บทที่ 201 ออกหน้าให้

เนี่ยเฟิ่งหลินได้ฟังแล้วก็หรี่ตาลง นางมองฮูหยินเนี่ยพลางเอ่ย “ฮูหยินหรู พี่ชายของข้าเป็นบุรุษไม่รู้เรื่องหลังบ้านเช่นนี้จึงไม่ต้องพูดถึง แต่เจ้าล่ะ ไม่ว่าอย่างไรซิ่วเอ๋อก็แต่งงานกับหย่วนเฉียวแล้ว ถือว่าเป็นภรรยาของหย่วนเฉียว เจ้าจะส่งตัวนางออกไปแบบนี้ได้อย่างไร?”

“ให้พูดกันจริง ๆ แล้ว ซิ่วเอ๋อเป็นฮูหยินน้อยของตระกูลเนี่ยเชียวนะ! ในหลังบ้านแห่งนี้ไม่มีใครมีสิทธิ์ไล่ซิ่วเอ๋อออกไปทั้งนั้น!” เนี่ยเฟิ่งหลินเอ่ยเสียงเข้ม

จางซิ่วเอ๋อมองเนี่ยเฟิ่งหลินอย่างสงสัย เนี่ยเฟิ่งหลินช่วยเรียกยศถาบรรดาศักดิ์ให้ตัวเองเช่นนี้ มีจุดประสงค์อะไรกัน?

คิดไปคิดมา จางซิ่วเอ๋อก็นึกถึงความเป็นไปได้หนึ่งอย่าง ดูก็รู้ว่าความขัดแย้งระหว่างเนี่ยเฟิ่งหลินและฮูหยินเนี่ยนั้นมีไม่น้อย บางทีที่เนี่ยเฟิ่งหลินทำแบบนี้ก็เพื่อทำให้ฮูหยินเนี่ยรู้สึกเหมือนมีหอกข้างแคร่

ประโยคหนึ่งว่าไว้ เห็นหล่อนไม่มีความสุขแล้วฉันมีความสุข

บางทีตอนนี้อาจเป็นสถานการณ์ตามนั้น

ฮูหยินเนี่ยเริ่มจะกลั้นอารมณ์ไม่ไหว สีหน้าเริ่มอึมครึมลง

หากเป็นไปตามที่เนี่ยเฟิ่งหลินพูดจริง นางก็ต้องเห็นนังเด็กที่มาจากหมู่บ้านอย่างจางซิ่วเอ๋อเหยียบหัวตัวเองอย่างนั้นหรือ?

นางไม่ยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด

ฮูหยินเนี่ยพยายามคุมน้ำเสียงของตัวเองไม่ให้แย่เกินไป แต่แม้ว่าพยายามคุมแล้ว น้ำเสียงของฮูหยินเนี่ยก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก “เฟิ่งหลิน เจ้าไม่รู้อะไร สตรีผู้นี้ไม่คู่ควรที่จะเป็นฮูหยินน้อยของตระกูลเนี่ยเราเลยสักนิด”

“ข้าก็ไม่ได้อยากเป็นนักหรอกเจ้าค่ะ” จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียงเย็น

“เจ้าดูสิ นางไร้การอบรมถึงเพียงนี้ กับผู้ใหญ่ยังจะเถียงคำไม่ตกฟาก!” ฮูหยินเนี่ยชี้จางซิ่วเอ๋อและกล่าว

จางซิ่วเอ๋ออดมองฮูหยินเนี่ยด้วยสายตาดูแคลนไม่ได้ “ข้าว่าท่านช่างไร้เหตุผลเสียจริง ขนาดท่านยังไม่เห็นข้าเป็นคนของตระกูลเนี่ยเลย แล้วไฉนมาขอให้ข้าปฏิบัติต่อท่านเหมือนปฏิบัติต่อผู้ใหญ่?”

“พูดแบบนี้ก็ถูก เป็นผู้ใหญ่ก็ต้องทำตัวให้เหมือนผู้ใหญ่ จึงจะได้รับการเคารพจากเด็ก ๆ” เนี่ยเฟิ่งหลินหัวเราะ

เห็นสองคนนี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยแล้ว ฮูหยินเนี่ยก็ชักจะสงสัยแล้วว่าสองคนนี้นัดกันมายั่วโมโหตัวเองหรือเปล่า!

