ตอนที่ 283 แม่นยำมาก / ตอนที่ 284 เธอคิดจะเอาไง

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 283 แม่นยำมาก

 

 

สีหน้าเธอแข็งกร้าวขึ้นไปอีก แทบจะชั่วอึดใจเดียว เธอยกเท้าขึ้นถีบเข้าที่ท้องของฉินปินเข้าอย่างจัง

 

 

ลูกถีบนั้นทำเอาฉินปินถอยหลังกลับไปสองเก้าก่อนจะล้มไปกระแทกกับพื้นดัง ผัวะ

 

 

“แก…”

 

 

ไม่รอให้เขาได้แสดงท่าทีตกตะลึงออกมาจนเสร็จ เฉินฝานซิงก็ก้าวฉับๆ เข้าไปหยุดอยู่ข้างๆ เขาแล้วเหยียดมองลงมา ก่อนที่เท้าหนักๆ จะยกขึ้นอีกครั้งแล้วเหวี่ยงเข้าไปตรงหว่างขาอย่างไม่ออมแรง…

 

 

“อ้าาา”

 

 

ความเจ็บปวดรวดร้าวตรงช่วงล่างทำเอาฉินปินต้องโหยหวนออกมาอย่างทุกข์ทรมาน!

 

 

เฉินฝานซิงดึงเท้ากลับมาด้วยสีหน้าเดียดฉันท์ก่อนจะพาตัวเองไปยืนอยู่อีกมุมหนึ่งอย่างว่องไว

 

 

ฉินปินที่นั่งจ้ำเบ้าอยู่บนพื้นพลันขดตัวเป็นก้อนกลม เหงื่อกาฬผุดขึ้นท่วมใบหน้าที่ขาวซีดลงไปถนัดตา เขาอ้าปากกว้างแต่ทว่าก็จุกเกินกว่าจะเอ่ยสิ่งใดออกมาได้

 

 

เฉียนหมี่และเผยเหยาฉือที่ยืนอยู่อีกทางอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ พวกเธอตะลึงจนเผลอยกมือปิดปาก ดวงตาเบิกกว้างจนสุด ภายในนั้นฉาบไปด้วยความหวาดหวั่นและตกตะลึง!

 

 

ใบหน้าของเฉินฝานซิงยังคงเยือกเย็นมาจนถึงตอนนี้ เธอยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉบอย่างเงียบงัน

 

 

ในฐานะที่เป็นสถานที่ที่มีระดับ การป้องกันเสียงจึงสูงมากเป็นธรรมดา

 

 

ตรงทางเดินยังคงไร้ซึ่งผู้คน

 

 

นับตั้งแต่ที่เฉินฝานซิงเดินออกจากห้องไป ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงันอย่างน่าประหลาด

 

 

เป็นครั้งแรกที่รุ่ยอินเจวี๋ยได้ลิ้มรสชาติของการถูกทารุณ

 

 

กินกระเทียมเข้าไปเป็นคำๆ ยังไม่รู้สึกแย่เท่าบรรยากาศพิลึกๆ นี่เลย เขาจึงออกไปตามเฉินฝานซิงที่หายออกไปพักใหญ่

 

 

จากนั้นเขาจึงไปหยุดยืนอยู่ที่ตรงทางเดิน แต่กลับได้เห็นภาพที่ป่าเถื่อนไร้ที่เปรียบจะๆ คาตา

 

 

ตอนที่เห็นชายคนหนึ่งลอยออกมาจากห้องน้ำเขาก็ตกใจจะแย่แล้วปะ

 

 

เขาก็นึกไปว่าพวกผู้ชายมีเรื่องกัน ทว่าเมื่อได้เห็นร่างบางที่แสนคุ้นตาก้าวออกมาจากห้องน้ำเขาจึงช็อกไปพอสมควร แต่สิ่งที่น่าตกตะลึงไปยิ่งกวานั้นคือลูกเตะของเธอ…

 

 

เป็นเรื่องจริง…

 

 

ทั้งเร็ว!

