่งรั่วปิงอยู่ พวกเขาต้องทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง กลัวว่าถ้าทำอะไรผิดไป เหลิ่งรั่วปิงจะโมโห เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง ดื้อด้านและเผ็ดร้อน สิ่งสำคัญที่สุดคือเธอเป็นผู้หญิงที่ปีศาจอย่างหนานกงเยี่ยรักแทบเป็นแทบตาย ใครจะกล้าหาเรื่องเธอ
“เฮ้อ หนานกง ฉันว่าหนทางในการตามจีบเมียของแกมันคงอีกยาวนาน” ถังเฮ่าถอนหายใจด้วยความเศร้า สิ่งที่เขาพูดมานั้นสื่อถึงหนานกงเยี่ย แต่ความเป็นจริงเขากำลังเศร้ากับเรื่องของตนเอง อย่างน้อยหนานกงเยี่ยก็เจอตัวเหลิ่งรั่วปิงแล้ว แต่เขายังไม่หาเธอไม่เจอเลย
“เฮ้อ!” มู่เฉิงซีเอนตัวพิงโซฟาด้วยความจนปัญญา ”หนานกง แกจบเห่ในมือผู้หญิงแล้ว เหลิ่งรั่วปิงไปจากแกปุ๊ปก็หมั้นกับผู้ชายคนอื่นทันที แต่แกกลับเอาแต่ทรมานตัวเอง เฮ้อ!” ถอนหายใจแล้วส่ายหน้าไปมา ”มองจากท่าทีของเธอแล้ว ฉันว่าแกเอาชนะใจเธอไม่ได้เร็วๆ นี้แน่ ในเมื่อแกปล่อยเธอไปไม่ได้ ทำไมตอนนั้นแกต้องจัดงานเลี้ยงลองใจเธอด้วย”
พูดถึงงานเลี้ยงลองใจ อวี้ไป่หันตบศีรษะตนเอง ”เป็นความผิดของฉันเอง ฉันผิดเอง!” เงยหน้าขึ้นมองหนานกงเยี่ย ”หนานกง ถ้าตอนนี้ฆ่าฉันแล้วพวกแกสองคนกลับมาคืนดีกัน ฉันยินดีให้แกยิงฉันทิ้ง”
หนานกงเยี่ยที่เงียบมาโดยตลอด มุมปากเผยยิ้มบางๆ ”เธอต้องกลับมาหาฉันแน่นอน” เขายังคงอารมณ์ดีเพราะท่าทีเป็นห่วงของเหลิ่งรั่วปิงเมื่อครู่ ”ในเมื่อกลับมาเมืองหลงแล้ว ฉันจะปล่อยให้เหลิ่งรั่วปิงไปจากที่นี่อีกครั้งได้ยังไง”
“แต่ว่า…” ถังเฮ่าขมวดคิ้วเป็นปม ”เหลิ่งรั่วปิงหมั้นกับไซ่ตี้จวิ้นแล้วไม่ใช่เหรอ” เขาเพิ่งคิดขึ้นได้ ถ้าเหลิ่งรั่วปิงแต่งานกับคนอื่น ก่อนที่เขาจะหาตัวหลินมั่นหรูเจอจะทำอย่างไรยังไง ความรู้สึกกลัวพลุ่งพล่านขึ้นมา
“หึ!” หนานกงเยี่ยหัวเราะในลำคอ ”ไซ่ตี้จวิ้นเป็นแค่ตัวอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวทำให้เหลิ่งรั่วปิงโกรธ ฉันยิงมันทิ้งตั้งแต่อยู่ที่ประเทศเอ้าตูแล้ว!” หนานกงเยี่ยกัดฟันกรอด ”ก็แค่หมั้นไม่ใช่เหรอ กับอีแค่หมั้น ฉันทำลายทิ้งได้ตลอด ผู้หญิงของกูมันไม่มีสิทธิ์คิดฝัน!”