“ที่สำคัญที่สุดคือนางไม่รู้จักสงวนตัว ตระกูลเนี่ยของเราไม่ต้องการคนสภาพแบบนี้หรอก!” ฮูหยินเนี่ยแค่นเสียงเย็น

จางซิ่วเอ๋อเอ่ยขึ้นทันควัน “ท่านอย่ามาใส่ความผู้อื่นนะ! ข้าไม่สงวนตัวตรงไหนกัน พวกท่านเห็นกับตาหรือว่าอย่างไร?”

“ไม่ได้เห็นกับตาหรอก แต่ย่าของเจ้ามาหาพวกเราด้วยตัวเอง ขอให้พวกเราช่วยสั่งสอนเจ้าให้ดี!” ฮูหยินเนี่ยแค่นเสียงเย็น

จางซิ่วเอ๋อได้ยินมาถึงตรงนี้แล้วโกรธจนควันออกหู

มิน่าล่ะ!

ตามหลักแล้วคนตระกูลเนี่ยพวกนี้ไม่เห็นหัวคนตัวเล็ก ๆ อย่างนางหรอก ตั้งแต่ที่พวกเขาโยนนางออกจากตระกูลเนี่ยแล้วก็ต้องอยากขีดเส้นแบ่งแยกนางออกไป เวลานี้จะเสียแรงเสียเวลามาหาเรื่องนางทำไมอีก?

ที่แท้ก็มีคนไปเตือนพวกเขานี่เอง มีใครบางคนแอบเล่นลูกไม้อยู่!

แม่เฒ่าจางช่างเป็นตัวบ่อนทำลายจริง ๆ หาเรื่องตัวเองในหมู่บ้านไม่เท่าไหร่ นี่คิดจะลากตระกูลเนี่ยเข้ามาร่วมด้วย!

เป็นเพราะตอนอยู่ที่หมู่บ้านชิงสือ แม่เฒ่าจางได้ประมือกับจางซิ่วเอ๋อหลายครั้ง ทว่าสู้ไม่ได้

บวกกับจางอวี่หมินวาดวิมานเรื่องคุณชายฉินให้แม่เฒ่าจางดู แม่เฒ่าจางถึงทำเช่นนี้

หากเพียงแม่เฒ่าจางและจางอวี่หมินเอ่ยปากแล้วเชื้อเชิญคุณชายฉินมาได้ บางทีเรื่องคงไม่เป็นแบบนี้ แม่เฒ่าจางคงไม่คิดจะใช้ตระกูลเนี่ยในการสั่งสอนจางซิ่วเอ๋อ

จางซิ่วเอ๋อฟังมาถึงนี่แล้วหลุดขำพรืด “ย่าของข้าเป็นคนขายข้าด้วยตัวเอง! คำพูดของคนแบบนี้เชื่อถือได้หรือเจ้าคะ? ตอนนี้นางเห็นว่าข้ารกหูรกตาจึงอยากกำจัดข้า! ไม่อย่างนั้นต่อให้ข้ากระทำอะไรที่ผิดจารีตจริง ๆ นางในฐานะย่าจะมาฟ้องตระกูลเนี่ยได้อย่างไรกัน?”

“การกระทำของนางต้องการเล่นงานข้าให้ตายชัด ๆ! ส่วนพวกท่านก็แค่ถูกนางหลอกใช้เท่านั้น! ที่น่าขำที่สุดคือพวกท่านไม่แม้แต่จะไปสืบเสาะ ไม่ถามข้าเลยสักคำก็ด่วนสรุปเสีย!” หน้าตาจางซิ่วเอ๋อน้อยเนื้อต่ำใจและโอดครวญถึงความรันทด

ตอนนี้เห็นได้ชัดเลยว่าเนี่ยเฟิ่งหลินต้องการออกหน้าให้ตัวเอง หากเวลานี้นางไม่รีบฉวยโอกาสเกาะลมบูรพานี้ไว้ คงต้องเสียโอกาสนี้ไปเปล่า ๆ

“ฮูหยินหรู ถ้าเจ้าดูแลจัดการเรื่องราวต่าง ๆ เช่นนี้ออกจะไร้ความยุติธรรมไปหน่อยนะ ถ้าซิ่วเอ๋อไม่สงวนตัวอย่างที่เจ้าว่าจริง ๆ เจ้าจะจัดการก็ไม่มีใครว่า แต่ถ้าหากซิ่วเอ๋อไม่เคยทำอะไรแบบนี้ เจ้าทำเช่นนี้ก็เท่ากับไม่เห็นหย่วนเฉียวอยู่ในสายตา!”