 

 

ทั้งแรง!

 

 

และแม่นยำ!

 

 

แค่มองเขายังรู้สึกเจ็บแปล๊บตรงส่วนล่างของตัวเองขึ้นมา!

 

 

แม่เจ้าโว้ย…

 

 

ทำไมก่อนหน้านี้เขาไม่ยักรู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะห้าวแบบนี้

 

 

หรือจะพูดอีกอย่างคือ เธอเองก็เคยเป็นคุณหนูใหญ่ที่ถูกประคบประหงมมาเป็นอย่างดี!

 

 

ในตอนนั้นเอง กู้เจ๋อเหยียนที่ไม่รู้ว่าโผล่มายืนอยู่ข้างๆ เผยเหยาฉือตั้งแต่ตอนไหน เมื่อเขาเห็นฉินปินที่นอนขดอยู่บนพื้นก็พาลใจหาย

 

 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”

 

 

สติสัมปชัญญะของเฉียนหมี่ที่เลอะเลือนไปเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็ฟื้นขึ้นเต็มตาในตอนนั้น!

 

 

เธอเดินนวยนาดไปหยุดอยู่ตรงหน้าของเฉินฝานซิงพลางมองชายที่นอนขดเป็นก้อนอยู่บนพื้นก่อนจะเอ่ยอย่างร้อนใจ

 

 

“ประธานเฉิน ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาจะทำยังไง เราต้องขึ้นโรงขึ้นศาลใช่ไหมคะ”

 

 

“ทำไมเราจะต้องขึ้นโรงขึ้นศาลล่ะ ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายเล่นไม่ซื่อกับเธอ แถมเรามีทั้งรูปทั้งวีดีโอเป็นหลักฐานมัดตัวไว้แน่นหนา”

 

 

เธอว่าไปก่อนจะเงียบลงครู่หนึ่ง สายตาเยียบเย็นคู่นั้นกวาดมองกู้เจ๋อเหยียน ยิ้มเย็นเหยียดยกขึ้นตรงมุมปากอย่างเย้ยหยัน “ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่า พวกที่ทำตัวเป็นแมงดาจะถูกพิพากษากี่ปี”

 

 

กู้เจ๋อเหยียนหน้าเปลี่ยนสีไปทันที ความชั่วร้ายปรากฏขึ้นจากเบื้องลึกของนัยน์ตา ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม “บังเอิญจริงน้า ฝานซิง เธอดูพวกเราสิ บทจะไม่เจอก็ไม่เจอกันตั้งหลายปี แต่พอเจอกันขึ้นมาก็เจอกันถึงวันละสองครั้ง! มาเที่ยวที่นี่เหรอ”

 

 

เฉินฝานซิงพยักหน้า “ใช่แล้ว วันนี้ฉันหาเงินมาได้ก้อนใหญ่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ ที่จะมาเที่ยวเล่นฆ่าเวลาที่นี่ได้ตามประสาคนรวยๆ อย่างพวกคุณ”

 

 

ความเยือกเย็นประกายขึ้นบนดวงตาของกู้เจ๋อเหยียน ได้เงินมาก้อนใหญ่?

 

 

นั่นคงจะเป็นเงินเมื่อปีก่อนที่เฉินเชียนโหรวกัดฟันหามาตลอดทั้งปี หลอกเอาเงินน้องมายังไม่ว่า ยังจะเอามาใช้หาความสุขที่นี่?