ตอนนี้เขาเกลียดไซ่ตี้จวิ้นเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นห่วงความรู้สึกของเหลิ่งรั่วปิง เขายิงไซ่ตี้จวิ้นทิ้งไปนานแล้ว จากนั้นก็ทำลายถอนรากถอนโคนบริษัทไซ่ซื่อให้หมด ฉายาด้านความเหี้ยมโหดและกระหายเลือดของเขา ไม่ได้ปลอมแปลงขึ้นมา
ในสมัยโบราณ จักรพรรดิแย่งผู้หญิงกันจนถึงขั้นก่อให้เกิดสงคราม ถ้าหนานกงเยี่ยทะลุมิติกลายเป็นฮ่องเต้ เขาต้องเป็นฮ่องเต้ที่ทำสงครามได้ดีแน่นอน ความกระหายครอบครองของเขาไม่อาจสามารถใช้สามัญสำนึกมาบรรยายได้
เดินเข้าไปในห้องน้ำ เวินอี๋มองเหลิ่งรั่วปิงอย่างพิจารณา รู้สึกสะเทือนใจมาก ”คุณฉู่ คุณเหมือนญาติคนหนึ่งของฉันมากเลยค่ะ”
เหลิ่งรั่วปิงล้างมือ พร้อมกับส่งยิ้มให้เวินอี๋ เธอพูดเสียงหวาน ”เหรอคะ เหมือนตรงไหนคะ?”
“นอกจากหน้าตาแล้ว ส่วนที่เหลือเหมือนไปหมดทุกอย่างเลยค่ะ แม้แต่เสียงพูดก็เหมือนมาก”
เหลิ่งรั่วปิงยิ้ม ”ถ้าอย่างนั้นคุณเคยได้ยินไหมคะ พี่ชายของฉันฉู่เทียนรุ่ยเป็นศัลยแพทย์ที่ทำหน้ากากเก่งมาก หน้ากากที่เขาทำสามารถกลมกลืนเข้าไปในร่างกาย ถ้าสวมหน้ากากของพี่เทียนรุ่ยแล้วเราก็จะเปลี่ยนเป็นคนละคน”
เวินอี๋เบิกตากว้างด้วยความไม่เข้าใจ มองไปที่เหลิ่งรั่วปิง จากนั้นพยักหน้า ”เคย…เคยได้ยินค่ะ” ดวงตากลมโตจดจ้องไปที่เหลิ่งรั่วปิง ไม่กล้ามั่นใจในสิ่งที่ตนเองคาดเดา
เหลิ่งรั่วปิงยิ้มแล้วบีบแก้มเวินอี๋ ”เด็กโง่ ถ้าไม่ใช่พี่ แล้วจะมาร่วมงานเลี้ยงฉลองของเราทำไม”
“พี่รั่วปิง?!” เวินอี๋จับมือเหลิ่งรั่วปิงด้วยความดีใจ น้ำตาคลอเบ้าทันที ”พี่รั่วปิงจริงๆ เหรอคะ”
“ชู่!” เหลิ่งรั่วปิงชูนิ้วขึ้นบอกให้เธอเงียบเสียง ”อย่าให้คนอื่นรู้ พี่กลับมาทำโปรเจคแลนด์มาร์คให้เสร็จเท่านั้น หลังจากจบงานนี้ พี่ก็จะไปจากที่นี่”
“พี่รั่วปิง ในเมื่อกลับมาแล้ว อยู่ที่นี่ต่อไม่ได้เหรอคะ” เวินอี๋จับมือเหลิ่งรั่วปิงไม่ยอมปล่อย ”พี่รู้ไหม คุณหนานกงรักพี่มาก ตั้งแต่พี่ไปจากเขา เขาทรมานตัวนเองจนเกือบตาย ฉันแทบจะทนมองไม่ได้”
เหลิ่งรั่วปิงกระตุกยิ้ม เอียงศีรษะ ไม่ได้พูดอะไร เธอจะพูดอะไรได้ เขาทรมานตัวนเองแล้วเกิดประโยชน์อะไรยังไง ในเมื่อเรื่องในอดีตไม่อาจสามารถทำใจยอมรับได้ แล้วเธอจะหันกลับไปหาเขาทำไม