“แม้ว่าหย่วนเฉียวจะไม่อยู่แล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นนายน้อยของตระกูลเนี่ย! เป็นลูกชายคนโตสายตรงของตระกูลเนี่ย! เจ้าปฏิบัติต่อภรรยาของเขาเช่นนี้ไม่ค่อยถูกเท่าไหร่นะ” เนี่ยเฟิ่งหลินคาดคั้น

จางซิ่วเอ๋อฟังมาถึงตรงนี้พอจะถึงบางอ้อแล้ว

จากที่เนี่ยเฟิ่งหลินพูด ดูเหมือนเนี่ยหย่วนเฉียวจะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของฮูหยินเนี่ย

ฮูหยินเนี่ยเหมือนเป็นอนุภรรยาที่ขึ้นแท่นภรรยาหลวงทีหลังมากกว่า ตอนแรกนางนึกว่าที่เรียกว่าฮูหยินหรูเพราะชื่อของฮูหยินเนี่ยมีคำว่าหรู แต่บัดนี้มาลองคิดดูดี ๆ นางก็รู้แล้วว่าสมัยโบราณเหมือนจะมีการเรียกขานอนุภรรยาว่าฮูหยินหรู

เนื่องจากหลังจากที่จางซิ่วเอ๋อออกจากตระกูลเนี่ยแล้ว นางก็อยากแบ่งแยกเขตแดนกับตระกูลเนี่ยชัดเจน จึงไม่เคยสนใจคนของตระกูลเนี่ย ยิ่งไม่มีทางไปสืบเสาะถึงสภาพแวดล้อมอันซับซ้อนของตระกูลเนี่ย

เพราะฉะนั้น ก่อนหน้านี้จางซิ่วเอ๋อจึงไม่รู้เรื่องพวกนี้

บัดนี้ถึงเริ่มเข้าใจขึ้นมาแล้ว

มิน่าล่ะเนี่ยเฟิ่งหลินผู้นี้ถึงไม่เกรงใจฮูหยินเนี่ยเอาเสียเลย และจากน้ำเสียงของเนี่ยเฟิ่งหลินพอจะสัมผัสได้ว่าเนี่ยเฟิ่งหลินนั้นดูแคลนฮูหยินเนี่ย และออกจะเป็นปฏิปักษ์กับฮูหยินเนี่ยด้วย

“เฟิ่งหลิน เจ้าอ่อนต่อโลกเกินไป ความสามารถพลิกดำเป็นขาวของนังเด็กนี่สูงมาก เจ้าอย่าไปฟังที่นางพูดเหลวไหล!” ฮูหยินเนี่ยปริปาก

เนี่ยเฟิ่งหลินเอ่ยขึ้น “เจ้ารู้ไหมว่าเหตุใดข้าถึงรู้ว่าหย่วนเฉียวไม่อยู่แล้ว?”

ฮูหยินเนี่ยใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม รำพึงในใจว่าตระกูลเนี่ยแห่งนี้คงไม่มีสายสืบของเนี่ยเฟิ่งหลินหรอกนะ

ในขณะที่ฮูหยินเนี่ยกำลังคิดว่าใครกันที่ไปส่งข่าวให้เนี่ยเฟิ่งหลิน บอกให้เนี่ยเฟิ่งหลินมาหาเรื่องนั้น เนี่ยเฟิ่งหลินก็เริ่มเอ่ยต่อแล้วว่า “บ่ายวันนี้ ข้างีบไปได้ครู่หนึ่ง แต่กลับฝันอย่างยาวนาน”

ฮูหยินเนี่ยมองเนี่ยเฟิ่งหลินอย่างสงสัย เห็นได้ชัดว่าตามความคิดของเนี่ยเฟิ่งหลินไม่ทัน

เมื่อครู่นี้ยังพูดเรื่องเนี่ยหย่วนเฉียวอยู่เลยไม่ใช่เหรอ? ไปพูดเรื่องฝันตั้งแต่เมื่อใด?

เนี่ยเฟิ่งหลินชะงักไปพักหนึ่งแล้วจึงพูดต่อ “เจ้าลองทายดูซิว่าข้าฝันเห็นใคร?”

ไม่รอให้ฮูหยินเนี่ยตอบอะไร เนี่ยเฟิ่งหลินก็กล่าวขึ้น “ข้าฝันเห็นหย่วนเฉียว หย่วนเฉียวบอกข้าว่าเขาอยู่ที่ภพหน้าอย่างสุขสบาย แต่ยังเป็นห่วงเรื่องในภพนี้มาก เรื่องหนึ่งก็คือยมบาลบอกเขาว่าชะตาเขายังไม่ถึงฆาต เขาจึงอยากรู้ว่าใครกันแน่ที่ทำร้ายเขาจนต้องมีสภาพเป็นเช่นนี้”