 

 

ไร้หัวใจจริงๆ

 

 

กู้เจ๋อเหยียนเค้นหัวเราะเยือกเย็นออกมา “เหรอ วิธีหาเงินของเธอมักจะไม่ธรรมดาเสมอเลยนะ”

 

 

แน่นอนว่าเธอฟังออกถึงความถากถางในถ้อยคำนั้น แต่เธอทำเพียงแค่ยกยิ้มขึ้นจางๆ ยื่นมือโอบเฉินหมี่ที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างๆ เข้ามาในอ้อมแขน

 

 

“เอาไงดีล่ะ ประธานกู้ เรื่องที่ทำตัวเป็นแมงดาหลอกคนของฉันมา นายจะยอมปล่อยไปหรือจะเจอกันในชั้นศาล”

 

 

 

 

 

ตอนที่ 284 เธอคิดจะเอาไง

 

 

จู่ๆ กู้เจ๋อเหยียนก็เงียบลงไปอีกครั้ง

 

 

“ฝานซิง คำนั้นมันแรงไปนะ”

 

 

เฉินฝานซิงเหยียดมุมปากอย่างเย็นชา “แค่คำพูดมันจะทำไมงั้นเหรอ มันไม่ทำให้เจ็บแสบ ไม่ทำให้สึกหรอ ยังดีกว่าการกระทำไร้ขอบเขตเป็นไหนๆ กู้เจ๋อเหยียน วันนี้นายยังโชคดีที่เจอฉันเรื่องมันถึงได้ไม่ลุกลามบานปลายไปมากกว่านี้ หากเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ นายคิดว่าตัวเองจะแน่ขนาดไหนกันเชียว ไม่อยากเป็นดาราแล้วเหรอ ช่างเหมือนกับแม่เทพธิดาของนายอะไรขนานนั้น”

 

 

ฉ่า สีหน้าของกู้เจ๋อเหยียนมืดครึ้มลงทันตา

 

 

ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร เสียงของเฉินฝานซิงก็ดังขึ้นอย่างไม่รีบร้อน

 

 

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉันหรอก แต่คนของฉันเกือบมีมลทินเพราะนาย คงจะปล่อยไปเฉยๆ ไม่ได้ เห็นแก่ความเป็นเพื่อนเก่า ห้าแสนเป็นอันจบกัน”

 

 

เส้นเลือดตรงหน้าผากของกู้เจ๋อเหยียนปูดนูนขึ้นมากะทันหัน “ฝานซิง ไม่มากไปหน่อยเหรอ”

 

 

“เหรอ” เฉินฝานซิงก้มลงมองเฉียนหมี่ที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเธออย่างเงียบเชียบ มือที่โอบเอวเธอไว้เธอเพิ่มแรงขึ้นเล็กน้อย “คนที่เดือดร้อนคือเธอ เธอคิดจะเอาไง”

 

 

“คำพูดของประธานฉินฉันก็ได้ยินเต็มสองหู ฉันคงจะปล่อยไปไม่ได้หรอก แถมฉันยังมีหลักฐานอยู่ในมือคงจะพูดให้ตัวเองพ้นผิดได้ไม่ยาก”

 

 

นัยน์ตาของเฉินฝานซิงประกายไปด้วยรอยยิ้ม 

 

 

ไม่เลว ถือว่าไหวพริบดีใช้ได้

 

 

“ในเมื่อมันเป็นเรื่องของเธอ เธอตัดสินใจเองจะดีที่สุด ไม่เข้าใจอะไรตรงไหนก็แค่เชิญทนายมา ฉันยังมีธุระต้องไปทำ ขอตัวก่อนล่ะ”

 

 

เธอว่าพลางก็คลายอ้อมแขนออกจากเฉินหมี่แล้วหันเดินจากไป

 

 

“ฝานซิง รอเดี๋ยว”

 

 

จู่ๆ เสียงของกู้เจ๋อเหยียนก็ดังขึ้น เฉินฝานซิงชะงักเท้าลงไปก่อน เธอยกยิ้มมุมปากขึ้นทั้งที่ยังหันหลังให้เขา

 

 

“หืม?”

 

 

มือคู่นั้นของกู้เจ๋อเหยียนที่สอดอยู่ในกระเป๋ากางเกงชุดสูทกำเป็นหมัดแน่น ทว่าใบหน้ายังคงไว้ซึ่งรอยยิ้มแสนจอมปลอม

 

 

“จะว่าไปที่เธอพูดมาเมื่อกี้ก็มีเหตุผล เรื่องนี้เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน แดงขึ้นมาคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ เลิกแล้วกันไปเถอะนะ”

 

 

เฉินฝานซิงได้ยินเช่นนั้นก็ทำเพียงส่ายหน้าอย่างไร้อารมณ์ “เกรงว่าคงจะไม่ได้แล้วล่ะ เมื่อกี้เฉียนหมี่ก็เพิ่งจะพูดไปว่าคงจะปล่อยไปไม่ได้”

 

 

ใจของกู้เจ๋อเหยียนดิ่งวูบลง เขาหันไปมองเฉียนหมี่วูบหนึ่ง ทีท่าของเฉียนหมี่ในตอนนี้ดูไม่เหลือความหวังที่จะให้เขาเจรจาด้วยแม้แต่น้อย

 

 

กู้เจ๋อเหยียนอยากจะพูดแต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มยังไง

 

 

ในตอนนั้นเอง เฉินฝานซิงก็พ่นลมหายใจออกมาอีกครั้ง เธอตบลงไปบนบ่าของเฉียนหมี่ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เฉียนหมี่ จะว่าไปประธานกู้ก็เป็นเพื่อนสมัยเรียนของฉัน เอาเป็นว่าครั้งนี้อย่าทำให้เรื่องมันลุกลามใหญ่โตนักเลย มันจะเสื่อมเสียไปถึงชื่อเสียงของเธอด้วยเสียเปล่าๆ เอาแบบนี้ดีไหม ล้านหนึ่ง แล้วเรื่องนี้ก็เลิกแล้วกันไป”

 

 

ล้านหนึ่ง?!

 

 

เมื่อกี้เพิ่งจะบอกไปว่าห้าแสน ทำไมตอนนี้ถึงได้กลายเป็นหนึ่งล้านไปซะได้!

 

 

กู้เจ๋อเหยียนรู้สึกเหมือนลมหายใจติดค้างอยู่ในหลอดลมจนแทบจะอกแตกตาย

 

 

แม้แต่เฉียนหมี่ที่เองที่ได้ยินคำว่าหนึ่งล้านก็ทำเอาเธอไม่กล้าหายใจออกมาแรงๆ

 

 

เธอเป็นแค่ลูกตาสีตาสา เงินห้าแสนเมื่อกี้เธอก็ตื่นเต้นจนแทบเป็นลม ตอนนี้ยังจะมาเปลี่ยนเป็นหนึ่งล้านอีก!

 

 

บนโลกความเป็นจริง ไม่มีใครหน้าไหนจะมองข้ามเรื่องเงินๆ ทองๆ ไปได้!

 

 

เธอเป็นเพียงแค่มนุษย์เดินดินทั่วไป ไม่มีเงินก็ไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ต่อได้

 

 

นางเอกในทีวีหรือนิยายมักจะอยู่เพื่อศักดิ์ศรีและเห็นเงินทองเป็นเพียงก้อนกรวด แต่เธอไม่ใช่

 

 

“น่ะ…ในเมื่อ…ประธานเฉินออกปากให้…ฉันก็จะเห็นแก่หน้าของประธานเฉิน…”

 

 

เฉินฝานซิงเองก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการยึดมั่นคุณธรรมในช่วงเวลาเช่นนี้ แน่นนอนว่าเงินยิ่งมากยิ่งดี

 

 

ต่อให้เธอไม่สนเรื่องเงินแต่อีกฝ่ายหนึ่งสนนี่

 

 

ที่เธอต้องการก็แค่ความร้อนใจของอีกฝ่ายเท่านั้นเอง

 

 

“ขอบใจที่เธอไว้หน้าฉันนะ” เฉินฝานซิงยิ้มพลางหันมองไปยังกู้เจ๋อเหยียนที่ยืนหน้าชาอยู่อีกฝั่ง “ล้านหนึ่ง รีบจ่ายมาซะสิ เรื่องของนายกับเฉียนหมี่จะได้จบๆ กันไป”